ภิกษุหนุ่ม ใจรุ่มร้อน นอนไม่หลับ จิตกระสับ เพราะรับความ ตามโยมไข แม่ของพระ นอนป่วยซม ระทมไป อยู่แต่ใน นอนเป็นไข้ ไม่ออกมา พอเช้ารุ่ง ก็มุ่งหา เจ้าอาวาส เพื่อจะขอ อนุญาต ปรารถนา ไปดูแล แม่ที่ป่วย ช่วยนำพา อยู่รักษา ผู้มารดา สักสองวัน เจ้าอาวาส เห็นพระหนุ่ม กลุ้มตระหนก อาจวิตก ให้เกินจิต จนผิดผัน จึงเรียกพระ แก่พรรษา ขึ้นมาพลัน จงร่วมกัน ได้เดินทาง ไปดูแล แล้วกราบลา เจ้าอาวาส ออกเดินดง เร่งตัดพง ประสงค์จิต ที่คิดแท้ จักถึงบ้าน ก่อนพลันพลบ ประสพแล ได้เจอแม่ แต่ก่อนค่ำ จึงจ้ำเดิน ระหว่างทาง ด้วยร้อนรุ่ม พระหนุ่มก้าว กลับมองเฝ้า เห็นพระพี่ มิสรรเสริญ เพราะนวยนาด พิลาศไพร ให้เพลิดเพลิน จึงเชื้อเชิญ อย่าเดินถ่วง มาหน่วงกัน ในสายตา พระผู้น้อง มองผู้พี่ ยังดูดี มีอารมณ์ ชมสุขสันต์ จึงเอ่ยปาก ว่ามาเรื่อง อันใดกัน หลวงพ่อท่าน ให้ท่านนั้น มาถ่วงตน ผมยิ่งเร่ง ท่านกลับถ่วง ไม่ห่วงกิจ ผมพินิจ คิดคำตอบ รอบสับสน เหตุไฉน อันใดพา มาถ่วงตน ให้ฉงน ต้องทนเห็น เป็นขัดตา พระผู้พี่ ได้ยินคำ พระน้องกล่าว จึงหยุดก้าว แล กล่าวถ้อย ร้อยชิวหา อันตัวเจ้า ก้าวเร่งเลาะ เพราะอุรา ที่ร้อนกว่า จึงแลว่า พาช้าลง เจ้าก้าวเดิน มิเพลินจิต คิดแต่เร่ง จึงพิศเพ่ง เพียงร้อนรุ่ม กลุ้มจิตหลง จงแลคิด สะกิดกล่าว เฝ้าปลิดปลง พี่ยังคง เดินดงเท่า เจ้าเดินรน ผิดแต่เพียง เดินด้วยสุข สงบกว่า ใช้เวลา ประมาณเท่า เจ้าสับสน เจ้าเป็นพระ ละกิเลส เหตุผจญ ใยร้อนรน จนลืมท่า สง่าเป็น พระผู้น้อง ยินคำเอ่ย เฉลยบอก พลันนึกออก ว่าใยเรา เฝ้าทุกข์เข็ญ พระพี่ท่าน ก็ทันก้าว เท่าเราเป็น ใยเราเห็น ว่าท่านถ่วง ในห้วงวัน จึงเดินดั้น พลันสติ จิตสงบ ไม่คิดขบ ลงแง่มอง หมองมหันต์ แม้ข้างหน้า คือปัญหา สารพัน จิตก้าวมั่น ด้วยปัญญา พาจิตคลาย จนเดินถึง ซึ่งลำธาร สะพานขาด อนงค์นาถ แม่นางหนึ่ง ซึ่งยืนหมาย จะก้าวข้าม ลำธารลื่น ก็ฝืนกาย อันตราย จะเกิดพลัน กับครรภ์เธอ หากลื่นล้ม จะตรมหมอง ต้องแท้งบุตร แต่ก็สุด จะเดินไหว ไกลเสนอ จักขอแรง ให้พระหนุ่ม ช่วยอุ้มเธอ ก็กลัวเก้อ เพราะผิดกฏ กำหนดธรรม พระผู้พี่ มีพรรษา ที่แก่กว่า ไม่ชักช้า คว้านารี มาอุ้มผำ พระผู้น้อง มองตะลึง ซึ่งกระทำ พระพี่นำ ข้ามลำธาร ผ่านพ้นภัย พอถึงฝั่ง นารีนาง วางมือกราบ ท่านต้องบาป ก็เพราะนาง วางเงื่อนไข พระท่านกล่าว เรานะหรือ ถือทำไป เจ้าปลอดภัย พร้อมบุตรเจ้า เรายินดี ผละจากนาง นารีนั้น พลันเดินต่อ พระน้องก่อ ข้อกังขา ค่าหม่นศรี จริงอยู่ใช่ ในเมตตา ค่าหวังดี แต่กฎมี ใยพี่ท่าน บั่นทำลาย เก็บคำถาม ความสงสัย ในใจผ่าน จนถึงบ้าน พบมารดา ที่ห่างหาย ท่านซูบซม ผมหงอกเพิ่ม กว่าเดิมไป ไม่สบาย ทำไมแม่ ต้องปิดกัน แม่เฒ่าแก แลลูกชาย ไหว้กราบลูก ใช่สิ้นผูก พันหัวจิต คิดหลบหัน แต่เพราะเห็น ที่ลูกเป็น เน้นสำคัญ เพราะลูกนั้น มีพระธรรม ให้ค้ำจุน จึงมิอยาก พรากพระธรรม ไปจากเจ้า แม้แม่เฒ่า หรือเจ็บไข้ ไม่เกื้อหนุน แก่เจ็บตาย ต้องรับได้ ใช่ทารุณ จงสร้างบุญ และหนุนค้ำ พระธรรมไป พระผู้น้อง สนองคุณ บุญกำเนิด ผู้บังเกิด ประเสริฐงาม อาการหาย ครบสองวัน ตามสัญญา ต้องเคลื่อนคลาย ต้องวางสาย สัมพันธ์กลับ สู่วัดวา ออกเดินทาง ระหว่างนั้น พลันฉุกคิด เรื่องที่ติด ในจิตมอง ต้องปัญหา เรื่องนารี ที่ช้อนอุ้ม สุมอุรา เหตุใดหนา พาให้ท่าน มั่นลงมือ พระผู้พี่ จึงชี้นำ คำกล่าวอ้าง นี่ท่านยัง มิวางนาง กระนั้นหรือ เราส่งนาง วางลงยัง ฝั่งนั่นคือ แค่กายถือ ใช่จิตต้อง ปองกระทำ หากเกิดเหตุ เภทภัยเป็น เช่นนางกล่าว เจ้าจะเศร้า หรือมิเศร้า เราขอถาม สองชีวิต สิ้นเพราะเรา ไม่เอาความ บาปคงตาม เป็นความผิด ติดในใจ พระผู้น้อง มองเห็นแจ้ง กระจ่างชัด บางสิ่งขัด บางสิ่งปลง ด้วยเงื่อนไข ทุกเรื่องติด ที่จิตมอง ครรลองไป ใช้จิตไข ขบด้วยธรรม ให้นำแล
16 ตุลาคม 2552 08:04 น. - comment id 1052042
ที่ 1 ก่อนค่ะ เดี๋ยวมาใหม่ คริๆ
16 ตุลาคม 2552 08:30 น. - comment id 1052045
บทกลอนดีเรื่องพระสาระมาก ที่แต่งจากปรัชญาเชนบำเพ็ญจิต เรื่องยึดมั่นปล่อยวางทางความคิด ภารกิจทุกถ้วนล้วนเปลี่ยนแปลง อุ้มสีกาคว้านารีรี่ข้ามธาร มหายานเชนเป็นเช่นแถลง เถรวาทมิอาจเป็นเช่นแสดง คงถูกแจ้งครุกาอาบัติเลย แต่นิทานท่านประสงค์ดำรงจิต อย่ายึดติดจิตใฝ่ให้วางเฉย อดีตกาลผ่านไปปล่อยล่วงเลย ให้ละเหยไปกับกาลเป็นฐานธรรม ......แบบนี้ใช่มั้ย..ท่าน Kirati
16 ตุลาคม 2552 09:23 น. - comment id 1052052
ใจวาง ...ทุกสิ่งก้อวาง ใจถือ ทุกอย่างก้อถือ ให้คติธรรมดีมากครับ
16 ตุลาคม 2552 12:15 น. - comment id 1052103
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว กลอนธรรม อยากเห็นเพื่อนอ่นเยอะๆครับ
16 ตุลาคม 2552 12:42 น. - comment id 1052114
สวัสดีจร้าท่านกีรติ กลอนบทนี้ให้แง่คิดได้ดีมากค่ะ น่าจะเอาขึ้นหน้าหนึ่งให้ทุกคนได้อ่าน เยี่ยมมากท่าน ทุกสิ่งมันอยู่ที่ใจเราจริงๆ ชื่นชมๆๆ
16 ตุลาคม 2552 12:46 น. - comment id 1052117
แวะมาทักทายพี่ kirati จอมเทพแห่งบ้านกลอน สบายดีนะครับพี่
16 ตุลาคม 2552 14:08 น. - comment id 1052140
คุงกานต์...สัญญาแล้วนะ...ว่าจามาใหม่...อิอิ...จารอ... **************************************** ท่านกิตติเวทย์....แบบนี้...ถูกเป๊ะๆ...เลยคุณท่าน....สุดยอดๆ....ขอบคุณขอรับ.. **************************************** ท่านกิ่งโศก...ปรัชญาแห่ง...เซน...ให้ถือใจที่มุ่งดี...เป็นหลัก...ถูกต้องแล้ว...ขอรับ... ขอบคุณขอรับ... **************************************** คุงครู'ทราย แหมะ....กลอนไพเราะมากๆจร้า... ขอบคุณจร้า...ความหมายได้ตามกลอนเลยจร้า... *************************************** ท่าน ปติฯ ใจผมก็อยากให้เผยแพร่ไปเยอะๆขอรับ...พิจารณาตน...และจิตตน...ทุกคนจะได้รู้ใจตัวเอง...เหมือนพระผู้น้องในเรื่องนี้...นะขอรับ...เมื่อได้พิจารณาถึง...เหตุ และ ผล...ก็ย่อมต้องรู้ถึง...จิต... ขอบคุณมาก...ขอรับ...ท่าน ปติ... *************************************** ดีจร้า....คุงแบม.... คุงแบมขอเวปมาสเตอร์...ให้ดิ...อ่ะน่ะ..ๆๆ อิอิ ล้อเล่นจร้า.... เขาไม่เอากลอนผมขึ้น...หร็อก... ถ้าขึ้นหน้าแรก....เด้วผมจาเปิด แบล็ค ฉลองเอิ๊กๆ....จร้า... ปล..เพลง แบล็คเฮค...ดอกจร้า...คุงแบม... ขอบคุณมากจร้า...มีกำลังใจเขียนขึ้นเยอะเลย....อิอิ ************************************* ท่านน้องเทพธัญญ์ กระผมสบายดีคับ...แล้ว...น้องท่านสบายดี??? แหมะ...เรียกจอมเทพ...เลยเหรอ...รับ บ่ ได้ ๆ...ดูสูงเกินไป...อ่ะ...ทีหลังห้ามเรียกยังงี้...นะขอรับ...เขิน... ขอบคุณขอรับ...น้องท่าน....
16 ตุลาคม 2552 14:13 น. - comment id 1052141
แก้ไขๆๆ....ตอบ ท่านน้องเทพ... รับ บ่ ได้....ๆ พอดี บ่ ตกขอบอ่ะจร้า...อิอิ
16 ตุลาคม 2552 14:33 น. - comment id 1052151
16 ตุลาคม 2552 14:55 น. - comment id 1052166
เขียนได้เยี่ยมมากๆคับ
16 ตุลาคม 2552 14:58 น. - comment id 1052170
ดั่งสุยาษิตว่า "จิตสงบ จบสง่า" (มะใช่สุภาษิตนะคุงกีรติ) อิอิ
16 ตุลาคม 2552 15:24 น. - comment id 1052185
อ่ะจร้า....คุงดอกบัว....มาเยี่ยมเยือนเสมอสม่ำ...เป็นเพื่อนกันแล้วเน๊าะ...อิอิ ขอบคุณจร้า... ********************************** ขอรับ...ท่านวิทย์ฯ....เป็นคำที่ได้กำลังใจ... ให้เขียนฯดีมากๆเลยขอรับ...คุณท่าน... ขอบคุณขอรับ...กระผม... ********************************** อ่ะว๊าว.....ชอบๆๆๆ...คำนี้...จัง...แฮ่ะ...คุงยา...อิอิ ( จิตสงบ จบสง่า ) วันหลัง...วันหน้า...จาขอยืม...สุยาษิต..นี้... ไปเขียนนะขอรับ...คุงยา ขอบคุณขอรับ...จร้า...
16 ตุลาคม 2552 18:43 น. - comment id 1052283
เคยอ่านเหมือนกันคับ และก็ค่อนข้างลืมเรื่องราวไปแล้ว ถ้ามีเหตุจำเป็น ก็ควรทำใช่ไหมครับ ถ้าปล่อยคนตาย กับช่วยคนรอด จะเอาอันไหน
16 ตุลาคม 2552 18:58 น. - comment id 1052302
...... เจตนาอยู่ที่การกระทำ ใช่ไหมคะพี่ทั่น....
17 ตุลาคม 2552 09:15 น. - comment id 1052466
เราไม่รู้อะไรเลย แตเราชอบ...........มาก..........ก ขอบอก กลอนเพราะค่ะมีความรู้ด้วย แวะมาเยี่ยมอีกแล้ว
17 ตุลาคม 2552 11:46 น. - comment id 1052507
จิตไม่มีเพศใช่ไหมค๊ะ...สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือสองชีวิตที่เราต้องช่วยเหลือ...แล้วก็จบปล่อยวางนะตรงนั้น.
17 ตุลาคม 2552 13:14 น. - comment id 1052534
บูชาพระด้วยคน
19 ตุลาคม 2552 07:08 น. - comment id 1053181
ถูกเผง....เลยน้องท่าน....กวีน้อยฯ... เรื่องใด....เห็นว่าการอยู่เคร่งกับกฎระเบียบ จนมองข้ามความสำคัญ...ที่สุดของผู้อื่น.. ก็หมายรวมในความนี้...ขอรับ...น้องท่าน... ขอบคุณมากมายขอรับ... ************************************** เจ้าฉาง...น้อย...จ้าว สิเน่ห์....ไปทำไรที่ไหนมา.... หายไป....นานๆ...คิดถึงๆ...อิอิ... เจตนาอยู่ที่ใจ...มากกว่าการกระทำ....หร็อก... ยี่หวา....แกล้งอำพี่ทั่น...อ่ะดิเนี่ยะ... ขอบคุณนะนู๋ฉางฯ..... ************************************** ดีจร้า...(อีกหน)...คุณทิพย์ฯ....ก็เป็นกลอน... ที่กระผม...ยกเอา...ปรัชญา...ของเซน...ซึ่ง... หลักๆ...ก็ให้ยึดความถูกต้องในใจ...มาเขียน น่ะ...จร้า...ขอบคุณมั๊กมาก....นะจร้า..... ************************************** หวัดดีจร้า...คุณ หลี่เหม่ยจิน....ชื่อเพราะเน๊าะ... ถูกเผงๆ...เลยขอรับ...แม่นมาก....ตรงเป้าเป๊ะ...เลยขอรับ.... เยี่ยมมากๆ.... ขอบคุณมากขอรับ... *************************************** หวัดดีขอรับ...คุณ nig.... หายไปนานเลยนะท่าน.... สบายดีนะขอรับ... ขอบคุณมากคับ...กระผม....
19 ตุลาคม 2552 09:03 น. - comment id 1053243
มาแล้วนะคะ อิอิ มาช้าแต่ก็มาอีกค่ะ