ผมเดินลงมาที่ระเบียงกาแฟข้างล่าง นั่งจิบกาแฟร้อนที่โต๊ะตัวเดิมใต้ร่มเงาของต้นมะขามเทศใหญ่ ติดกับแม่น้ำแควใหญ่ที่มีน้ำไหลไปช้าๆ กลิ่นกาแฟยังคงอวบอวลเคล้ากับกลิ่นป่าเหมือนเช่นเมื่อวานนี้ จนไม่อยากให้การประชุมในวันนี้เริ่มขึ้นเร็วพลัน ต้นไม้สองฝั่งแม่น้ำดูเขียวสดใสอมเหลืองไปหมด เมื่อแสงแดดยามเช้าส่องได้ทั่วถึงย้อนลำน้ำเข้ามา ผมส่องกล้องมองดูนกต่างๆไม่ค่อยชัดนักเพราะย้อนแสง จึงก้มลงไปมองที่ตลิ่ง แลเห็นแพไม้ไผ่ลอยอยู่ใกล้ๆ แพไม้ไผ่ใหญ่ยาวราวกับเรือ ช่างเหลือเชื่อชาวกาญจน์เชี่ยวชาญหลาย ก่อสร้างแพแลเด่นเห็นเรียงราย ล้วนมากมายริมแม่น้ำคร่าคร่ำลอย ยามจอดนิ่งตลิ่งใดใช้เชือกรั้ง ผูกไว้ยังไม้ใหญ่ไม่หนีถอย แม้น้ำมากหลากแน่แพยังลอย สวยใช่น้อยสัญลักษณ์พิทักษ์กาญจน์ ครั้นแล่นไปในแม่น้ำฉ่ำธารา เรือลากฝ่าฟองคลื่นขืนสังขาร คนนั่งแพแลเห็นเย็นสำราญ เมื่อเคลื่อนผ่านพงไพรใกล้น้ำมา แต่ไม้ไผ่ในกาญจน์ถูกผลาญสิ้น ควรถวิลคำนึงพึงรักษา อนุรักษ์ปกปักไผ่ใช้เรื่อยมา รู้คุณค่าทรัพยากรก่อนหมดพันธุ์ แสงแดดยามเช้าเริ่มแรงขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่สายลมยังคงพัดผ่านมาไม่ขาดระยะ ช่วยทำให้เช้าวันนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมามาก ผิดกับเช้าเมื่อวานนี้ซึ่งท้องฟ้าค่อนข้างครึ้มไม่แจ่มใส พอกาแฟหมดถ้วย ผมจึงออกไปเดินเล่นอีกครั้งในบริเวณใกล้ๆระเบียง มองดูต้นไม้ต้นโน้นต้นนี้ไปเรื่อยๆ เป็นการฆ่าเวลาที่ดีมากทีเดียว ต้องขอบคุณผู้จัดการสมาคมอนุรักษ์นกฯ ที่เลือกสถานที่ประชุมได้ถูกใจเสียจริง จนอยากอยู่ที่ระเบียงกาแฟนี้นานๆ ประชุมเชิงปฏิบัติงาน ริมแม่น้ำแควใหญ่ 19 2 กันยายน 2547
22 กันยายน 2547 15:25 น. - comment id 336038
อิอิอิอิอิอิมาทักทายนะคะพี่จ๋าคิกๆๆเคยนั่งแล้วค่ะแพไม่ไผ่ สนุกดีค่ะเข้าใจเอาบทกลอนบทความมาลงนะคะ
22 กันยายน 2547 16:30 น. - comment id 336102
กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ อ่านแบบนี้แล้วอย่างนั่งแพบ้างแล้วซิค่ะ อิอิ
22 กันยายน 2547 17:59 น. - comment id 336181
เคยนั่งแพอยู่ที่นึงค่ะ.. ที่เชียงราย แต่เป็นแพแบบจะพังมิพังแหล่ นั่งไปกลัวตายไปมากกว่าจะมีเวลาทำอะไร อิๆๆ ... แวะมาเยี่ยมจ้ะ