แม่นั้นนิรันดร แต่เยาว์จนเติบใหญ่ หญิงหนึ่งใฝ่เฝ้าฟักฟูม ผ่าเผยแลภาคภูมิ เป็นผู้พึงพิงพึ่งพา หลั่งสายเกษียรสินธุ์ อุทกรินอิ่มธารา ยืนหวังยังชีวา มาเนิ่นวารนับนานวัน ข้าวอุ่นอันขาวอ่อน ค่อยปรนป้อนค่อยปรุงปัน พจน์พร่ำพร้องรำพัน เพลงกล่อมนำเกลาทำนอง เพียรซ้ำสู้พร่ำสอน ค่อยชูช้อนจนช่ำชอง เคียงข้างประคับประคอง จวบแข็งขัน จนมั่นคง มือน้อยสองมือนี้ เปี่ยมปรานีปองจำนง ทอรักถักธำรง บรรเทียบรุ้งที่รุ่งราม ปิ่นหญิงผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ห่วงใยทุกโมงยาม หญิงนี้แหละมีนาม ว่า แม่ นั้นนิรันดร (เขียนไว้ ณ พ.ศ. ๒๕๔๘) -----------------------------------------------------
4 สิงหาคม 2549 18:00 น. - comment id 595143
ซึ้งจังคับ....... จบได้กินใจดี
4 สิงหาคม 2549 21:43 น. - comment id 595172
วรรคที่สี่ของคุณจบด้วยเสียง ภูมิ ... ซึ่งเป็นคำที่จะหาคำใดมารับส่งสัมผัสได้ยาก อัลมิตราเคยเล่นกลอนอยู่หนหนึ่ง เป็นกลอนที่เขียนต่อกันเล่น ๆ ในเวปแห่งนี้แหละค่ะ และอัลมิตราก็ไปลงเสียงท้ายวรรคเป็นภูมิ และก็นั่งจ้องอย่างลิงโลดว่าใครหนอจะมาเขียนต่อกลอนถัดไป ครั้งนั้นอัลมิตราก็ได้รับคำชี้แนะมาว่า การลงเสียงภูมินั้น เปรียบเสมือนการไม่เหลือไม่ตรีสำหรับคนต่อกลอนถัดไป ตอนแรก อัลมิตราก็ยังฉุกคิดคำที่มาต่อเสียงท้ายหวังได้อยู่นะคะ เช่นคำว่า ทูม ตูม ตู๊ม ตู้ม ... ฮา (ไม่รู้คิดไปได้ไง) และในที่สุด.. ก็มีเพื่อนคนหนึ่งมาช่วยอัลมิตราคิดแก้กลอนที่อัลมิตราวางสนุ๊กตัวเอง กลอนที่มาเขียนต่อนั้น อ่านแล้วก็ยิ่งฮา แต่ก็สามารถรอดตัวไปอย่างฉิวเฉียด ขำก็ขำ .. แต่ก็ไม่เข็ด ไว้อัลมิตราจะลองใหม่
20 สิงหาคม 2549 08:36 น. - comment id 599353
:]