๏สายฝนบ่หล่นร่วง.................สุริย์ดวงก็ส่องแสง แผดร้อนมิผ่อนแรง.................อุตุแล้งระยำมา ๏นิ่งนึกก็น่าแค้น.................ผิวะแม้นบ่รักษา ต้นไม้และใบหญ้า.................ก็จะสูญจะสิ้นไป ๏คนหนอบ่ห่วงโลก.................มนโศกสะเทือนไหว ปวดช้ำระกำใจ.................ชลนัยน์ก็ไหลพรู ๏ศิลธรรมก็แห้งผาด.................ทุรชาติสถิตย์อยู่ ตัวกูก็ตัวกู.................สุขสันต์บ่พรั่นใคร นี่หนามนุษย์เอ๋ย.................จะละเลยมิห่วงใย ๏โลกม้วยสิม้วยไหม.................นฤด้วยก็ม้วยตาม
21 มกราคม 2546 08:12 น. - comment id 105666
รู้โลกมิรู้จิต มนคิดก็หวั่นไหว รู้จิตมิรู้ใจ พลกล้าก็ราโรย รู้ป่ามิเห็นค่า ณ มหามนุษย์โหย รู้ใช้ประโยชน์โดย มิละวางจะถางทำ รู้เช่นก็เห็นชัด อตคัดวิบากล้ำ รู้แล้ววิถีธรรม ณ วิธีจะพลีกรรม ฯ
21 มกราคม 2546 18:10 น. - comment id 105789
เป็นคำวอนที่เฉือนเชือดได้ดีจริง!
27 มกราคม 2546 16:53 น. - comment id 106630
สายฝนบ่หล่นร่วง.................สุริย์ดวงมิส่องแสง แผดร้อนมิผ่อนแรง.................อุตุแล้งระยำมา สุริย์ดวงมิส่องแสง แล้วมันจะแผดร้อนมิผ่อนแรง ได้ยังงัยอ่ะ นึกถึงความเป็นเหตุเป็นผล คนอ่านงง อ่ะ
27 มกราคม 2546 16:58 น. - comment id 106632
สายฝนบ่หล่นร่วง.................สุริย์ดวงมิส่องแสง แผดร้อนมิผ่อนแรง.................อุตุแล้งระยำมา สุริย์ดวงมิส่องแสง แล้วมันจะแผดร้อนมิผ่อนแรง ได้ยังงัยอ่ะ นึกถึงความเป็นเหตุเป็นผล คนอ่านงง อ่ะ
30 มกราคม 2546 04:15 น. - comment id 106885
สับสนกับวรรคที่สามครับ เลยพิมพ์ ขอบคุณมากที่สังเกตุเห็น
30 มกราคม 2546 04:15 น. - comment id 106886
สับสนกับวรรคที่สามครับ เลยพิมพ์ผิด ขอบคุณมากที่สังเกตุเห็น