คราวตะวันลับฟ้า คือเวลาที่มืดมิด คราวปลดปล่อยดวงจิต ตามลิขิตชีวิตใคร ท้องฟ้าที่อับแสง หวาดระแวงทุกเภทภัย ดวงดาราที่อาศัย ยังคงไร้ซึ่งดวงดาว มืดฟ้านภาดับ มิอาจลับใจว่างปล่าว ถึงเวลาถึงคราว ความมัวเมาเข้าถึงตัว แฝงความอันตราย ที่จะหมายเข้ายวนยั่ว ให้เกิดความมืดมัว ระเริงตัวกับสิ่งเลว ความมืดกลายเป็นทุกข์ ที่คอยปลุกสู่หุบเหว ดำเนินทางคนเลว คอยฉุดรั้งให้อับจน ความมืดมิมองเห็น หนทางเป็นสิ่งมืดมน หมอกมัวเข้าปะปน ให้ทุกข์ทนนิรันดร์กาล ดาราค่อยทอแสง สว่างแจ้งแสงงามปาน ปานดั่งทิพย์วิมาน พระจันทร์บานสว่างทั่ว หนทางที่มืดมิด มิอาจปิดแสงสลัว สว่างมิอาจกลัว ความมืดมัวมิทนทาน ฉุดรั้งกระชากขึ้น จากหุบชื้นที่กล่าวขาน ดึงจากเหววิมาน สู่แสงแห่งคุณธรรม คอยเปิดอู่ความคิด มืวิปริตลึกถลำ เปิดสู่การกระทำ ที่สุดของคุณความดี สู่ฟ้าของวันใหม่ ที่สดใสไร้หมองศรี ตะวันขึ้นทันที สาดส่องมาจากแดนไกล เปรียบดั่งชีวิตคน มีปะปนระคนไป ดีชั่วมั่วกันไกล ปิดกั้นไว้เปิดออกมา
18 มกราคม 2547 19:26 น. - comment id 204684
ที่ปิดไว้กลับเปิด...ออกเจิดจ้า เหล่าดารานั้นพราวแสงแข่งได้ไฉน รสพระธรรมล้ำเลิศประเสริฐไกล ช่างแจ่มแจ้งแทงใจให้ทุกคน .....
18 มกราคม 2547 21:04 น. - comment id 204723
กลอบ เฉียบมาก เลย ความหมายดีจัง ***************************
18 มกราคม 2547 21:35 น. - comment id 204738
เนื้อหาของกลอนสุดยอดจริง ๆ ค่ะ 100 เหตุผล ขอชื่นชม *____________*
19 มกราคม 2547 17:55 น. - comment id 204986
กลอนไพเราะมากเลยค่ะ แต่งเก่งจัง