๏ ถึงพร้อมเหตุปัจจัยพิสัยก่อ ครบต้นตอแต่งปรุงบำรุงผล สังสารวัฏบัดนั้นก็พลันดล กำเนิดตนตามกรรมเนื่องนำมา เสวยชาติผาดโผนกระโจนแล่น เวรวาดแผนพาเหตามเรขา อกุศลกุศลส่งลงมรรคา ไม่ลดราเลิกฤทธิ์เฝ้าติดตาม โหมรักโลภโกรธหลงให้ทรงจิต ไม่ปลงปลิดเปลื้องกิเลศเหตุข้องหนาม ไขว้เหนี่ยวลงสงสารนานนิยาม ยังคงข้ามกัลป์กัปมิดับลง กำจัดเหตุปัจจัยพิสัยก่อ มิให้พอเพิ่มฤทธิ์พิศวง สังสารวัฏบัดนั้นก็พลันปลง ปัญญาส่งเสวยทิพย์สู่นิพพาน ๚ะ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
24 กุมภาพันธ์ 2547 11:05 น. - comment id 220527
เดินตามท่านสมภารเข้าวัด ดีกว่า .. :)
24 กุมภาพันธ์ 2547 11:27 น. - comment id 220539
เดินเข้า แล้ว เดินออก.. หยอกเย้าเล่นค่ะคุณหมอ ด้วยรักศรัทธา
24 กุมภาพันธ์ 2547 12:03 น. - comment id 220555
ชอบจริงๆค่ะ... ศรัทธาในถ้อยคำและตรรกะของคุณหมอ.. : )
24 กุมภาพันธ์ 2547 12:10 น. - comment id 220558
:) สำหรับผมคงยากครับ
24 กุมภาพันธ์ 2547 12:18 น. - comment id 220565
มาอ่านวาทะธรรม
24 กุมภาพันธ์ 2547 12:49 น. - comment id 220578
สาธุ ครับผม
24 กุมภาพันธ์ 2547 16:24 น. - comment id 220731
กลอนไพเราะ ความหมายดีมากๆๆๆๆเลยค่ะ มาชื่นชมผลงานค่ะ
25 กุมภาพันธ์ 2547 00:09 น. - comment id 220951
*. สังขารอนิจจังยังไม่เที่ยง ไม่มีใครหลีกเลี่ยงหนีหลบลบเหตุได้ ไม่มีใครไม่เกิด..แก่..เจ็บ..ตาย แต่วิถี..ที่หลุดพ้นได้..คือ..สู่นิพพาน .*
25 กุมภาพันธ์ 2547 18:19 น. - comment id 221427
ฉากชีวิตร้อยเรียงเสบียงมาร จึงขับขานหวนโหยโดยร่ำไห้ กี่กาลกัปนับนานมาปานใด ก็หมกไหม้อยู่กับความทุกข์ระทม อพยากตเหตุพิเศษกว่า ไม่นำพาสงสารนานขื่มขม เพียงรับรู้แจ้งใจในอารมณ์ สิ่งน่าชมขมขื่นด้วยตื่นใจ ละกุศลอกุศลผลสร้างชาติ ละซึ่งความเอน็จอนาถเสียงร่ำไห้ ละสงสารนานเนิ่นเกินร่ำไร ละเภทภัยการเกิดเลิศเหตุเอย