จากงอกเงยสู่งอกงาม ผ่านโมงยามหลายเพลา งอกงามสู่แข็งกล้า ยืนทายท้า มิหวั่นเกรง แข็งกล้าไม่ช้านาน ออกดอกบานดูยิ่งเก่ง ธรรมชาติกล่อมบรรเลง ให้ครื้นเครงในอุรา คืนเดือนเลื่อนผ่านพ้น ทั้งแดดฝนและลมกล้า สุดท้ายวัยชรา ก็บ่ายหน้าเข้ามาเยือน ผุกร่อนและผุพัง ทิ้งทอดร่างโดนแทะเฉือน ไม่นานถูกลืมเลือน จนดูเหมือน...ไม่เคยมี ชีวิตคนนั้นเล่า จากวัยเยาว์สู่เมืองผี สุดท้ายปลายชีวี คือวิถีอนิจจัง จากงอกเงยสู่งอกงาม ดั่งข้อความที่กล่าวอ้าง เฉกป้ายบอกชี้ทาง แสงสว่าง...สัจธรรม ชีวิตควรสำนึก คิดตรองตรึกเป็นประจำ จะได้ไม่ถลำ ให้ดิ่งด่ำทางอบาย สุดท้ายปลายชีวิต คงเหลือจิตที่เฉิดฉาย หลุดลอยออกจากกาย สู่ที่หมาย...แดนนิพพาน
18 กันยายน 2551 15:56 น. - comment id 896728
ชีวิตคนเหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากไว้หยั่งลึกผนึกแน่น แม้ว่าลมพัดไปไม่ไหวเอน เปรียบเฉกเช่นจิตใจเราเขาว่ากัน แวะมาอ่านกลอนดีดีมีความหมายคะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
19 กันยายน 2551 10:17 น. - comment id 896897
ปลายทางที่ทุกคนไม่อาจหลีกพ้น
19 กันยายน 2551 22:57 น. - comment id 897194
แวะมาเยี่ยมอ่านงานกลอนครับ ให้ระลึกถึงมรณสติดีครับ ดูจากกลอนแล้วอาจารย์วรศิลป์ คงชอบแต่งเพลงแนวธรรมะนะครับ