หวังเถอะนะหวัง
ตราชู
หวังเถอะนะหวัง
โคลงจิตรลีลา
วันโน้นมืด มัวเมือง
รำคาญเคือง ขุ่นไข้
วันวันเนือง เนืองวุ่น
ราวร้างไร้ รุ่งหรู
วันนั้นกู่ ตะโกนขาน
ขับไล่พาล ล่วงพ้น
ปรากฏการณ์ เกิดก่อ
ชนล้วนล้น หลั่งหลาม
วันนี้ท่าม หมอกเทา
อาทิตย์เพรา เพริศแท้
ฉายฉาบเงา งามเฉิด
มาเกื้อแก้ เกี่ยงหมอง
ปองปลุกปลื้ม ปรุงหวัง
หวังคงยัง อยู่ค้ำ
หวังในพลัง เพ็งเลิศ
หวังซ้ำซ้ำ ไป่สูญ
มาณวกฉันท์ ๘
เคยมนะขุ่น มุ่นจิตหมอง
เมืองยลมอง มากภยมูล
ผ่อนภยผอง ผ่องผลพูน
ค่าทวิคูณ คงบมิคลาย
โดยพลเด่น เห็นดุจเหม
โปรยสุขเปรม โปรยปิติปราย
โชติรวิฉาน วารฤจะวาย
ช่วงกระจะฉาย ชื่นฤดิชน
หวังเถอะนะหวัง ขลังคติคู่
อยู่เถอะนะอยู่ ยินและก็ยล
ใฝ่เถอะนะใฝ่ ใจบมิจน
ทนเถอะนะทน ท่าศุภทิน
กาพย์ยานี ๑๑
คราเศร้าซึมเซาโศก
นกน้อยโบกเนืองนองบิน
ผูกพันผายผันผิน
เพื่ออาภาเพ็ญอ่าภูมิ
ยกย่องลำยองเยี่ยม
ปรากรมเปี่ยมปรากฏปูม
ฝ่าฟันเฟื่องฝันฟูม
แม้ฟ้าฝ้ามุ่งฝ่าฝืน
จินตน์ใคร่ดวงใจครุ่น
คลายเข็ญขุ่นครองวันคืน
หยัดยงธำรงยืน
มาถ้วนยุค..มาทุกยาม
เรืองไร..นั่นไง! รุ้ง
อันโรจน์รุ่งอำรุงราม
พราวแววเพริศแพร้ววาม
พริ้งพรายหวังพร้อมพรั่งวัน
กลอน ๖
ถึงคราวเร้ารวมร่วมแล้ว
คลาดแคล้วขึ้งเคียดเดียดฉันท์
ถึงคราวหันหน้าหากัน
ไร้กั้นกำแพงแกร่งภู
ถึงคราวเข้ารวมร่วมศักดิ์
หยุดพักราญรุกทุกผู้
ถึงคราวเข้าชิดจิตชู
เราอยู่ผืนดินถิ่นเดียว
ชาติเราเราร่วมรวมสร้าง
อย่าร้างสำนึกผนึกเหนี่ยว
สามัคคีธรรม์นั่นเทียว
ร้อยเกี่ยวเกลียวคล้องครองใจ
สามัคคีธรรม์นั้นเที่ยง
หลีกเลี่ยงความเลวเหลวไหล
สามัคคีธรรม์นั้นไทย
เนาในสุขแท้แน่นอน
(๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙)
______________________________________________________