จะมีสุขอย่างไรในกะลา ในเมื่อปวงประชาเขาสับสน ถูกและผิดดีชั่วมั่วปะปน มาตรฐานปวงชนอยู่หนใด จะสุขไปทำไมในกะลา ในเมื่อจิตวิญญาณ์ค่ายิ่งใหญ่ โลกภายนอกสับสนไม่พ้นภัย ด้วยเพ่งนัยหลักคิดผิดวิธี ต่างบูชาเงินตราพากันมั่ว ต่างชื่นชมคนชั่วกลั้วบัดสี ต่างไหว้กราบโจรผองหมองคดี ที่หลีกหนีความจริงทิ้งหลักธรรม เที่ยวประณามชาติตนตะโกนบอก ประกาศตอกแผ่นดินเกิดเชิดถลำ ไร้สำนึกตรึกตรองครรลองธรรม ไม่เคยหยุดชี้นำย่ำแผ่นดิน ปูชา จ ปูชนียานัง ประสิทธิ์ขลังดุจผาศิลาหิน แม้นบูชาคนชั่วกลั้วมลทิน ไม่สุดสิ้นโทษเห็นเป็นอาทิ สุขแท้จริงใช่อยู่แค่ในกะลา สร้างคุณค่าสร้างสังคมอุดมคติ สร้างหลักเกณฑ์มีหลักธรรมล้ำนิธิ มีหลักตริหนุนเกื้อเพื่อเป็นทาน เป็นผู้นำในบ้านสร้างความถูก รู้หลักปลูกสามัคคีชี้สมาน รู้ชี้ถูกชี้ผิดเป็นประมาณ รู้ประสานด้วยเมตตาพาพ้นภัย ความเป็นเพื่อนเตือนใจอาจได้คิด ความเป็นมิตรอาจสะกิดจิตเผลอไผล ความเมตตาอาจเข้าซึ้งถึงห้วงใจ พ้นผองภัยเพราะเพื่อนดีช่วยชี้ดล สิ่งถูกใจ-ถูกต้องค่อยตรองคิด แม้ถูกใจแต่ยังผิดคิดอีกหน เอาถูกต้องเป็นธรรมนำผองชน เสียสละอัตตาตนสักหนดู จักเห็นธรรมล้ำค่าพาเป็นสุข จักพ้นทุกข์ผ่องใสไม่อดสู สักวันหนึ่ง ธรรมประจักษ์จักชื่นชู จักได้รู้ ค่าตน ผลแห่งกรรม ฯ พระพุทธเจ้าตรัสว่า นัตถิ พาเล สะหายะตา ความเป็นสหาย ไม่มีในคนพาล .... มิตรภาพที่แท้จริง ต้องมีธรรมเป็นฐาน ไม่ใช่แค่ชอบสิ่งเดียวกัน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ความเป็นเพื่อนก็เป็นแค่เครื่องมือ หรือเป็นเหตุให้อกุศล อกุศลธรรมเจริญ และให้ประสบทุกข์ในวัฏฏะมากมาย ฯ
16 สิงหาคม 2551 14:51 น. - comment id 886239
ชอบอยู่นอกกะลาเหมือนกันค่ะ... เกิดมาทั้งทีมีอะไรให้เรียนรู้อีกตั้งมากมาย...โลกภายนอกแม้จะสับสนวุ่นวาย ทำให้เราสุขบ้างทุกข์บ้าง...แต่สิ่งเหล่านั้นก้อเป็นบทเรียน... อะไรที่ผ่านมาในชีวิต ก้อเพื่อให้เราได้รู้ได้คิด...และเราก้อจะเกิดปัญญาพัฒนาตนเองได้ในที่สุด... .บางครั้งเราอาจหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งในฝัน แต่โลกความจริงก้อเป็นสิ่งที่เราหลีกหนีไม่พ้น...
16 สิงหาคม 2551 16:06 น. - comment id 886265
ฮูเรรรรรรรรรรรรรรรรรรร ฝนได้ ที่2 คิกๆๆๆๆๆ ต้องรีบโพส เด๋วตำแหน่งหลุดลอย เด๋วมาใหม่ อิอิ
16 สิงหาคม 2551 17:00 น. - comment id 886311
นอกกะลาคราอึดอัดไม่คับแคบ ฟ้าผ่าแล่ปยังมีที่หลบหลีก ในกะลาอึดอัดงัดไม้ซีก ถึงมีปีกจะกางไกลอย่างไรกัน
16 สิงหาคม 2551 17:06 น. - comment id 886322
อ่านอิ่มเลยครับ...ได้ใจเลย.... สบายดีนะครับ....อยู่นอกกะลา..ฝากฝันเห็นด้วย...เสี่ยงปากเหยี่ยวปากกาหน่อย..แต่ก็ทำให้เราแกร่งขึ้น เพราะบางครั้งการไม่รู้ไปเห็นก็เสียหายเหมือนกัน นะครับ..
16 สิงหาคม 2551 17:16 น. - comment id 886331
สวัสดีคะคุณแสงเหนือ บทกลอนมีสาระเช่นเคย..คะ สบายดีนะเจ้าคะ
16 สิงหาคม 2551 17:35 น. - comment id 886337
ฝนอ่านทวน ตั้ง3ครั้ง ซาบซึ่งมาค่ะคุณแสงเหนือ เขียนบทกลอนได้เข้าลึกถึงจิตใจผู้อ่านมากๆๆเลย ฝนอยากก็อบไปใส่ในเวฟ ทักษิณจัง ให้พวกเขาได้อ่าน เผื่อพวกเขาเหล่านั้นจะได้ มีสามัญสำนึก รักชาติ ศาสตร์ กษัติริ์กันบ้าง เขียนบ่อยๆๆ นะค่ะ และคงไม่รังเกียจหาก ฝนจะขอติดตามอ่านผลงานต่อๆไปของคุณแสงเหนือ
16 สิงหาคม 2551 17:53 น. - comment id 886339
ในกะลา มีค่า อยู่กระมัง ได้แต่นั่ง มองรู ดูท้องฟ้า ทั้งตื่นเต้น ดีใจ กระไรหนา โอ้ ตัวข้า ....เยี่ยมยุทธ์ ฉุดไม่อยู่ อืมมมมม....ไม่ต่อกรล่ะค่ะ กลัวหลงประเด็น กบนอ้ยในะลาเหรอค่ะ ...รินนะกรวดน้ำคว่ำไปแล้ว อากาศข้างนอกสดชื่นดีด้วย... อืม.....เคยเห็นมั๊ยคะที่..กบในกะลา มานกลายเป็นงูเห่าได้ด้วยอ่ะ....
16 สิงหาคม 2551 20:36 น. - comment id 886413
กบเฒ่า โห....นานๆมาที แต่กลอนยอดเยี่ยมเลย ว่าแต่...กบไม่อยู่ในกะลาเหรอ? มาอยู่นอกกะลานี่เสี่ยงนา เดี๋ยวโดนจับ ไปผัดกบนะ ฮี่ๆๆ
16 สิงหาคม 2551 20:40 น. - comment id 886422
16 สิงหาคม 2551 21:52 น. - comment id 886495
ฟ้ากว้าง อยู่นอกกะลามากก็ไม่ดีครับ เด๋วแก่แดดอิอิ แซวเล่นนะ โลกภายนอก มีทั้งดีและไม่ดี ให้เราได้ใช้วิจารณญาณพัฒนาตนเองให้สมบูรณ์ มองทุกอย่างได้รอบด้าน ขณะเดียวกัน โลกภายนอกบางส่วน อาจ ต้องการความร่วมมือ หรือความช่วยเหลือ หรืออย่างน้อยที่สุดก็กำลังใจจากเรา ตรงนี้แหละ เป็นโอกาสสร้างคุณค่า ให้กับชีวิตเรา นี่แหละคือเสน่ห์ของโลกกว้าง ขอบใจที่แวะมาเยี่ยมจ้า
16 สิงหาคม 2551 21:53 น. - comment id 886496
คุณฝน เข้าที่สองก็รับเหรียญเงินไปตามระเบียบ เอาเหรียญ 5 หรือเหรียญ 10 ดี
16 สิงหาคม 2551 21:54 น. - comment id 886498
คุณพี่ช่อ สบายดีหรือเปล่าครับ หมู่นี้รู้สึกเงียบๆเหงาๆไปนะ เอารูปสวยๆมาฝาก ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยเน้อ No one ถึงมีปีก จะกางไกล อย่างไรกัน ... สุดยอดเลยครับ
16 สิงหาคม 2551 21:57 น. - comment id 886500
คุณฝากฝัน จริงๆ ผมก็อยากอยู่ในกะลาเหมือนกบอื่นแหละครับ แต่สิ่งที่เกิดข้างนอก ภาพความลำบากของผู้คนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะรักษา กฏเกณฑ์ที่ดีไว้ให้สังคม ทั้งความรู้สึกภายใน มันเตือนตัวเองว่า ( จะเป็นสุขอยู่ใยในกะลา ......ฯลฯ ) เรา รู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็ ( มีหลักตริ หนุนเกื้อเอื้อเป็นทาน ฯลฯ ) จึงได้ออกมาเป็นกลอนนั่น แหล่ะครับ . เรื่องแต่งกลอนมีอะไรช่วยสะกิดหรือแนะนำด้วยนะครับ ยินดีมากครับ
16 สิงหาคม 2551 21:59 น. - comment id 886501
คุณพิมญดา ได้ยินเสียงเพื่อนเก่า ดีใจจ๊าดนัก เ อากาแฟมาฝากด้วย หลังจากแต่งกลอนรักช้ำๆ มานานชักจะหมดมุขครับ คงต้องขอมุขจากคุณพิมญดามาเสริม จะเปลี่ยนแนวก็เลย ลองแต่งแนวนี้ดู ตั้ งแต่เรื่องสันดานกา หมานุษย์แล้ว ก็ไม่ได้แต่งแนวอย่างนี้อีกเลย ความจริงเรายอมรับความต่างได้เสมอ ยิ่งความต่างที่ตัดสินกันที่ความถูกต้อง เพราะในที่สุด ความถูกต้องย่อมปรากฏเสมอ เหมือน หมู่เมฆสลายไป ฟ้างามย่อมปรากฏให้ทุกคนได้มองเห็น แต่ที่แต่งขึ้นมา เพียงอยากให้กำลังใจเพื่อนๆ ส่วนหนึ่งบ้างเท่านั้น เพราะทุกคนอยู่บนเส้นทางที่ยากลำบาก ... ก็ดีใจมากที่เห็นแวะมาเยี่ยมครับ เดี๋ยวจะไปแวะแม่อายมั่ง น้ำไม่ท่วมนะ...
16 สิงหาคม 2551 22:01 น. - comment id 886502
คุณฝน เจอแฟนตัวจริงซะที อิอิ....อ่านตั้งหลายรอบ ระวังเอาไปฝันนะครับ จริงๆแต่งขึ้นเพื่อให้กำลังใจ เพื่อนๆ ในบ้านกลอน นะครับ ยังไง บ้านกลอนเรายังยอมรับความต่างได้ดีกว่า .. ถ้าเอาไปลงเวปนั้นแล้ว ทำให้เค้าโกรธยิ่งขึ้น ก็คงไม่ดี... ยังไงก็ ลองพิจารณาไปนะครับ
16 สิงหาคม 2551 22:03 น. - comment id 886503
คุณรินครับ ผมไม่เชื่อหรอกครับว่า กบจะกลายเป็นงูเห่า อิอิ แต่ถ้ากลายเป็นนางฟ้าหน่ะ ผมเชื่อ ........... สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าตรัสว่าใ นเมืองสาวัตถี มีกบตัวหนึ่งอยู่ใกล้วัด ฟังเสียงพระสวดมนต์ทุกวัน ด้วยความ ที่กบเคยมีวิบากความดีเก่า จิตใจเคยเกิดความซาบซึ้งใน เสียงธรรมะมาก่อน ทำให้จิตเหนี่ยวนำเสียงสวดมนต์นั้นมาเป็นอารมณ์ บ่อย ๆ ด้วยอำนาจของความเสพคุ้น.. พอถูกโคเหยียบตาย (ก็ไปเกิดที่อินเดียก็งี้แหละนะ มีโคเยอะ อันตราย และก็คงจะมัวฟังแต่พระสาธยายมนต์ เลยโดนเหยียบแบน ) แล้ว ก็ไปเกิดเป็นนางฟ้าที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลยครับ .. ของผมมีหลักฐานในพระสูตรนะ อิอิ.... พระพุทธเจ้าทรงเห็นด้วยทิพยจักษุ ทรงปรารภถึงเรื่องนี้ มาสอนเวลาฟังสวดมนต์ครับ ถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ถ้ามีกุศโลบายที่แยบคาย ยังใจให้เลื่อมใสได้ ก็เป็นมหากุศล กบ ก็เป็นนางฟ้า หรือเทพบุตรได้ ครับผม.....
16 สิงหาคม 2551 22:06 น. - comment id 886505
คุณโอ๊ปๆๆ เกิดแก่เจ็บตายเรือ่งธรรมดาครับ แต่ก็ถึงจะตายก็ดีใจว่าได้ทำอะไรดีๆไว้หลาย อย่างครับ
16 สิงหาคม 2551 22:07 น. - comment id 886506
คุณเพชรริน
16 สิงหาคม 2551 23:50 น. - comment id 886547
แวะมาทักทายค่ะ หายไปนานเลยเนาะ กลอนไพเราะเหมือนเดิมนะ
16 สิงหาคม 2551 23:51 น. - comment id 886550
หวัดดีค่ะคุณแสงเหนือ ชอบค่ะ เก่งจังมีโอกาสจะแวะมาเก็บเกี่ยวความต่างที่แตกต่างอีก ดีที่ไม่แตกแยกอิอิ เสิร์พรอบดึกค่ะ
17 สิงหาคม 2551 01:40 น. - comment id 886590
โห..หายไปนาน กลับมาอย่าน่าคิด.. จะอยู่ในหรือนอกกะลาก็ได้ค่ะ ถ้าเรารู้ผิดชอบชั่วดี อยู่ตรงไหนก็ทำดีได้เสมอ... จะพื้นที่เล็กหรือใหญ่ ก็ทำให้มีค่าได้เสมอ... ว่าแล้ว..ขอแปลงร่างเป็นกระสือก่อง ช่วงนี้ อดๆ อยากๆ..
17 สิงหาคม 2551 07:16 น. - comment id 886637
จะนอกหรือในกะลา ก็คือกบ คือคัวตนมันวันยังค่ะอ่ะค่ะ มันอยู่ที่ต่างมุมมอง อยู่ไหนมีสุขก็อยู่ไปนิ อิอิ ไปจับกบก่อนนะคะ อิอิ
17 สิงหาคม 2551 08:54 น. - comment id 886683
เป็นผู้นำในบ้านสร้างความถูก รู้หลักปลูกสามัคคีชี้สมาน รู้ชี้ถูกชี้ผิดเป็นประมาณ รู้ประสานด้วยเมตตาพาพ้นภัย วรรคนี้ชอบสุดค่ะ แต่ทุกวรรคให้ข้อคิดดีดีหมด
17 สิงหาคม 2551 12:26 น. - comment id 886807
ปัญหาคือปัญญาพาให้คิด ถูกหรือผิดตรองรู้ดูเหตุผล พึงกำหนดลดละอัตตาตน อาจหลุดพ้นรู้แจ้งแห่งความจริง จะอยู่นอกหรือในนั้นสำคัญไม่ ความสุขเราสร้างได้จากทุกสิ่ง อุดมการณ์ศรัทธาไว้อย่าไหวติง จะสู่สิงอยู่แห่งไหนตามใจเทอญ
17 สิงหาคม 2551 21:04 น. - comment id 887040
คุณนิลวรรณ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณพ่อด้วยนะครับ บุญกุศลที่เราทำอุทิศให้ท่าน จะทำให้ท่านไปจุติที่สุคติภพแน่นอนครับ ตกมาปีนี้ รู้สึกหนักกับสิ่งที่รับผิดชอบ เลยไม่ค่อยได้เขียนกลอนเลยครับ อยากจะวางมือ ไปนั่งเขียนกลอนอยู่บนดอย จังเลยครับ
17 สิงหาคม 2551 21:06 น. - comment id 887042
คุณแจ้น ครับ ไม่ควรแตกแยกอย่างยิ่ง หนักนิดเบาหน่อย มีได้เป็นธรรมดา เหมือนการหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ สุดท้ายก็จับมือกัน เหตุการณ์ในบ้านเราอาจคล้ายหรือต่างออกไปบ้าง การแลกเปลี่ยนทัศนะ เป็นเพียงกระบวนการเรียนรู้อย่างหนึ่ง การแสดงจุดยืน ก็เป็นเพียงปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง เหมือนการเชียร์กีฬา เมื่อยังไม่รู้ผลก็เชียร์กันไป กระทบกันบ้างก็มี สุดท้ายผลปรากฏแล้วก็ยอมรับ ไม่อยากให้ใครคิดมาก คนไทยเรา อย่าถึงกับอาฆาตกันเลย
17 สิงหาคม 2551 21:08 น. - comment id 887045
สวัสดีครับ คุณยา ... คุณยาให้กำลังใจผมมาตลอด ไม่เคยลืมนะครับ ถือเป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งทีเดียว เห็นด้วยระดับหนึ่ง ในการทำความดี อยู่ที่ไหนก็ทำได้ หรือแม้แต่จะไม่ทำก็ได้ นั่นเป็นความดีส่วนตัว ของแต่ละคน ที่จะทำสะสมเป็นเสบียงให้แก่ตนเอง . แต่การจะทำความดี เพื่อส่วนรวม ในเมื่อสังคมต้องการคุณมาก คาดหวังในตัวคุณ ในเมื่อมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อมีสัญญาณอันตรายเกิดขึ้นนั้น พูดสั้นๆว่า มันต่างกัน ละกันนะครับ .... แปลงร่างเป็นกระสือเหรอ อืมม ดีครับ ประหยัดน้ำมัน ..... ขากลับฝากซื้อโค๊กที่ เซเว่น ด้วยละกาน
17 สิงหาคม 2551 21:11 น. - comment id 887046
คุงเฌอ... ปล่อยกบเฒ่าไปสักตัวเถอะ แม่คุ๊ณ.... ขอให้เป็นสุข ๆ เอ้า.
17 สิงหาคม 2551 21:14 น. - comment id 887050
คุณกชมนวรรณ คำว่า เป็นผู้นำในบ้าน นั้น ความหมายกว้างครับ หมายถึง เป็นผู้นำประเทศ ผู้ว่า ฯ ผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งผู้นำชุมชน รวม ๆ ครับ เพราะเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดต่อคนรอบข้างมาก ... โดยเฉพาะที่เห็นทางภาคอีสานบ้านผมนั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ เรียกว่า สั่งได้เลย..
17 สิงหาคม 2551 21:16 น. - comment id 887052
คุณหมึกมรกต อยู่ที่ไหนก็มีความสุขได้ ครับ แต่คนกลุ่มหนึ่งเค้าเสียสละความสุขนั้น มาต่อสู้บนถนนแรมเดือนเพื่ออะไร .. อยากให้กำลังกันครับ...
18 สิงหาคม 2551 10:40 น. - comment id 887204
สวัสดีค่ะพี่แสงเหนือ หายไปนานนะคะ นานๆเอากลอนมาลงที เคยได้ยินมาว่า กบในกะลา รู้ทุกอย่างในกะลา แล้วจึงออกไปสู่โลกกว้าง มันก็ขึ้นอยู่กับว่า มีกะลาไว้ทำไม เอาไว้คุ้มหัว เอาไว้เป็นที่พักพิง หรือเอาไว้เป็นที่เหยียบเพื่อก้าวสู่โลกกว้าง แต่ถ้าเหยียบ แล้วสิ่งมีชีวิตน้อยๆในกะลาที่ยังคงคิดว่ากะลากว้างใหญ่ และอบอุ่น จะตายไหม คงต้องคิด นานาจิตตัง สารพันมุมมองค่ะ หากกะลาใบนั้น เป็นที่พักตากอากาศชั้นยอดและอบอุ่น น้องเอก็พร้อมจะอยู่ในกะลาค่ะ
18 สิงหาคม 2551 17:57 น. - comment id 887306
ปุจฉา ปรมาจารย์ทางด้านกลอนหลายๆท่าน เช่น เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนไว้ว่า ไม่ควรชิงสัมผัสก่อน จะมีสุขอย่างไรในกะลา ในเมื่อปวงประชาเขาสับสน ถูกและผิดดีชั่วมั่วปะปน มาตรฐานปวงชนอยู่หน ใด จะสุขไปทำไมในกะลา ในเมื่อจิตวิญญาณ์ค่ายิ่งใหญ่ โลกภายนอกสับสนไม่พ้นภัย ด้วยเพ่งนัยหลักคิดผิดวิธี ไม่ควรใช้สัมผัสซ้ำในบทเดียวกัน หรือบทติดกัน ต่างบูชาเงินตราพากันมั่ว ต่างชื่นชมคนชั่วกลั้วบัดสี ต่างไหว้กราบโจรผองหมองคดี ที่หลีกหนีความจริงทิ้งหลัก ธรรม เที่ยวประณามชาติตนตะโกนบอก ประกาศตอกแผ่นดินเกิดเชิดถลำ ไร้สำนึกตรึกตรองครรลอง ธรรม ไม่เคยหยุดชี้นำย่ำแผ่นดิน เป็นผู้นำในบ้านสร้างความถูก รู้หลักปลูกสามัคคีชี้สมาน รู้ชี้ถูกชี้ผิดเป็นประมาณ รู้ประสานด้วยเมตตาพาพ้น ภัย ความเป็นเพื่อนเตือนใจอาจได้คิด ความเป็นมิตรอาจสะกิดจิตเผลอไผล ความเมตตาอาจเข้าซึ้งถึงห้วงใจ พ้นผองภัยเพราะเพื่อนดีช่วยชี้ดล สัมผัสเลือน ต่างบูชาเงินตราพากันมั่ว ต่างชื่นชมคนชั่วกลั้วบัดสี ต่างไหว้กราบโจรผองหมองคดี ที่หลีกหนีความจริงทิ้งหลักธรรม ความเป็นเพื่อนเตือนใจอาจได้คิด ความเป็นมิตรอาจสะกิดจิตเผลอไผล ความเมตตาอาจเข้าซึ้งถึงห้วงใจ พ้นผองภัยเพราะเพื่อนดีช่วยชี้ดล ไม่ใช่ลักษณะบังคับ แต่เป็นข้อควรหลีกเลี่ยง อาจจะมีปรากฏบ้างในหนังสือของผู้ได้รับรางวัลซีไรต์ แต่นั่นเขามองที่ภาพรวม ถ้ากลอนที่เขียนสั้นๆ ท่านว่าไว้ไม่ควรมี ท่านแสงเหนือมีความคิดเห็นว่าอย่างไร โดยส่วนตัวเห็นว่า ถ้าไพเราะ ความหมายกินใจ ก็ให้เต็ม 10 ครับ ^ ^ สำหรับคนที่จะเขียนกลอนส่งเข้าประกวด อย่ามองข้ามข้อนี้เทียว โปรดอย่าได้เข้าใจว่าเราอวดรู้ เพราะไม่ได้คิดขึ้นเอง แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
18 สิงหาคม 2551 18:16 น. - comment id 887313
โอ๊บ ๆๆๆๆ กบเฒ่า แวะมาอ่านอย่างพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง กลอนยอดเยี่ยมมากเลยนะ เขียนดีมาก ทั้งภาษาและฉันทลักษณ์ ให้คะแนนเต็ม ๑๐๐ เลย
18 สิงหาคม 2551 22:33 น. - comment id 887399
จิตรำพัน โห อุตส่าห์รอกำลังใจตั้งนาน....เป็นยังไงบ้างละครับ ช่วงนี้ ? ทานข้าวอร่อย นอนหลับดีนะครับ ? ได้ข่าวหนองคายน้ำท่วมจังเลย .... พี่แสงว่า อยู่ที่ไหน เราให้กำลังใจกันได้เสมอ เหตุการณ์ภายนอกแปรปรวนไม่จีรัง ครับ
18 สิงหาคม 2551 23:05 น. - comment id 887420
หมีกมรกต เห็นด้วยครับ เรื่องชิงสัมผัสเนี่ย บางกลอนชิงแล้วจืดไปเลย...ต้องแก้ไข แต่บางที ถ้ายังพอได้ แล้วได้ความหมาย ที่ชัดเจนในประเด็นที่เราเขียน.. ก็ปล่อยๆ ไปครับ .ต้องชั่งน้ำหนักดู... และถึงแม้ชัดเจนในความหมาย แต่ชิงสัมผัสจนจืด ก็ต้องเปลี่ยน นะ ..... อย่างกลอนผม ถ้าเป็น กลอนประเภทนี้ผมอยากจะเน้นสื่อความหมายมากกว่าครับ คำแต่ละคำให้อารมณ์กลอนต่างกัน ถ้าไม่เสียหายนัก ก็ไม่อยาก เปลี่ยนไปใช้คำอื่น หลายคนมีสไตล์ส่วนตัว ในการแต่งกลอนหรือโคลง เหมือนครูอังคาร ถึงจะอ่านยาก แต่ก็อยากอ่านครับ เพราะ มีความหมายดีๆซ่อนอยู่ ความไพเราะบางทีไม่ได้อยู่ที่ ฉันทลักษณ์เท่านั้น นะครับ บางทีเราอ่านกลอนเปล่า ก็ยัง รู้สึกว่าเพราะเหลือเกิน......... ผมไม่คิดว่าหมึกมรกตอวดรู้หรอกครับ ชื่นชมว่าเป็นคนหนุ่มที่ใฝ่ศึกษา ทีเดียวครับ
18 สิงหาคม 2551 23:11 น. - comment id 887424
คุณ ป ปลา กำลังจะลงกลอน ใหม่พอดี ครับ แต่กลัวไม่ได้คะแนน เลย เอาไว้ก่อน อิอิ มันแย่กว่ากลอนนี้อีกครับ ...แต่อยากลง เด๋วหาภาพประกอบก่อนนะ ...
19 สิงหาคม 2551 03:17 น. - comment id 887508
สักวันหนึ่ง ธรรมประจักษ์จักชื่นชู จักได้รู้ ค่าตน ผลแห่งกรรม ฯ ตรงนี้ที่ผมรอดูอยู่ โดยเฉพาะเจ้าของเสียงที่ปลกปั่นระดมชน อย่างก้าวร้าวเผ็ดร้อน ออกทางมาวิทยุทรานซิสเตอร์เข้าหูผม ต้นทางที่ส่งกระจายคลื่น คือ สถานีวิทยุยานเกราะ เกียกกาย ตั้งแต่ต้นเดือนตุลา ๒๕๑๙ ดดยเฉพาะคืนสุดท้ายในวันที่ ๕ แทบทุ่มวิทยุพัง ก็เราไปทุกวัน ที่มันพูดนะ เอามาจากไหน พี่นักศึกษาทั้งนั้น มันว่าญวน ๒ อ. ๑ ท. และสุดแสบ ๑ ส. ตอนนี้ อ. หนึ่งไปแล้ว เป็นอะไรทราบไหมครับ มะเร็งที่คอ ที่เหลือยังอยู่ ไอ้ตัวแสบเหมือนตายไปแล้ว กลับลุกมานั่งบงการใหญ่ได้อีก อนิจจา ดังท่าน ว.วัชรเมธี ว่าไม่ผิดเพี้ยน มารหากไม่มีบารมี เกิด ไม่ได้ ผมจะรอบสรุปต่อไปครับ จักได้รู้ ค่าตน ผลแห่งกรรม ฯ
19 สิงหาคม 2551 20:32 น. - comment id 887767
คุณ นิมิตรา ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมครับผม ทีแรกผมก็ว่าจะเขียนเป็น จักได้รู้ ค่าตน ผลความดี เพราะเข้ากับเนื้อหา 3 วรรคบน แต่คิดไปคิดว่า ใช้คำกลางๆ อย่าง ผลของกรรม..ดีกว่า เพราะให้อิสระในการตีความกว่า และเราก็ได้เริ่มเห็น ว่า คนชั่วกำลังจะได้รับผลกรรมกันทีละคนสองคนแล้ว ... ธรรมะและอธรรม ให้ผลเสมอครับ แต่ยังเป็นห่วงเพื่อนๆหลายคนครับ ที่ยังชื่นชมกับ ความเถื่อนถ่อย และยังพากัน นิ่งเฉยกับความเลวร้ายในสังคม....... ขอบคุณที่แวะมาคุยด้วยครับผม
19 สิงหาคม 2551 20:39 น. - comment id 887770
คุณนิมิตรา.... เรื่องเสียงจากวิทยุนี่ผมก็เคยฟังครับ ในแท็กซี่บ้าง รถโดยสารที่อีสานบ้าง มันบาดหู ทีเดียวครับ ....ไม่มีความเป็นสุภาพชนเลย ฟังแล้วก็ได้แต่อุทานในใจ ว่า อโห คนเรา มืดบอดได้ถึงเพียงนี้ ... ผมดีใจว่า บางที ผมทนฟังได้จนจบ...และก็ได้รับรู้วิธีคิดของ คนกลุ่มหนึ่ง...