.....บังเอิญหลงทางมาเมื่อครารุ่น มารับความอบอุ่นอย่างสุดแสน ได้รับการบ่มเพาะ ณ ดินแดน ที่สมบูรณ์มาตรแม้นแผ่นดินทอง .....ครั้นเติบใหญ่ได้วิชามากูลเกื้อ มีโอกาสช่วยเหลือถิ่นสถาน อิ่มข้าวแดงแกงร้อนมาเนิ่นนาน ก็ถึงกาลแทนคุณท่านด้วยมั่นใจ ....ท่านให้เป็นกุลีแม้ขี้ข้า ใช้แรงกายดุจทาสาก็ทำได้ เพื่อแผ่นดินถิ่นทองผ่องพิไล มิเคยคิดเดียดฉันท์ในงานนานา ....ท่านให้เป็นเบี้ยเล็กๆบนกระดาน เป็นด่านที่ห้าวหาญและทายท้า ก็เป็นเบี้ยที่พร้อมจะบีฑา บดขยี้ปัจจาที่รุกราน ....ท่านให้เป็นเม็ดน้อยคอยระวัง การภายในที่อาจยังความร้าวฉาน ก็เป็นเม็ดฝีปากร้ายในกระดาน แผ่ประจานปมปัญหาท้าความชัง ....กิจการใดที่ผู้ใหญ่ไม่อาจกล่าว เม็ดสามหาวก็ปากกล้าหน้าขึงขัง แม้ในใจจะกริ่งเกรงถูกเกลียดชัง แต่เพื่อยังประโยชน์ใหญ่จึงไม่เกรง ....ท่านให้เป็นม้าศึกคึกคักสู้ เพื่อโรมรันพันตูผู้ข่มเหง จากแดนดินถิ่นไหนไม่กลัวเกรง อย่าอวดเบ่งบนแดนดินแผ่นดินทอง ....ท่านให้เป็นเรือน้อยลอยปริ่มน้ำ ผลิตความรื่นเริงบันเทิงฉลอง รวมสมัครพรรคพวกทั้งรำร้อง มาแซ่ซ้องสาธุการสำราญใจ ....แต่เรือเล็กทั้งยังเด็กจึงม้วนคลื่น กระทบกระทั่งกับผู้อื่นจนหวั่นไหว เผลอชี้นิ้วสั่งการใครต่อใคร ลืมนอบน้อมกับผู้ใหญ่ไม่เข้าที ....เพราะใจหมายมุ่งให้งานสำเร็จ มิได้คิดเผด็จการหว่านสี มิได้ถือตนเหนือใครในชีวี มิได้มีจิตหยามลามผู้ใด ....ท่านให้เป็นโคนลอยคอยขีดเขียน สร้างความเพียรและรอบคอบตอบคำไข ฝึกฝนงานการหนังสือให้ลือไกล แบ่งภาระท่านให้ได้คลายเบา ....มาวันนี้ไม่มีที่บนกระดาน ท่านให้ลงมาหัดอ่านและหัดเขียน ให้มุ่งมั่นศึกษาและเล่าเรียน เพื่อหมุนเวียนรักษาการณ์ผ่านเขตแดน ....ท่านให้ทำหน้าที่ที่ตรงไหน ก็ตั้งใจทำเต็มที่ไม่หวงแหน ความสามารถมีเท่าใดขอทดแทน พระคุณแผ่นดินทองของชีวี ....จะเป็นเบี้ยหรือม้าศึกที่คึกค่า ทำเต็มที่ทุกเวลาไม่หน่ายหนี ความเจ็บช้ำที่สอดแทรกในฤดี มิอาจมีอำนาจเหนือเมื่อทำงาน ....จึงขอกราบถวายไตรกุศล ที่บันดลช่วยเหลือเกื้อสถาน แด่พระครูผู้ประสิทธิ์วิทยาการ คณาจารย์ผู้สอนสั่งอย่างตั้งใจ ...ไม่เคยคิดเป็นดาวใหญ่ในแผ่นฟ้า หวังเป็นแสงชวาลาที่ผ่องใส อยู่เบื้องหน้าพระปฏิมาผู้ทรงชัย ส่องสว่างกระจ่างในแท่นบูชา ....ขอมโนที่นอบน้อมพร้อมกตัญญู จงเสริมส่งให้เป็นผู้ลดโทสา และแตกฉานในการวิทยา กอปรความเพียรเพื่อศึกษาสำเร็จเทอญ
30 สิงหาคม 2546 00:15 น. - comment id 164264
อ่านกวีที่รังสรรค์จำนรรจ์ไว้ ในหัวใจไหวหวั่นกับคำสอน ความบรรเจิดเทิดครูกวีกลอน นำจิตน้อมรำลึกถึงซึ่งบุญคุณ บทกวีงดงามมากครับ ได้ความหมายอย่างลึกซึ้ง ที่อยากบอกคือ น้ำตาซึม แทนคำว่าซึ้งใจกับบทกลอนนะครับพี่ดอกแก้ว ชื่นชมในความสามารถจริงๆ ครับ
30 สิงหาคม 2546 00:57 น. - comment id 164296
ท่านบอกกล่าวสิ่งใดให้รับรู้ โปรดจงฟังเชื่อคำครูท่านสั่งสอน ท่านให้อ่านให้เขียนเพียรสังวอน อย่าได้นอกในคำสอนให้ร้อนใจ ***เป็นกลอนที่ดีจริง ๆ อย่างที่คุณลำน้ำน่านว่าไว้เลยค่ะ***
30 สิงหาคม 2546 09:08 น. - comment id 164339
หมากเกมนี้ มีความคิด จิตสุขุม เดินรัดกุม ท้าทุ่มแจ้ง อย่างแข็งขัน โคนเบี้ยม้า เม็ดเรือด้วย ช่วยเหลือกัน ความสำคัญ ใช่จะอยู่ ขุนผู้เดียว ( ระวังผมจะรุกฆาตนะครับ แห่ะ แห่ะ )
30 สิงหาคม 2546 13:53 น. - comment id 164398
@...บุรุษแห่งสายน้ำ.. ขอบคุณมากค่ะในความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นจากกลอนบทนี้ ชีวิตเป็นสิ่งดำเนินไปอย่างถูกต้องได้ยาก หากไม่มีเป้าหมายและการรู้จักตนเองด้วยแล้ว ก็จะยิ่งพบกับความล้มเหลวไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ...เหมือนกับคำว่าหวังมากผิดหวังมาก... แต่หากเรารู้จักตนและอยู่บนพื้นฐานของคำว่ารู้จักพอ ..ก็จะก่อสุขและสมหวังได้โดยง่ายค่ะ พี่ดอกแก้วขออวยพรให้บุรุษแห่งสายน้ำคนนี้ ประสบแต่สิ่งที่งดงามและสมหวังนะคะ
30 สิงหาคม 2546 13:57 น. - comment id 164399
@..น้องผู้หญิงไร้เงาคะ... คำของครูผู้ไขให้รู้ซึ้ง นั่นประหนึ่งแสงสว่างสร้างสำเร็จ ครูคือผู้พากเพียรเจียรเป็นเพชร มิให้เล็ดเศษหินบิ่นเหลี่ยมคม ....คำของครูเป็นคำที่มีค่าสำหรับศิษย์ โดยเฉพาะคำของพระบรมครู..พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...เป็นสิ่งที่สูงค่ายิ่งค่ะ
30 สิงหาคม 2546 14:01 น. - comment id 164400
@..ชัยชนะ.. สามัคมีมีพลังสร้างทุกสิ่ง แต่ละคนนั้นยิ่งสร้างคุณค่า อยู่ในหน้าที่ใดไม่นำพา เพียงรักษาหน้าที่ให้ดีจริง ไม่กลัวค่ะ ..ระวังเรือก็แล้วกันที่จะถูกเบี้ยเล็กกินแล้วก็หงายกลายเป็นเม็ดน้อยๆขึ้นมา...
30 สิงหาคม 2546 18:06 น. - comment id 164446
มีหน้าที่ต้องกระทำเพื่อแผ่นดิน หากใจสิ้นให้ตระหนักในคุณค่า บุญคุณผืนแผ่นดินและเวลา ต้องรักษาหวงแหนนิรันดร์กาล independe
30 สิงหาคม 2546 21:56 น. - comment id 164476
...น้องจ๋า... หากไร้ถิ่นดินแดนแคว้นอาศัย จะเหลือใครให้เชิดชูอยู่ในด้าว ต้องรักษาแผ่นดินไว้ให้พร่างพราว เพื่อสืบสาวความเสรีมีแผ่นดิน ...สั้นๆแต่ประทับใจมากค่ะน้องจ๋า..
1 กันยายน 2546 08:59 น. - comment id 164617
สวัสดีค่ะพี่ดอกแก้ว... อ่านแล้วสะท้อนชีวิตได้ดีจริงๆ ....จะเป็นเบี้ยหรือม้าศึกที่คึกค่า ทำเต็มที่ทุกเวลาไม่หน่ายหนี ความเจ็บช้ำที่สอดแทรกในฤดี มิอาจมีอำนาจเหนือเมื่อทำงาน ... ขอบคุณมากค่ะ