...ฒ..ผู้เถ้า(เฒ่า)...

อัลมิตรา


แสงแดดจ้าตาจ้องหมายมองหา
กายชราใจยังแกร่งเรี่ยวแรงเหลือ
นึกถึงคราวสาวหนุ่มยังคลุมเครือ
ยังคงเหลือในภวังค์ยามนั่งตรอง
สองมือนี้คราวนั้นขยันนัก
เคยสานถักเสื่อตะกร้ามาใส่ของ
ข้าวเหนียวนึ่งกระติ๊บน้อยชะรอยปอง
ตกใส่ท้องอิ่มแท้เหลียวแลงาน
มาบัดนี้มือน้อยพลอยเหี่ยวแห้ง
เคยแข็งแรงคราจับทั้งหยาบกร้าน
ที่เบาหวิวหิ้วยกวิตกนาน
แสนสะท้านหนักแท้แม้ชายตา
สองขาซูบเดินเซเถลไถล
ก่อนทางไกลลำบากหากมิว่า
เดินตัดทุ่งมุ่งเถียงเลาะเลี่ยงนา
กลับอ่อนล้าโรยแรงดุจแกล้งกัน
ต้องพลัดบ้านผ่านเมืองดุจเรื่องเล่า
ปล่อยผมเผ้ารุงรังดังผวนผัน
ไร้จุดหมายญาติมิตรสนิทกัน
สู่เมืองฝันรุ่งฟ้าสุดกล้าเกิน
ยังหิวโซโอ้ว่า...สวรรค์สาป
ดุจตราบาปคุมขังครั้งห่างเหิน
สองขาเร่งขยับย่างทางดำเนิน
มิเพลิดเพลินเมืองกรุงเพียงมุ่งไป
แสวงหาขุมทรัพย์อันลับยิ่ง
ของใครทิ้งข้างทางยังฝันใฝ่
กล่องกระดาษกลาดเกลื่อนยังเตือนใจ
แลกเปลี่ยนไปเป็นเงินมากเกินพอ
ขนมหนึ่งตกอยู่ดูไร้ค่า
หากมวลหมามาเห็นน้ำลายสอ
คว้าขบเคี้ยวสักคราวครั้นเข้าคอ
ก็เพียงพอต่อแรงสำแดงมี
อีกมากมายชายตาแสนล้านัก
ลูกหลานจักเล็งเห็นเข้าไหมนี่
อย่าดูแคลนแม้นพบประสบที
เพราะแม่นี้ทำเพื่อเจือตัวเอง
ไม่อยากให้เจ้านั้นพลันลำบาก
แม้นแม่จากบ้านมาใช่ว่าเก่ง
ไม่อยากเป็นภาระอีกว่าเกรง-
เจ้าข่มเหงด้วยคำอันย่ำยี
แก่ชราใช่ว่าจะดีนัก
ยังประจักษ์ในจิตทุกทิศที่
หวังมาตายดาบหน้าขอลาที
ใช่อวดดีอันใดจงใคร่ครวญ
แสงแดดจ้าทรงกลดปรากฏแจ้ง
ดุจเสแสร้งแผดเผาเศร้ากำสรวล
กองขยะน่าแขยงกลิ่นแรงชวน-
ให้ปั่นป่วนคลื่นไส้ไร้กำลัง
หากชีพยั้งอยู่ได้เพราะไขว่คว้า
อีกสองตาจับจ้องของตามถัง
อาจมีเงินมีทองข้าวของบัง
คงจักนั่งยิ้มย่องแสนผ่องใจ
โอ้วันนี้อ่อนล้าแขนขาท้อ
ยังตัดพ้อเพ้อพร่ำคร่ำครวญไข้
ปราศญาติมิตรชิดเชื้อจุนเจือใด
แสนยากไร้แม้นหมาไม่มามอง
เสื้อตัวเก่ามือคว้ามาลูบหน้า
ซับน้ำตาเหงื่อโซมชะโลมหมอง
แม้นเหม็นบ้างยังดีกว่ามีทอง
ผู้คนมองมากมาย..เหตุใดกัน ?
ฤาฉันเป็นเช่นผีหรือนี่หนอ
คงหัวร่อเริงร่าพาขำขัน
นึกดูถูกเหยียดหยามย่ำยีพลัน
เพียงเพราะฉันเฒ่าชรา..ไร้ค่าฤา ?
โอ้ว่าร้อนแสนร้อนสะท้อนอก
ให้วิตกครุ่นหาคว้าของถือ
ของมากมายก่ายกองเต็มสองมือ
เสียงเลื่องลือเอ็ดอึงยังอึ้งฟัง 
เอ้ย !!..อีแก่สกปรกคนตกต่ำ
อย่ามาทำจับเจ่าเขาจะนั่ง
จงหลีกไปดีกว่าคนน่าชัง
ขืนเจ้ายังอยู่นี่...เจอดีกัน 
โอ้น้ำใจไมตรีเพียงนี้หรือ
หรือสองมือมอมแมมแถมเส่าสั่น
ไปแปะป้ายเสื้อผ้าภูษากัน
จึงเดียดฉันท์ชิงชังยังเศร้าใจ 
ค่าของคนอันใครได้กำหนด
ฤๅปรากฏข้อความนิยามไหน
เพราะคนรวยสูงศักดิ์ยศมากใด
จักมีไครตอบถ้อยจักคอยฟัง
ลมกรรโชกอกพรั่นสะท้านว่า
มากเมฆามืดมัวสลัวตั้ง
เสียงฟ้าร้องคำรามย้ำเสียงดัง
ข้าวของยังกองสุมแทบคลุมตัว
กลิ่นไอฝนปนสาบซึ่งจับจิต
ผลุนผลันคิดไขว่คว้ามาคุ้มหัว
ยังยากแท้สุดสะท้านสั่นระรัว
ให้เกรงกลัวลมฝนบนนภา
ก่อนทำนาคราฝนเบื้องบนเอื้อ
สุขใจเหลือเกินร่ายหมายเปรียบว่า
ชโลมเล่นเย็นฉ่ำร้องรำนา
หากฝนฟ้ามาเยือนเปรียบเหมือนพร
โอ้คราวนี้...หนาวเนื้อเหลือจะอด
ร้าวรันทดเหนื่อยล้าแขนขาอ่อน
ฝนกระหน่ำเนิ่นนานใจสั่นคลอน
ขอวิงวอนฝนฟ้าอย่าแกล้งกัน
สายฝนซ้ำซัดสาดมาดข่มเหง
สองขาเร่งอ่อนแรงแย้งใจฉัน
หมายก้าววิ่งเกรงล้มระบมพลัน
แต่ขานั้นกวัดแกว่งแจ้งความจริง
อันสิ่งของมากมายวางไว้ก่อน
จากรุ่มร้อนกลับหนาวราวผีสิง
คว้ากระติ๊บเพียงหนึ่งซึ่งประวิง
ข้าวของทิ้งเกลื่อนทางยังเฝ้ามอง
ตาละห้อยใจเพลียละเหี่ยแล้ว
อันขวดแก้วลังเก่าอีกข้าวของ
สัมภาระเสื้อผ้าคราเปียกนอง
ยังนั่งมองเพียงหมายไปขนมา
หวังแลกเงินค่าข้าวคราวหิวโหย
ไยฝนโปรยกระหน่ำย้ำหนักหนา
คงไร้ซึ่งปราณีมีเมตตา
คำสาปฟ้าสั่งให้คล้ายลงทัณฑ์ 
คิดแล้วล้าใจท้อหนออกเอ๋ย
เกินเปรียบเปรยรจนาถ้ารังสรรค์
แสนลำบากยากแค้นแม้นตรองกัน
อย่าว่าฉันทุเรศราวเศษคน 
ค่าของคนอ้างอิงสิ่งใดหรือ
ใครยึดถือข้อบัญญัติอาจสับสน
คงคุณธรรมล้ำเลิศบังเกิดตน
คนหนอคนเขาวัดที่...ความดีเลว...ฯ				
comments powered by Disqus
  • ตะเอ๋า

    3 มิถุนายน 2546 00:14 น. - comment id 142700

    T-T
    
    
  • เสธ.

    3 มิถุนายน 2546 01:50 น. - comment id 142702

    อืม...จริง
  • ขอบฟ้าไกล

    3 มิถุนายน 2546 06:06 น. - comment id 142708

    คนนั้นหรือชอบมองคนที่ภายนอก
    ความสวยงามเอาเป็นปลอกห่อหุ้มไว้
    ไม่เคยมองค่าความรู้สึกอยู่ภายใน
    จิตใจใครไม่สำคัญเท่าจิตใจตัว
    
    ********************************************
    เฮ้อ...ปลงกับโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้เลยแฮะ
  • เวทย์

    3 มิถุนายน 2546 09:30 น. - comment id 142729

    ค่าของคนคำนวณที่ดีหรือเลว
  • ใจปลายทาง

    3 มิถุนายน 2546 10:10 น. - comment id 142735

    ขออนุญาติเก็บนะค่ะ
  • ลำน้ำน่าน

    3 มิถุนายน 2546 10:20 น. - comment id 142740

    คำกวีเปรียบเปรยได้กินใจยิ่งนักครับ
    หลายๆ ครั้งในสังคมปัจจุบันที่เราวัดคน
    กันที่ภายนอก  ค่าของคนที่งามในหัวใจ
    มักไม่ค่อยมีใครมองกัน ดีใจครับ ยกบทกวี
    แบบนี้มาสอนใจกันบ่อยๆ นะครับ
    
    ชื่นชมเสมอครับ
  • ส่องหล้า

    3 มิถุนายน 2546 10:59 น. - comment id 142746

    หนาวกายหนาวใจหนาวไปกับสังคม
  • handyman

    3 มิถุนายน 2546 23:27 น. - comment id 142935

    พอมืดค่ำ  ยายชรา หาที่พัก
    ที่พำนัก  พักนอน  ให้หลับไหล
    ใต้สะพาน  เป็นที่กว้าง  ดกดื่นไป
    ใช้อาศัย    พักพิง   ของหญิงชรา..
    
    ตามมาดูครับ......
  • อัลมิตรา

    3 มิถุนายน 2546 23:46 น. - comment id 142942

    ขอบคุณมากค่ะ ทุกๆท่าน
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
  • น้ำ

    4 มิถุนายน 2546 00:26 น. - comment id 142950

    พี่อัลมิตราเขียนชีวิตชราแท้
    แจมชรา
    
    ซาเล้งแรง แซงโค้ง หมายของเก่า
    มากมายเข้า ค้นค้า ขนของขาย
    ออกแต่เช้า แลกซื้อ กันสบาย
    ได้ละบาย เหลือใช้ เป็นกองโกย
    
    ยามชรา หาเงิน มาจุนเจือ
    เพียงกูลเกื้อ สังขาน ที่หิวโหย
    ท้องหิวกิ่ว หาเศษ สิ่งร่วงโรย
    เจือจุนโดย น้ำเหงื่อ ที่เถือแรง
    
    ค่ำลงนอน หลับไหล ไม่เห็นกัน
    ตามตึกร้าง บ้านพัง ดุจพรายแฝง
    จากเศษซาก เมืองฟ้า ราคาแพง
    คู่แห่งการ พัฒนา สง่าเมืองกรุง
    
    ความจริงที่ถ่ายทอดจากใจเป็นกลอนแบบไม่มีวันจบเชียว โดนใจอะนะ
  • ต่อง (ต้อง) ksg

    4 มิถุนายน 2546 08:28 น. - comment id 142967

    
       ยอดเยี่ยมมากครับ
    
      ปิดท้ายได้ดีครับ
    
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    4 มิถุนายน 2546 13:52 น. - comment id 143043

    ชื่นชมผลงานทุกบทกลอนที่คุณแต่งค่ะ  โดยเฉพาะบทนี้  ยอมรับมากว่าเป็นเรื่องจริง ๆ และเป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันไม่ยอมรับคนชรา  น่าเห็นใจเขานะค่ะ
  • นกกระจาบ

    4 มิถุนายน 2546 15:16 น. - comment id 143060

    เป็นบทกลอนที่สท้อนอารมณ์
  • ดอกแก้ว

    4 มิถุนายน 2546 21:20 น. - comment id 143156

    ร่องรอยริ้วผิวกายเป็นลายย่น 
    ความหมองหม่นคืบคลานผ่านกายร้าว 
    ข้ามเวลาฝ่าวิบากมายืดยาว 
    กระทบหนาวร้อนฝนจนชาชิน 
    
    สองมือชูกู้ก่อหน่อโลหิต 
    อุ้มเชยชิดเลี้ยงอยู่ไม่รู้สิ้น 
    จากรุ่นลูกสู่หลานบนลานดิน 
    เป็นร่มไทรให้เกาะกินจนเติบกาย 
    
    ประสบการณ์หลายหลากมากข้อคิด 
    แผลชีวิตขีดย้ำซ้ำความหมาย 
    เป็นตัวอย่างการต่อสู้อยู่ไม่วาย 
    จวบจนกายก่องุ้มคุ้มตามวัย 
    
    มอบผลงานการสร้างสรรค์จรรโลงค่า 
    จากรุ่นก่อนสืบต่อมาตามสมัย 
    สืบภาษาสืบวิถีชีวีไทย 
    ให้คนรุ่นต่อไปได้สืบตาม 
    
    เพียงแค่นี้ก็มีค่ากว่าสินทรัพย์ 
    ผู้ชราเป็นผู้สับซึ่งขวากหนาม 
    ถากถางทางดำเนินเจริญความ 
    ให้งดงามตามสมัยไม่ด้อยคุณ 
    
    
    @ สวัสดีคะคุณอัลมิตรา
    เขียนได้จับใจดอกแก้วจังเลยคะ
    สะท้อนย้อนตนเองก็กำลังเดินทางไปสู่วัยนั้น
    ด้วยกันทั่วถ้วนนะคะ...เลยขอแจมมาด้วยคะ
      
    
  • อัลมิตรา

    4 มิถุนายน 2546 22:12 น. - comment id 143169

    ขอบคุณค่ะ คุณน้ำ คุณต่อง คุณผู้หญิงไร้เงา คุณนกกระจาบ คุณดอกแก้ว...
    
    :) คุณดอกแก้ว บทกลอนของคุณงดงามมากค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยรังสรรค์รักษ์กลอนไทย
  • `คนโง่ๆอย่างฉันจะรู้อะไร`

    5 มิถุนายน 2546 01:29 น. - comment id 143198

    ซิ้งกินใจ น้ำตาไหล เลยอะครับ T_T
  • Pat

    5 มิถุนายน 2546 04:39 น. - comment id 143205

    I love this poem ..^_^
     T-T but its sad
  • อัลมิตรา

    5 มิถุนายน 2546 12:30 น. - comment id 143231

    หนึ่งชีวิตที่ฝ่าฟันพายุร้าย 
    แม้ร่างกายไร้เรี่ยวแรงสำแดงผล 
    แต่ใจแกร่งกาจกล้าคราได้ยล 
    ค่าของคนวัดที่ไหน..เชิญไตร่ตรอง 
    
    การเกิดแก่เจ็บดับคู่กับมนุษย์ 
    หากพิสุทธิ์เพียงรูปกายแต่ใจหมอง 
    แลผู้เฒ่าผ่านความช้ำน้ำตานอง 
    เกินจะครองอุเบกขาคราเอ่ยไป 
    
    เปรียบพฤกษ์ไพรแผ่ก้านตระการผล 
    สร้างเมล็ดจนแตกหน่อก่อเชื้อใหญ่ 
    จนสานพันธุ์สืบยิ่งสิ่งเกรียงไกร 
    และเหลือไว้แค่ซากที่ตรากตรำ 
    
    ขอบคุณค่ะ คุณpat และ คุณรหัสสมาชิก : 405  
    
    ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    7 มิถุนายน 2546 16:27 น. - comment id 143779

    เต็มอิ่ม
    ทั้งของอัลมิตราและผู้เข้ามาแจม
    อ่านแล้วตั้งใจจะกลับไปไหว้เจดีย์บรรจุกระดูกพ่อแม่เพราะสำนึกได้ว่าเพียงปีละครั้งที่มาไหว้
    และทำบุญยังน้อยไปนัก
  • อัลมิตรา

    7 มิถุนายน 2546 21:39 น. - comment id 143850

    เท่าที่ท่านมีชีวิตอยู่ ก็เกื้อกูลกันไป ตรงนี้เห็นได้ในโลกนี้ โลกหน้าจะเป็นเช่นไร..ใครฤๅจักตอบ .. อัลมิตราก็คิดถึงคุณพ่อเหมือนกัน
  • somebody

    8 มิถุนายน 2546 03:25 น. - comment id 143926

    ....จากเด็กเล็กเด็กใหญ่ไปแก่เฒ่า
    เนื้อหนังเจ้าเหี่ยวย่นบนสังขาร
    จากเคยตึงถึงครามาหย่อนยาน
    มีดีผ่านบอกได้ไว้หรือยัง
    หรือจากเด็กเล็กไปใหญ่ถึงเฒ่า
    ให้ใครเขาตราหน้าน่าผิดหวัง
    ไม่มีดีที่ใดให้เอ่ยฟัง
    ไม้ใกล้ฝั่งเฒ่านี้ขี้เถ้าเอง...
    
    ..................สวัสดีครับ................
  • อัลมิตรา

    8 มิถุนายน 2546 13:07 น. - comment id 143963

    ขอบคุณค่ะ คุณค้างคาวคืนคอน ..:)

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน