ล้อเกวียน..

กวีบ้านนอก..*


                  ขอสืบสานด้วยนิทานแต่กาลก่อน
                  อุทาหรณ์สำหรับไทยในวันนี้
                  มีพราหมณ์ผู้เลื่องลือชาว่าตระหนี่
                  มีบุตรที่แสนห่วงหวงดังดวงตา
                  บุตรถึงคราล้มป่วยร้องช่วยด้วย
                  พราหมณ์แม้รวยไม่หาหมอมารักษา
                  ไม่บอกกล่าวเพราะกลัวใครจะเข้ามา
                  เห็นสมบัติอันล้ำค่าในเรือนตน
                  มีสมบัติแต่ไม่ใช้ให้คุ้มค่า
                  พ่อแม่ คือสมบัติทุกแห่งหน
                  อย่าทิ้งท่านไร้น้ำใจให้ทุกข์ทน
                  สาธุชนควรรักษาอย่าดูแคลน
                  เพราะตระหนี่โง่เขลาเบาความคิด
                  เพราะยึดติดเพียงเงินทองของหวงแหน
                  จนบุตรน้อยได้ความตายเข้ามาแทน
                  รักและแค้นแน่นในอกเพราะงกทอง 
                  บุตรน้อยตายไปอุบัติเป็นเทพบุตร
                  พราหมณ์นั้นสุดเศร้าโศกาหน้าหม่นหมอง
                  เดินร้องให้ไปป่าช้าน้ำตานอง
                  เสียงกึกก้องทั่วป่าช้าทุกคราไป
                  เทพบุตรสุดเวทนาตาพราหมณ์เฒ่า
                  เพราะมัวเอาแต่ตระหนี่ถี่ทรัพย์ไว้
                  อันตัวเราร้องให้ช่วยป่วยสิ้นใจ
                  กลับร้องให้หวังจะปลุกลูกฟื้นคืน 
                  เทพบุตรแปลงกายเป็นชายน้อย
                  นั่งเหงาหงอยร้องให้สะอึกสะอื้น
                  พราหมณ์เดินผ่านพบเขาเข้าในกลางคืน
                  จึงหยุดยืนว่า ร้องให้ทำไมกัน ?
                  หนุ่มน้อยตอบคำถามของพราหมณ์พ่อ
                  อยากได้ล้ออีกข้างเพิ่มเติมเกวียนฉัน
                  จึงร้องให้เพราะอยากได้ดวงพระจันทร์
                  มาเป็นล้อของเกวียนฉัน ทำอย่างไร ?
                  พราหมณ์หัวร่อชอบใจกล่าวไปว่า
                  นี่เจ้าบ้าเขลาปัญญาหรือไฉน
                  จะเอาจันทร์จากฟ้ามาอย่างไร
                  ใครที่ไหนเคยคว้าถึงซึ่งจันทรา
                  เทพบุตรผู้ลูกชายจึงเอ่ยกล่าว
                  จันทร์นี้เล่ายังพอเห็นอยู่ตรงหน้า
                  แปลกหรือไรที่อยากได้เอามันมา
                  ส่วนลูกยาของพราหมณ์ละ อยู่ที่ใด ??
                  การร้องให้กับพระจันทร์บนชั้นฟ้า
                  กับลูกยาที่ตายนั้น.. นั่นอย่างไหน ?
                  จะเรียกว่าเขลาปัญญาหรือบ้าไป
                  เคยมีไหมคนตายฟื้นกลับคืนมา !!!
                  เทพบุตรจึงกลายร่างอย่างเก่าก่อน
                  สง่างามอย่างกับตอนบนชั้นฟ้า
                  เล่าความจริงสิ่งที่ปลอมแปลงกายมา
                  พราหมณ์ศรัทธารักษาตนเป็นคนดี 
                  ------
				
comments powered by Disqus
  • tiki

    26 มกราคม 2547 14:09 น. - comment id 207900

    คิส คิส คิส 
    โห รักคนแต่ ง เอ๊ยไม่ใช่ รักกลอนที่แต่งเหลือคณานะ พี่ท่าน
    
    มาอีกมาจะอ่านให้ทุกรอบ อย่าลืมไปอ่านของ อะฮั้น ด้วยแล้วกันนะคะ
    
    ทิกิ ผู้รักในบทกลอน ของท่านซะเหลือเกิน
  • 100 เหตุผล

    26 มกราคม 2547 15:15 น. - comment id 207914

    นิทานผสมกลอน
    
    สนุกมากเลย
    
    มาทักทายค่ะ
    
    *____________*
    
    
  • เปิ้ลอินเตอร์

    26 มกราคม 2547 16:31 น. - comment id 207951

    สวัสดีค่ะ
    
    มาทักทาย  คุณ กวีบ้านนอกค่ะ
    
    
  • ข้าวปล้อง

    26 มกราคม 2547 17:04 น. - comment id 207970

    สนุกดีค่ะ ได้แง่คิดด้วย ^-^
  • ชัยชนะ

    26 มกราคม 2547 18:24 น. - comment id 208004

    การร้องห่ม ร้องไห้ หาคนตาย
    ร้องอย่างไร ก็ไม่ฟืน คืนชีพได้
    ด้วนตระหนี่ จึงสูญเสีย ยังลูกชาย
    เตือนใจไว้ ชีพสำคัญ เหนืออื่นใด
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    26 มกราคม 2547 23:34 น. - comment id 208119

    ห่วงหวงทรัพย์แต่กลับไม่หวงลูก
    จนต้องถูกพรากไปใจเศร้าสร้อย
    นี่หละหนอคนเราเฝ้าแต่คอย
    หวงสมบัติที่เลิศลอยไม่หวงตน
    
    *-*กลอนไพเราะ  มีคติสอนใจดีจังเลยค่ะ  แต่งเก่งมาก  ชื่นชมในผลงานเสมอค่ะ*-*
  • อัลมิตรา

    26 มกราคม 2547 23:52 น. - comment id 208132

    ชอบจัง
  • เพชรพรรณราย

    28 มกราคม 2547 13:59 น. - comment id 208640

    เรื่องนี้เคยอ่านเจอในหนังสือธรรมอ่ะนะ
  • J!FF

    15 กุมภาพันธ์ 2547 00:28 น. - comment id 216451

    แต่งเองจริงเหรอพี่จอน......

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน