-๑- ๏ ฉายแสงสูรย์ส่องหล้า.....................เรืองรุจ เห็นกระจ่างหนทางสุด......................ส่องให้ เออไฉนเหล่ามนุษย์.........................มนัสอับ.........ชอ่ำเอย หลงต่ำหลงลงใต้..............................ตกเบื้องอบายบัง ๚ -๒- ๏ ยังทุกข์ใจไม่เว้น..........................วันวาร พร้อมส่ำทรัพย์มหาศาล....................เสพสร้าง อำนาจยิ่งกลับดาล...........................ดลเดือด หาดับระงับล้าง................................เร่าร้อนผ่อนหาย ๚ -๓- ๏ ฉายแสงธรรมส่องจ้า....................จับใจ เห็นทุกข์สมุทัย...............................ที่แท้ แลนิโรธร่วมมรรคไข.......................คอยมุ่ง...........พินิจนา นั้นดับระงับแก้.................................กลบร้อนหลอนกมล ๚ -๔- ๏ ทศพลพิสูจน์แล้ว...........................อริยสัจ สอนเหล่าเวไนยชัด...........................ช่องชี้ ชาวพุทธพ่างปฏิบัติ...........................อุบายบ่ง..........บอกนอ ร้องบ่นบ่ายหลบลี้...............................เร่าร้อนฤๅไฉน ๚ ๛ .
26 พฤศจิกายน 2545 15:05 น. - comment id 97919
หลวงปู่เคยฝากไว้ให้ข้อคิด เกี่ยวกับจิตติดตรึงในคำสอน จึงเรียบเรียงเผดียงคู่กู่กานท์กลอน ให้ทุกคนสังวรณ์และจดจำ .. จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์ จิตเห็นจิต เป็นมรรค ผลอันเกิดจกจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ
26 พฤศจิกายน 2545 15:49 น. - comment id 97923
ขยายความที่อัลมิตรา แนะนำมาครับ อริยสัจ 4 มีความจริงอยู่ 4 ประการคือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางไปสู่ความดับทุกข์ ความจริงเหล่านี้เรียกว่า อริยสัจ 4 1. ทุกข์ คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์ 2. สมุทัย คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง 3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน 4. มรรค คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรค 8 ซึ่งได้รับการหล่อ เลี้ยงด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีสติความมีสตินำไปสู่สมาธิและปัญญาซึ่งจะปลดปล่อย ให้พ้นจากความทุกข์และความโศกเศร้าทั้งมวลอันจะนำไปสู่ความศานติและ ความเบิกบาน พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตานำทางพวกเราไปตามหนทางแห่งความรู้แจ้งนี้ copy มาอีกที ...Mongchiro... ให้ความเห็นไว้ครับ
26 พฤศจิกายน 2545 16:01 น. - comment id 97924
:) อาหมอใจดีจัง ซาธุ๊...
26 พฤศจิกายน 2545 21:51 น. - comment id 98012
__/\__ สาธุ๊ค่า *^^*
26 พฤศจิกายน 2545 23:35 น. - comment id 98040
อาเมน...อ๊ะ! ผิดๆ .... สาธุ ด้วยคน ..... ถือว่าได้สวดมนต์ก่อนนอน..... บทต่อไปเป็น มรรค มีองค์ ๘ สิคะอาจารย์หมอ ชอบปฏิบัติเลยน่ะค่ะ ....~^_^~
27 พฤศจิกายน 2545 12:42 น. - comment id 98131
ขออนุโมทนาด้ยครับ อาจารย์
7 กุมภาพันธ์ 2546 14:00 น. - comment id 107954
โยมทั้งหลาย ได้ฟังธรรมแล้วก็ช่วยกันบริจาคทรัพย์นะเพื่อว่าชาติหน้าโยมจะได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีแต่ชาตินี้อาตมาขอรวยก่อนละน๊า ฮะๆๆๆ