เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ
นกตะวัน
น้ำค้างยังไม่ทันจางหายไปจากใบไม้บนต้น แต่สายฝนกลับโปรยปรายลงมา ทั่วบริเวณจึงเปียกชุ่มไปหมด นักดูนกที่หวังจะได้เห็นนกกิ้งโครงสีกุหลาบยังคงป้วนเปี้ยนอยู่หน้าสนามกีฬา แต่ต้องยืนหลบฝนอยู่ใต้กันสาด ฝนที่ตกลงมาบ่งบอกให้รู้ว่า วันนี้นกกิ้งโครงสีกุหลาบตัวนั้นคงไม่บินมาที่นี่เป็นแน่ ในไม่ช้าฝนที่ตกลงมาหยุดลงได้อย่างสนิท ตามติดด้วยแสงแดดที่ส่องสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิม บนท้องฟ้า เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ (Black Baza) บินผ่านมาไม่ขาดระยะ
มองขึ้นไปในนภาเวหากว้าง
มิเคยร้างร่างเหยี่ยวเลี้ยวหกเหิน
ตัวสีคล้ำดำขาวคราวมากเกิน
ดูเผินเผินดั่งผึ้งบินหึ่งคลอ
ต่างโผผินบินร่อนค่อนข้างช้า
เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำมากล้ำหนอ
หน้ากระดานผ่านไปไม่รีรอ
มิเคยท้อแตกแถวย้ำแนวรอย
แต่บางกลุ่มชุมนุมกันพลันบินเลี้ยว
ร่อนคดเคี้ยวขึ้นไปไกลสุดสอย
ติดลมบนวนเรื่อยมิเฉื่อยคอย
สูงใช่น้อยในฟ้าแสงจ้าดี
แล้วเปลี่ยนใหม่ไปเป็นแนวเส้นล้วน
แปรขบวนเคลื่อนไปในวิถี
คล้ายยกทัพจับศึกผนึกทันที
เคลื่อนเต็มที่ข้างหน้ามุ่งฝ่าไป
พวกเราต่างยกกล้องส่องดูเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำเหล่านั้น ที่พากันบินมามืดฟ้ามัวดินเหนือสนามกีฬา เมื่อแสงแดดร้อนกล้ามากขึ้น แล้วรีบขึ้นรถตู้ทันที เดินทางมายังบริเวณจัดงานเทศกาลดูเหยี่ยวอพยพอีกครั้ง แต่ในวันนี้ไม่ค่อยมีผู้คนเดินกันขวักไขว่มากนัก คงเป็นเพราะเมื่อเช้านี้มีฝนตกลงมา และวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการจัดงานด้วย บางคนเดินตรงไปซื้อหนังสือและของที่ระลึก บางคนทักทายกับคนรู้จัก ส่วนผมเดินไปร่ำลาปลัดปู ชูเกียรติ นวลศรี เพื่อลากลับ
เที่ยวชุมพร ย้อนมาประจวบฯ 32
25 ตุลาคม 2547