กะรางหัวแดง
นกตะวัน
ในขณะที่เรากำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวัน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สายฝนได้โปรยปรายลงมาอีกครั้ง เราจึงนั่งมองดูน้ำฝนที่หล่นลงมาไปพลางๆ แต่พอฝนเริ่มซาลงหน่อย เสียงเพลงอันไพเราะของนกชนิดหนึ่งเริ่มดังขึ้นเพื่อกล่อมเรา และแล้วเจ้าของเสียงร้อง นกกะรางหัวแดง (Chestnut-crowned Laughingthrush) ตัวหนึ่งบินมาเกาะส่งเสียงอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆเราโดยไม่ตื่นกลัว แล้วนกกะรางหัวแดงอีกตัวบินเข้ามาเกาะใกล้ๆกันบนต้นเดียวกัน
เจ้ากะรางวางท่าร้องท้าทาย
หันบั้นท้ายเปลี่ยนท่าอวดหน้าหลัง
แม้ตัวคล้ำดำเชียวเทาเขียวจัง
ปีกหางบั้งเหลืองบรอนซ์ค่อนเขียวทา
ขนสดสวยด้วยสีที่สุกใส
กระหม่อมใส่สีแดงเติมแต่งหนา
แต่แก้มเทาเงาเงินมองเมินมา
เกาะสง่าส่งเสียงเอียงหน้าดู
แล้วกระโดดโลดไต่ไปตามต้น
ทั่วทุกหนหาหนอนซอกซอนสู่
ทั้งแมลงแห่งใดซ่อนไหนรู้
ชวนให้ดูดั่งดารามาใกล้เรา
ช่วยกล่อมไพรให้เราไม่เหงานัก
ควรประจักษ์เจ้านกวิหคเขา
หากขึ้นดอยคอยไปไม่เห็นเงา
คงน่าเศร้าสูญนกโผผกไพร
หลังอาหารมื้อกลางวันพวกเราต่างแยกย้ายกันเดินไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง บางคนเดินเข้าไปเยี่ยมชมบอร์ดนิทรรศการในอาคาร แต่บางคนเดินตระเวนหาทำเลถ่ายภาพ แต่ในที่สุดทุกคนทยอยกันเดินข้ามถนนเพื่อลงไปยังอ่างกาซึ่งเป็นแอ่งซับน้ำที่มีสะพานไม้ปลูกสร้างวนไว้โดยรอบขอบแอ่ง เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้ลงไปเดินชมกัน เราเดินไปตามสะพานไม้ได้หน่อย เห็นต้นกุหลาบพันปีหรือคำแดงหลายต้นขึ้นอยู่ใกล้ๆกันแต่ยังไม่ออกดอก
ตามหาลมปีกที่คิดถึง ปลายทางหิมาลัย 25
1 สิงหาคม 2547