ตะวันลาฟ้าหมองครองความหม่น ผ่านเวลามาจนใกล้พลบค่ำ กายที่แกร่งเริ่มอ่อนแรงแฝงความช้ำ ใจที่ตรำตรากการงานถึงกาลโรย มองลำแสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า เอ่ยคำลากับดวงใจที่แห้งโหย อย่าสิ้นแรงพร้อมตะวันที่ร่วงโรย เจ้าจงโปรยรัศมีที่งดงาม ยังมีผู้มืดมิดไร้ทิศหลง และบุกฝ่าป่าดงกลางพงหนาม ในคืนค่ำราตรีที่คล้อยยาม รอรับความช่วยหลือเกื้อชีวี อย่าเสียดายมาลีที่กลีบท้อ และพันห่อเกสรซ่อนลายสี จงไปดอมบุปผาราชาวดี ส่งกลิ่นหอมย้อมเสรีราตรีกาล ตะวันเร้นเช่นหลบหน้าอย่าท้อทอด จงโอบกอดบุหลันไว้ด้วยใจหาญ ทุกนาทีมีค่าเอนกการณ์ ใช่ทุกสิ่งจะอวสานต์เพระตะวัน จะขืนดวงจันทราอย่าปรากฏ จะรั้งรถทินกรอย่าคลอนฝัน ไม่อาจรั้งหรือขืนได้ดุจเดียวกัน ต่างเส้นทาง..ต่างความฝัน...ถึงวันลา
9 กรกฎาคม 2546 10:06 น. - comment id 152907
ก่อนตะวันผันลาจากฟ้าล่วง ร้อนก็หน่วงร่วงคลายสาดสายแสง หมู่เมฆขาวพราวตาทาแสดแดง สีส่องแซงแยงย้อนสะท้อนนัยน์ ตะวันลูบจูบลาฟ้าดินจาก เวียนพาพรากลากกลับลับส่องใส เหมือนฝากรอยคอยรักหักอาลัย ฝากฟ้าไว้ในแสงแดงเหลืองงาม รักของฉันนั้นงามเกินขามสูรย์ อร่ามเลิศเพริศพูนจรูญหวาม ดุจไฟโลมโหมไล้ไหม้ลุกลาม ทุกโมงยามหามหากว่าตะวัน ไม่มีจูบลูบลาปล่อยฟ้าเศร้า ไม่ปล่อยเหงาเร้ารอนยามจรผัน จากฟ้าไปให้ร่ำคอยรำพรรณ ทั้งคืนวันถลันหาปลอบวาที รักฉันไม่ไถลล่วงเหมือนสรวงฟ้า ตะวันลาพาพรากมาจากหนี แต่นิรันดร์มั่นยืนขืนราตรี หวานฤดีรี่รื่นกลืนซุกทรวง
9 กรกฎาคม 2546 10:10 น. - comment id 152910
ชื่นชมค่ะ กลอนสวยงาม ทั้งสองคนเลยค่ะ
9 กรกฎาคม 2546 18:32 น. - comment id 153089
ยอมรับฝีมือของทั้งคู่เช่นกันค่ะ เก่งมาก ชื่นชมค่ะ
9 กรกฎาคม 2546 22:08 น. - comment id 153155
รักหวานหวานสานผืนฟ้าทุกคราแล้ว ดุจดวงแก้วส่องหนบนทางฝัน จะล่วงกี่ทิวาราตรีนั้น รักก็ยังคงมั่นไม่จากจร @งดงามและไพเราะมากค่ะ..สดายุ @ใจปลายทาง ..ผู้หญิงไร้เงา ..จะเก็บคำชื่นชมไว้เป็นกำลังใจนะคะ @ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาทักทาย
10 กรกฎาคม 2546 10:26 น. - comment id 153228
ไม่มีความสงสัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ประทับใจมากครับคำบางคำแม้ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อได้ยิน ก็เข้าใจมองเห็นภาพพจน์ด้วย ไพเราะมากครับ