ดิถีจรแห่งกาลผ่านสมัย จารึกย้ำธรรมาบัญชาใจ สืบเป็นไทยชั่วกัปกัลป์พุทธันดร ฯ ๑. วิเวกห้วงล่วงคล้อยในรอยเก่า บันทึกเงาบรรดาอุทาหรณ์ วิจิตรฟากเมลืองเมืองอมร ปานเทพไท้ประทานพรอัศจรรย์ งามบุรินทร์สินแคว้นแดนสถาน ดุจพิมานอมรินทร์ถิ่นสวรรค์ บรรเจิดกาลผ่านชื่นคล้อยคืนวัน รอยนิรันดร์จารจดบทละไม แต่ปางบรรพ์เนิ่นเก่าผู้เล่าขาน รติกาลแผ่นดินถิ่นสมัย งามประเทืองประเทศธรรมอันอำไพ ดุจเทพไทมหานครอมรรัตน์ ๒. ล่วงแล้ว ร.ศ. ศก สองร้อยยี่สิบหกวนกระหวัด แผ่นดินธรรมอันวิไลอำไพภัทร์ เริ่มแจ่มชัดแล้วเสื่อมกาลลาญแผ่นดิน วิถีธรรมต่ำตกรกสมัย ปลุกทรามไปทั่วแคว้นทุกแดนถิ่น วิถีไทยอบอุ่นอันคุ้นชิน บัดจะสิ้นสัมพันธ์บั่นไมตรี คนคุ้นหน้ากลับไม่ใคร่ยลหน้า แม้นวาจาทักทายก็หน่ายหนี สมัยยุคปลุกค่าแห่งกาลี มอมเมาปวงประชาชีเหินห่างธรรม จากน้ำใจแบ่งปันเมื่อวันเก่า เป็นเหือดเงาสิ้นไร้ใดดื่มด่ำ เข้าตีค่าฉาบฉวยด้วยเงินงำ ให้ตัณหาชี้นำเนื่องมรรคา พรากวิถีเพียงพอก่อกิเลส ไปล้ำเขตเกินขอบกรอบยะถา วิถีสุขเก่าเก่าเนาชีวา บัดเลือนลาเพราะฟุ่มเฟือยอยู่เรื่อยไป ยลการเมืองการบ้านแลร้านช่อง ดังม่านหมองบังบดมิสดใส ต่างแย่งยื้อถือดีหวังมีชัย ชำนะเพื่อเริงในอำนาจทราม พอได้ดีมียศสวมบทบาท ก็องอาจเริงใจไม่เกรงขาม เหลิงอำนาจกันสนุกไปทุกยาม เที่ยวคุกคามเข่นขึงทำดึงดัน ๓. แลหม่นชาติศาสน์ศิลป์ค่าสิ้นเสื่อม มันล้ำเหลื่อมในทรามใช่ความฝัน กระแสวัตถุโถมถาสารพัน แปรคืนวันสงบเย็นเป็นร้อนรน ร้อนรุมจิตรุมใจไหวสะท้อน บ้านเมืองจึ่งรุ่มร้อนไปทั่วหน แลโลกร้อนร้อนโลกวิโยคยล ร้อนชาวชนแตกแยกจนแปลกใจ ฝากเอย ฝากเพลงยาวข่าวประสก ความต่ำตกเลวทรามขอถามไถ่ ล่วงแต่หนค้นหามาแต่ใด จึงสยามนามไทยระอุร้าว ร้าวเอย ร้าวแผ่นดินสิ้นสงบ สุขเคยสบอาทรกลับร้อนผ่าว ความขัดแย้งแบ่งฟากมากเรื่องราว แตกชนชาวไทยสิ้นรักสามัคคี ชินวรสอนธรรมไม่นำคิด จึงเหล่าสรรพชีวิตกรรมบัดสี กระทำเถื่อนเคลื่อนลุซึ่งบุรี ถ้วนธานีคุกรุ่นความวุ่นวาย เพราะไร้ธรรมนำสร้างเป็นทางชอบ เห็นแก่ตัวโกยกอบในสิ่งหมาย หลงอำนาจเริงรุกไปทุกพาย ฐานใจคลายศีลธรรมการดำเนิน ๔. วิเวกห้วงล่วงคล้อยในรอยเก่า จารึกเงาใดชอบนอบสรรเสริญ แลวิถีชนกระบวนดังส่วนเกิน ความเจริญเพียงแสวงการแต่งปรุง แลผิดนาผิดไร่จะไปสู่ กระฎุมพีเป็นอยู่ไร้ข้าวหุง เจ้านายเงินกลับหรูเลิศเจิดจรุง ทิ้งคนทุ่งแร้นแค้นอยู่แดนไกล จะขายข้าวขายเกลือเผื่อชีวิต ความจนยากอันสถิตฤาไปไหน ยังเกาะกุมคลุมครอบอยู่รอบใจ กี่ยุคผ่านพ้นในความทุกข์ทน ท่านเอย ข้าวยากหมากแพง สิหาทรัพย์ใดแปลงประกอบผล ย่ำดักดานผ่านพาสาละวน นำชีวิตอับจนขืนชะตา หวังในความมั่งมีเป็นศรีสุข หวังกี่ยุคกลับสิ้นไร้ในยะถา กี่อดออมถนอมฝันสร้างมรรคา กลับกล้ำกลืนแต่น้ำตาอันโศกตรม ๕. งามบุรินทร์ถิ่นทองแห่งผองข้าฯ บัดสิล้าแรงงามเพราะทรามข่ม เหลิงมายาคตินำนิยม พาสิ้นแนวประชาคมประชาไทย ในนามราษฎรผู้อ่อนล้า จะฝังฝากชีวาสู่ฟากไหน วิถีทางสร้างทำจะนำไป สู่แห่งหนกลใดดังมิรู้ อนาคตบทเบื้องรอเปลื้องปลด ใครสิลดความหวาดหวั่นที่คั่นอยู่ หลากกังวลหม่นเงาการเฝ้าดู ผิดเป็นครูซ้ำซากแลมากมาย ๖. ปัจฉิมลิขิต ฯ ว่าธรรมเอย จงสถิตกระแสสาย สุขสงบแผ่นดินอย่าสิ้นคลาย ชนหญิงชายรู้ชอบประกอบธรรม เถิดความดีจงอาทรดับร้อนรุ่ม จางเกลื่อนกลุ้มในรอยอันต้อยต่ำ หลั่งน้ำใจไมตรีชุบชี้นำ ที่มืดดำจงสว่างกระจ่างไกล จบเพลงยาวล่วงหนยลสะท้อน ดิถีจรแห่งกาลผ่านสมัย จารึกย้ำธรรมาบัญชาใจ สืบเป็นไทยชั่วกัปกัลป์พุทธันดร เอย ฯ .............................. โดยคำ ลานเทวา
21 กันยายน 2551 19:04 น. - comment id 724982
ถ้าเห็นดีชั่วแท้.............เพียงใด เราไม่เขียนออกไป......ผ่านถ้อย แล้วใครจะเขียนใน.....สิ่งที่ อย่างที่เราเขียนร้อย.....ผ่านถ้อยคำเรียง เข้ามาชื่นชมผลงานครับ
14 กันยายน 2551 05:40 น. - comment id 895651
นมัสการค่ะ เสื่อมตามกาลเวลาค่ะท่าน ทั้งเสื่อมคน เสื่อมธรรมชาติ
14 กันยายน 2551 05:57 น. - comment id 895653
สวัสดีค่ะ ณวันนี้กรุงรัตนโกสินทร์ครบ226ปีก็เปลี่ยน แปลงตามกาล..คุณทราบหรือไม่ว่า.......... ถ้ากรุงรัตนโกสินทร์ครบ228ปีจะเกิดอะไรขึ้น .....ค้นหาคำตอบค่ะ
14 กันยายน 2551 08:49 น. - comment id 895662
14 กันยายน 2551 09:26 น. - comment id 895694
เข้ามาอ่านเพลงยาว แล้วก็ผสานคำถามที่ก็ยังยากจะมีคำตอบ... เถิดความดีจงอาทรดับร้อนรุ่ม จางเกลื่อนกลุ้มในรอยอันต้อยต่ำ หลั่งน้ำใจไมตรีชุบชี้นำ ที่มืดดำจงสว่างกระจ่างไกล ไม่เคยผิดหวังที่แวะเข้ามาค่ะ
14 กันยายน 2551 22:26 น. - comment id 895778
15 กันยายน 2551 11:58 น. - comment id 895825
วัตถุที่เจริญขึ้นตามกาลนั้น มิได้เป็นส่วนเดียวกันกับความคิดจิตใจ
15 กันยายน 2551 12:45 น. - comment id 895838
ขอบคุณบทเพลงอันทรงคุณค่ามากครับ
16 กันยายน 2551 16:24 น. - comment id 896066
มาชื่นชมผลงานค่ะ
23 กันยายน 2551 08:18 น. - comment id 898444