ใบไม้ร่วงหล่นไปไม่ห่วงต้น กองเกลื่อนกล่นเรียงรายสลายสิ้น เป็นปุ๋ยเพิ่มเสริมธาตุแก่แผ่นดิน โอชารินไหลผ่านกาลเวลา คือบ่วงโซ่แบ่งปันสรรอาหาร สืบประสานสายใยให้ผืนป่า ได้ผลิดอกออกผลล้นวนา แต้มผืนป่าพงไพรให้อุดม ส่วนมนุษย์ผุดเกิดในโลกหล้า เพียงเพื่อว่าเกิดดับแล้วทับถม เพื่อสร้างโลกให้สุขหรือทุกข์ทม หรือหมดลมสิ้นใจไปตามกาล หรือเกิดมาเพียงพักหนักแผ่นดิน แล้วจบสิ้นชีพลับดับสังขาร เพียงกำเนิดเกิดกายแล้ววายปราณ ชื่อว่าผลาญคุณงามความเป็นคน ได้เกิดกายหมายเป็นเช่นมนุษย์ ประเสริฐสุดสรรสร้างทางกุศล เป็นมนุษย์ยากแท้แน่ทุกตน จงคิดค้นควาญหาคว้ากำไร จงต่อทุนชีวิตติดมาเดิม ให้ค่าเพิ่มกว่าทุนที่หมุนใช้ ทุนเก่าหายใช้หมดสลดใจ ขาดกำไรไร้ทุนบุญนำพา เป็นชีวิตไร้ค่าราคามนุษย์ ย่อมต่ำสุดหลุดภพอนาถา เพียงแค่เกิดบนโลกแล้วจากลา รกโลกายิ่งนักหนักแผ่นดิน ใบไม้ร่วงเน่าสลายมลายตน บำรุงต้นกิ่งใบไม่สูญสิ้น เกิดเป็นคนเพียงกายวายชีวิน ใบไม้หมิ่นว่าต่ำค่าราคาเอย...
26 มกราคม 2551 06:00 น. - comment id 815540
มาที่ 1 ค่ะ ห้ามใครแย่ง นมัสการค่ะ ท่านมหาบนข. แต่งได้ดีค่ะ สอนใจเปรียบคนกับใบไม้ ว่า ใบไม้เมื่อร่วงสลายแล้วยังเป็นปุ๋ย เป็นประโยชน์แก่ต้นไม้ แต่คนเมื่อ ลับไปแล้วสิ่งที่เหลือคือคุณงามความดี เพราะฉะนั้นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องหมั่น สร้างบุญกุศล คุณงามความดีเข้าไว้ จะได้ ไม่อายเจ้าใบไม้นะคะ เอ..ใช่ป่าวคะเนี่ย
26 มกราคม 2551 06:02 น. - comment id 815541
นมัสการพระคุณเจ้า ยามเช้ามีธรรมะมาฝากเสมอนะครับ
26 มกราคม 2551 06:54 น. - comment id 815548
นมัสการน้องหลวง ได้ฟัง วจีพจน์ ร้อยรสถ้อย ความปิติ เพิ่มไม่น้อย ได้กระจ่าง เหมือนท่านได้ ช่วยชี้ ที่แนวทาง ชีวิตย่าง ไม่ปวดร้าว เมื่อก้าวเดิน มองหวนดู หนทาง ที่ผันผ่าน มีล้มลุก คลุกคลาน มันหกเหิน ด้วยขาดความ ยั้งคิด จิตมัวเมิน แต่บังเอิญ มีพุทธอยู่ คู่จิตใจ ศาสดา ในโลกหล้า ไม่มีแล้ว ที่ผ่องแผ้ว นพคุณ สง่าใส พระธรรมสอน ใฝ่หาสุข ห่างทุกข์ไกล พระธรรมสอน เราให้ ไม่มัวเมา สอนให้เลิก สอนให้ละ ซึ่งกิเลส สอนทุกเพศ ให้ห่างซึ่ง ความโง่เขลา ความทุกข์ที่ ทับถม คงบรรเทา เมื่อเราเข้า ถึงสัจจะ รสพระธรรม
26 มกราคม 2551 07:23 น. - comment id 815552
สวัสดีครับคุน บนข. ชื่นชมกลอนมีความหมายดีจังครับ
26 มกราคม 2551 07:37 น. - comment id 815561
เปรียบเทียบไว้ได้ดีมากค่ะ...เยี่ยม....
26 มกราคม 2551 08:35 น. - comment id 815588
สวัสดีครับ อ.บนข. มาเยี่ยมหา เช่นเคยปฏิบัติครับ
26 มกราคม 2551 08:47 น. - comment id 815593
...........ซาก........... อนิจจังสังขารเมื่อกาลล่วง ทุกสิ่งปวงเปลี่ยนแปลงแถลงสิ้น ไม่อาจเลี่ยงหลบหลีกปลีกดวงจินต์ ต้องโบยบินสู่ห้วงบ่วงเวลา สัตว์เล็ก..สัตว์ใหญ่ทั้งหลายแหล่ ล้วนเที่ยงแท้ไม่ขืนขัดวาสนา หนีไม่พ้นทุกข์เล่ห์เวทนา ต่างเกิดมาใช้กรรมที่ทำไว้ แต่เนื้อหมูปูปลาคราดับดิ้น ไม่สูญสิ้น..ทำอาหารมาทานได้ หรือขุดกลบลงฝังหลังขาดใจ เปลี่ยนซากให้เปื่อยยุ่ยเป็นปุ๋ยดิน อีกไม้ล้มเมื่อถมทับนับวันไว้ จะกลับกลายคลายสภาพจนราบสิ้น ยังประโยชน์มากมายให้หลั่งริน เป็นทรัพย์สินธรรมชาติที่คาดเดา แต่คนตายวายชีพกลับรีบร้อน เร่งขั้นตอนธุระกรรมนำไปเผา เอาไฟรุมสุมร่างวางในเตา ทิ้งเพียงเถ้ากระดูกให้ไว้แทนตน หาประโยชน์อื่นใดมิได้แล้ว ความเพริศแพร้วสวยส่องก็ล่องหน เหลือแต่เศษซากธุลีที่ปะปน ถูกเผาป่นปลิวหายตามสายลม สิ่งหนึ่ง..ที่ทิ้งไว้ให้เพ่งพิศ ผูกพันจิตคิดตามความเหมาะสม คุณูปการงานสร้างวางสังคม ซึ่งสั่งสมอุดมการณ์มานานแล้ว คนสรรเสริญดำเนินตามแนวความคิด เห็นถูกผิดเพราะเจ้าถางทางผ่องแผ้ว ให้เพื่อนพ้องวงศ์วาน..ประสานแนว ด้วยเห็นแววความดีที่สร้างมา ตรองพินิจจิตตนสักหนหนอ อย่ารั้งรอจนเฒ่าแก่..แย่หนักหนา ที่ผ่านพ้นลับไปจากสายตา สิ่งมีค่าใดใด..ได้กระทำ กราบนมัสการค่ะพระคุณเจ้า ดีจังค่ะมีกลอนสอนใจได้อ่านแต่เช้าเลยค่ะ ป เลยเอาของเก่ามาแจมด้วยค่ะ เรื่องซาก แต่งไว้นานปู๊นนนนนนนนน เรื่องคล้ายๆ กันด้วยค่ะ อิอิ
26 มกราคม 2551 08:49 น. - comment id 815595
ไม่ยอมให้ใบไม้หมิ่นแน่นอนค่ะ
26 มกราคม 2551 08:51 น. - comment id 815596
นมัสการคะพระคุณเจ้านบข.. ตื่นเช้ามารับธรรมมะเลยเจ้าคะ ดีเหมือนกันสำหรับคนทางโลกที่มีเวลา ในโลกไซเบอร์โลกใบนี้..ได้ซึมซับ สัจธรรมทางบทกวี..เพราะคนในนี้ปัญญาชน แทบทั้งหมด..ทั้งคนอ่านอย่างเดียว คนแต่งอย่างเดียว..คนที่เม้นอย่างเดียว..คนที่ผ่านมาอ่าน..หลายคนหลายเรื่องหลายราว ทั้งสุขทุกข์..โดยเฉพาะบ้านกลอนหลังนี้ ท่านก็เปรียบเหมือนพระประจำบ้าน เป็นพระรุ่นใหม่ที่แสดงธรรมผ่านบทกวี(ชอบแนวทาง)ในโลกไซเบอร์จึงอยากให้ท่านชัดเจน..ในการบอกสพรรนามให้เพื่อนๆๆบ้านกลอนได้รับทราบสถานะของท่านจริงๆอะคะ..บางท่านอาจจะยังไม่รู้..นะคะ..พระคุณเจ้านบข..
26 มกราคม 2551 09:12 น. - comment id 815610
ในอ้อมโอบ...แห่งรัก ดวงเขียนเรื่องนี้ ด้วยใจที่สุขสงบ..เหลือเกิน... เป็นดึกดื่นคืนเพ็ญ.... จันทร์ดวงงาม..ลอยเด่น ประดับบนฟากฟ้า.. สลับกับดวงดาราระยิบกระพริบพราวพราย..... เสียงหรีดหริ่งเรไรระงม..... พรมพร่างด้วยน้ำค้างกลางหาว...... นานๆจะมีเสียงพลุ และประกายสีสันจากดอกไม้ไฟพรูพร่างท่ามกลางฟ้ามืด..... ดวงจุดเทียนรายรอบ และวางไว้ในโคมเพื่อใช้เขียนหนังสือ...... ทิวไม้งามรายล้อม..แลดูตะคุ่ม โดมสีขาวจากบ้านเพื่อนบ้านโผล่พ้นดงไม้ ดูราวกับ ปราสาทแห่งความฝัน........... บางค่ำคืน ... เมื่อม่านฝนพรำโรยตัวเป็นหมอกหนา........ ดวงจะอาบน้ำท่ามกลางแสงเทียน วับแวม ให้หวามไหว ซุกตัวในอ่างน้ำแสนอุ่น และจากกระจกบานกว้าง... มองออกไปยังฟากฟ้า แสนไกล..... ซึ่งดูราวกับฉากแห่งม่านฝันรำไรในสายฝน สลับสล้าง สวยเหลือใจ................ ดวงคิดเสมอ.... ว่าโลกนี้อยู่ที่ใจเราจะเนรมิต...... ดวงสามารถสร้างโลกในฝัน... ให้เป็นโลกแห่งความจริงที่สวยงาม...เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ และโดยมิพักต้องลงทุนมากมาย................... ดวงปล่อยให้...การะเวกเลื้อยพันเป็นลวดลายงาม.. ขึ้นมาทายทักจนถึงระเบียงดาดฟ้ากว้าง ที่ดวงใช้เขียนหนังสือ.... กลิ่นการะเวกยามเย็น ทำให้งานเขียนของดวงลื่นไหลตราตรึง... การะเวกเกาะเกี่ยวเกิดเป็น.. ม่านลายลูกไม้ธรรมชาติ ตามกระจกรอบๆบ้าน..แทนม่านหรู. แถมเป็นม่านที่มีกลิ่นจรุงใจ..งดงาม หวานหอม....... เป็นม่านผืนที่ต้องใช้ใจถักทอเพียงเท่านั้น....ถึงจะมีสิทธ์ได้มา........ บ้านของดวง....มีลวดลายจากใบไม้นานาพรรณ...... มาถักทอและบดบังให้แลลอดรำไร เป็นม่านเย็นตา เย็นใจ ทุกโมงยาม ที่ใจดวงงามได้สัมผัส.... ต้นแก้วสูงถึงชายคา........ แผ่กิ่งก้านอวดดอกขาวพราวต้นเมื่อยามวสันตฤดู..... กลิ่นหวานเศร้า เคล้าสายฝนจะแทรกเข้ามาเห่กล่อม ให้หลับไหลอย่างแสนสุข.... ดวงมีเล็บมือนางสวยเลื้อยพันเป็นซุ้มหน้าบ้าน..... ไว้เกาะเกี่ยวใจของคนที่มาเยือน.... มีต้นมะม่วงสูงใหญ่ ที่ไว้เป็นที่ให้นกกามาอาศัย..ทำรัง และให้ นกเขามาร้องขันคูปลุกในยามเช้าตรู่ เมื่อถึงฤดูกาลออกผล แค่เอื้อมมือไปก็เด็ดได้ไม่ยาก... แล้วไหนจะจำปีที่ชิดเชยถึงชายคา..ริมระเบียง อยากเก็บแแซมผมก็เพียงสัมผัส...... มีดอกพุด...ที่มีหนุ่มคนไกล..ปลูกไว้ให้ ราวกับจะเป็นไม้เสี่ยงทาย.... ให้ดวงเฝ้ารดน้ำพรวนดิน ทะนุถนอมแทน .. เพื่อรอดูตุ่มแรกของดอกที่จะผลิบาน.......... แล้ว ดวงตั้งใจจะเก็บไปถวายพระพุทธรูป ที่ดวงจุดเทียนสวดมนต์กราบไหว้ทุกค่ำคืน.... เพื่อเป็นมงคล เป็นพุทธบูชา.... และดวงจะอธิษฐานจิต ให้ดอกพุดนั้นแทนรักที่งดงาม........ บริสุทธิ์ใส และเบิกบาน ให้เจ้าของสมหวัง...ดั่งใจ เฉกเช่นเดียวกัน......... เราทุกคนมีใจดวงเล็กๆเหมือนกัน... ใจดวงที่สามารถจะเปิดให้ความงามที่รายล้อม รอบรอบตัวเข้ามาสัมผัส.... ง่ายแสนง่าย.ใกล้แสนใกล้......แค่มือคว้าใฝ่.............. เพียงมีใจปราถนารับความละเมียดละมุน..มาต่อเติมใจ ให้ไฟฝัน มิมีวันมอดสิ้น......... ชีวิตนี้สั้นนัก..... ไม่ช้านาน เราทุกคนก็ต้องลาจากโลกสมมุตินี้ไป..... แล้วไฉนเล่า ไม่เบิกบานกับชีวิต.... และเตรียมทำใจยอมรับความจริงของชีวิต *การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์* เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกแสนสวยใบนี้.... สิ่งเดียวที่เราจะหยิบยื่นให้แก่โลกนี้ได้ คือไม่เบียดเบียนโลก...ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก.. เราแค่ผ่านมาทักทายและอาศัยพักใจเพื่อรื่นรมย์ และฝึกจิตที่พร้อมจะยังประโยชน์ให้คืนกลับ แก่โลก และผู้ที่จะตามมาในภายหลัง... โลกนี้อยู่ได้ด้วยรัก... รักที่สวยงามจะเป็นพลังสรรสร้างทุกๆสิ่ง..... รักทำให้โลกหมุน..... และโลกจะไม่โหดร้ายจนเกินไป ถ้าเราจะช่วยกันแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้สิ้นหวัง..................... ดวงขอจบด้วยบทเพลงหนึ่ง ซึ่งดวงกำลังเปิดฟังในค่ำคืนที่มีมนต์ขลังนี้ ให้มันลอยแทนใจ แทนความคิดถึงทุกทุกคน ถึงใจทุกทุกดวงที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งรักทุกๆรูปแบบ และโดยเฉพาะ คนพิเศษในใจของดวง... ที่บ้านเกิดเกาะแสนงาม.. ที่อเมริกา...แคนาดา...และออสเตรเลีย... รวมทั้งเพื่อนแสนรัก ทุกคนที่ญี่ปุ่น....สิงคโปร์... ผู้ที่ดวงหวังใจว่า..เกิดมาเพื่อรัก... และรู้ความหมายของการเสียสละนะจ้ะ เพลงรักไม่รู้จบ................... ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน.... แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี แต่วันนั้น..ใจฉันยังคงที่ ความรัก..ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย ถึงโลกแตกแหลก..แหลกเป็นผงคลี รักเต็มปรี่..ไม่มีรู้คลาย ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย เคียงคู่เธอ ไม่คลาย ฝากวิญญานไว้ครอง ด้วยความรักไม่รู้จบ แม้ผืนดินกลบยากลบรอยรักเลือน จะเนิ่นนาน..กี่วัน..กี่ปี...กี่เดือน ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจไม่เลือนรักเธอ....... ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ จะสมหวังหรือพบความเพ้อเจ้อ เป็นที่ใจของเธอจะจริงจังฉันท์ใด ........................................................... ใช่เลยใช่ไหม ถ้าใจเธอหนักแน่นพอ............... ด้วยรักจากใจ
26 มกราคม 2551 10:02 น. - comment id 815628
ซากใบไม้ซากคนที่กล่นเกลื่อน ก็เสมือนทุกซากอันหลากหลาย มีประโยชน์หรือเพียงเศษทุเรศคาย แท้ความหมายผลกรรมของธรรมมะ
26 มกราคม 2551 10:04 น. - comment id 815629
จะเลือกเป็นใบไม้ชนิดไหน สุดแต่ใจไขว่าคว้าถ้าสร้างสรร มีประโยชร์หรือไมสุดรำพัน ตายคือกันซากไม้สลายดิน.. ..ป่วนแบบงงๆ
26 มกราคม 2551 10:18 น. - comment id 815635
เปรียบเทียบได้ชัดเจนเลยค่ะหลวงพี่
26 มกราคม 2551 10:31 น. - comment id 815643
แจ่มคับ.. ใบไม้ยังเป็นธาตุอาหาร คน..แม้ไม่ช่วยรักษา.. ก็อย่าทำร้ายเลยเนาะ ไมตรีจิตมิตรอักษร
26 มกราคม 2551 10:59 น. - comment id 815649
หนึ่งใบไม้ร่วงเหว่หว้า เคว้งคว้างลงมาช้า ช้า หวั่นไหว ไร้ค่าไร้คนสนใจ ฉันเป็นดั่งใบไม้ในวันนี้ .................................
26 มกราคม 2551 16:31 น. - comment id 815685
นมัสเต ขอรับ.. แวะมาอ่านบทกลอนเตือนสติสอนใจขอรับ....
26 มกราคม 2551 18:48 น. - comment id 815691
กราบนมัสการคะ พระคุณเจ้าบนข. ใบไม้ร่วงสู่ต้นเมื่อชรา หล่นลงมาทับทมเป็นอาหาร กลับคืนสู่ต้นไปตามกาล มนุษย์หนอดับขารเหลืออะไร ที่สุดแล้วหลงเหลืออะไรบ้าง นอกจากพาความอ้างว้างมาโหยไห้ ทิ้งให้คนข้างหลังต้องอาลัย จากไปแล้วเหลืออะไรในความดี ที่สุดแล้วไม่หลงเหลือแม้ความรัก อาลัยเพียงพักพักนับจากนี้ จนสุดท้ายไม่เหลือสิ่งใดให้ยินดี รีบเถิดวันนี้รีบทำคุณ จะได้เหลือเอาไว้ในภายหลัง ว่าคุณยังมีดีอย่าเคืองขุ่น อย่าให้ตายเปล่าไม่เหลือซึ่งใบบุญ แม้แต่ชื่อของคุณยังลบลืม
26 มกราคม 2551 21:31 น. - comment id 815729
นมัสการหลวงพี่ค่ะ... เสียงระฆังวังเวงวิเวกแว่ว แก๊ง.แก๊ง.แผ่วจากหนใดที่ไหนหนอ วิหกร้องขันคูกู่เสียงคลอ หอมละออกลิ่นมาลีคลี่ดอกบาน จิตวิญญาณลอยวนอยู่หนไหน โปรดจงช่วยกลับมาคืนผสาน เป็นหนึ่งเดียวกับเรือนร่างดั่งต้องการ อย่าซมซานเป็นกายทิพย์พเนจร แสงแห่งธรรมสาดส่องทั่วท้องหล้า ต่างจรมาน้อมรับฟังคำสั่งสอน กิเลสที่กลางฤทัยเริ่มคลายคลอน พนมกรน้อมรับภควันต์ เสียงธรรมะสะวะนะประสานก้อง ดั่งเสียงร้องบรรเลงเพลงสวรรค์ ขับกล่อมมวลเวไนยสารพัน ให้ยึดมั่นในศรัทธาค่าความดี จักษุได้รู้เห็นเป็นแก่นสาร ถึงความเจ็บปวดทรมานความบัดสี เห็นการเกิดแก่เจ็บตายบรรดามี ทั้งโลกีย์ตัญหาน่าเศร้าใจ ความดีไม่เคยทำเลยสักนิด ครั้นชีวิตใกล้จะลับดับสลาย กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีความตาย เริ่มเห็นพระรำไรในสันดาน โสตสองข้างควรรับสดับบ้าง ทุกสิ่งอย่างล้วนนิจจังตามสังขาร ไม่มั่นคงจีรังยั่งยืนนาน ต้องแตกดับตามกาลกำหนดมา จะต้องการสิ่งใดอะไรเล่า เรามาเปล่าก็ไปเปล่านั่นแหละหนา สร้างความดีประดับไว้ในโลกา ดั่งผกาหอมระรินทั่วถิ่นไพร..... คนเราเกิดมาเปล่าก็ไปเปล่าค่ะ...
26 มกราคม 2551 22:07 น. - comment id 815752
นมัสการท่านมหาขนบ น้อมรับกลอนสอนใจที่งดงามครับ
27 มกราคม 2551 18:26 น. - comment id 815963
เจริญพรทุกผ่านมาเยี่ยม ต้องขออภัยที่ตอบทุกความคิดเห็นช้าไป เพราะไปธุระต่างจังหวัดเสียสองวัน โยมพี่เจี๊ยบ.... เป็นความจริงอย่างโยมพี่ว่ามานั่นแล... เจริญพร คุณsonex ต้องขอเจริญพรขอบคุณเช่นกันที่แวะมาเยี่ยม.. เจริญพร โยมพี่คนบนเกาะ อันกระจกยกส่องมองเห็นตน ว่าควรค้นตกแต่งณแห่งไหน ธรรมะคือกระจกยกส่องใจ ว่าดีร้ายเช่นไรให้มองดู... บทกลอนของโยมพี่คนบนเกาะให้ความหมายที่ดีมากเช่นกัน เจริญพร สวัสดีครับลุงแทนผู้ปิยมิตร... ขอบคุณครับที่แวะมา เจริญพร คุณปราณวี.... คำกลอนว่าด้วยซากฝากให้คิด ส่องดวงจิตเห็นทางสว่างไสว สรรพสิ่งเกิดกายมลายไป ควรทิ้งซากอันใดไว้ทดแทน.... เป็นคำกลอนสอนใจที่งดงาม ต้องเรียกว่าเป็นซากที่งดงาม เจริญพร เจริญพร คุณเพียงพลิ้ว... สาธุ ขอสนับสนุน เจริญพร คุณพิมญดา... ขอรับข้อเสนอด้วยความยินดียิ่ง เห็นด้วยว่าทุกคนในบ้านกลอนนี้ล้วนเป็นปัญญาชน และเราคือคนในบ้านเดียวกัน นามจริงของ บนข. คือ พระมหาขนบ สหายปญฺโญ... เจริญพร โยมพี่พุด.... เป็นธรรมชาติที่งดงามจริงๆ แท้จริงธรรมะ กับธรรมชาติ คือสิ่งเดียวกัน เข้าถึงธรรมชาติ ก็คือเข้าถึงธรรม นั่นเอง เจริญพร คุณอัลมิตรา.. ซากใบไม้ซากคนที่หล่นทิ้ง คือความจริงสุดท้ายที่หมายค้น กฏไตรลักษณ์ทักทายเรียกหมายตน จงคิดค้นก่อนเป็นซากฝากความดี... 59%% เจริญพรยาแก้ปวด... จะเลือกเป็นใบไม้ชนิดไหน สุดแต่ใจไขว่าคว้าถ้าสร้างสรร มีประโยชร์หรือไมสุดรำพัน ตายคือกันซากไม้สลายดิน.. ..... ก่อนชีพวายสลายเป็นเช่นผุยผง รีบบรรจงสร้างบุญกุศลสิน ดุจใบไม้ร่วงหล่นไม่ยลยิน กลายเป็นดินลำเลียงเลี้ยงวนา... ออิอิคุณยาเริ่มเข้าถึงธรรมแล้ว เจริญพร คุณเฌอมาลย์.. สาธุ สำหรับคำชม ขอรับด้วยความเกรงใจ เจริญพรคุณคอนพูทน... ถูกต้องเป็นอย่างยิ่งแล้ว ไม่ช่วยปลูกก็อย่าทำลายกันเลย เจริญพร กระต่าย... หากเป็นหนึ่งใบไม้ร่วงเหว่หว้า ขอกาลเวลาช่วยซึมซับรับได้ไหม เช็ดน้ำตาที่ร่วงด้วยห่วงใย ถนอมใจใบไม้ร่วงห่วงอาทร... เจริญพร vitoria.... ขอบคุณจ้า ที่แวะมา กลับมาเลแล้วยัง เมื่อไหรจะมาสิชล (อิอิ) วันนี้ผ่านมาทางสิชล ก็อดคิดถึงคุณ victoria ไม่ได้ เจริญพร คุณไม้หอม... เป็นบทกลอนธรรมะที่งดงามอีกบทหนี่ง เจริญพร... จงรีบสรรสร้างทางวางกุศล เสบียงตนเดินทางไกลในสงสาร หลายหมื่นลี้กี่กัปป์นับด้วยกาล จึงพ้นผ่านถนนคนเดินทาง.... เจริญพร คุณ .white roses. คุณ white roses เขียนกลอนนี้ได้เพราะจริงๆ ธรรมะถ้ามาในรูปของบทร้อยกรอง งดงาม อ่านได้ไม่น่าเบื่อ ฉะนี้แล... อันคุณงามความดีที่สร้างไว้ ไม่สลายหายลับกับสังขาร คงสถิตอยู่คู่กัปป์กาล คนกล่าวขานสดุดีทุกที่เอย.. เจริญพร คุณกุ้งก้ามกราม.... เจริญพรจ้า โหมเราไม่พรือโยแล้ว
27 มกราคม 2551 18:58 น. - comment id 815972
นมัสการพระคุณเจ้า โมทนากลอนจากกุศลจิตครับ
27 มกราคม 2551 21:12 น. - comment id 816003
เจริญพร คุณน้ำ... อันน้ำจิต น้ำใจ ผ่องใสแท้ รินออกแผ่ให้กันน่าสรรเสริญ หวานเอยหวานน้ำใจหาใดเกิน โลกเจริญเพราะน้ำใจไหลรินมา...
27 มกราคม 2551 21:51 น. - comment id 816017
ท่านกล่าวย้ำทำไมให้ยุ่งยาก ทำให้พลอยลำบากเขียนฝากเสริม เป็นเพื่อนกันอย่างไรให้เหมือนเดิม มาเขียนเพิ่ม .. เจริญพร .. แล้วอัลมิตราจะย้อนได้ไง เนี่ย ?
27 มกราคม 2551 23:00 น. - comment id 816043
เรียนคุณ อัลมิตรา.... ยินดีรับความเห็นเช่นที่ว่า อัลมิตราว่าลำบากเขียนฝากเสริม เป็นมิตรกันเช่นไรให้เหมือนเดิม โปรดแต่งเติมความเห็นเช่นผ่านมา...