ป่าดิบเขา
นกตะวัน
เวลา 10.00 น. เราเริ่มเบื่อการรอคอยเจ้าปีกแพรสีเขียวแล้ว จึงทยอยกันเดินเข้าไปดูนกในเส้นทางที่แยกจากด่านสองไปทางขวา ซึ่งนักดูนกเรียกว่า Jeep Track สองข้างทางเนืองแน่นไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ของป่าดิบเขาที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก และในเวลานี้กำลังชุ่มฉ่ำไปด้วยละอองน้ำฝนซึ่งพึ่งหยุดตกลงหมาดๆ จนทำให้แลดูเขียวชอุ่ม มืดครึ้ม และชุ่มชื้นไปทั่วทุกบริเวณ เพราะไม่มีแสงแดดสาดส่องลงมา ราวกับว่าเดินอยู่ใน Twilight Zone
หมู่ไม้ใหญ่ในพนาป่าดิบเขา
ลำต้นเปลาตรงเด่นเห็นสูงกิ่ว
แผ่กิ่งก้านต้านลมพัดข่มพลิ้ว
แกว่งไกวหวิวไหวพัดสะบัดใบ
พุ่มไสวได้ฝนสาดล้นฉ่ำ
ดูเขียวคล้ำค่อนสวยด้วยสดใส
อาบไอน้ำฉ่ำสิ้นผืนถิ่นไพร
สร้างป่าใหญ่ยืนสล้างกลางหมอกมัว
เปลือกลำต้นบนกิ่งอิงกล้วยไม้
เฟินกอใหญ่ไก่แดงแฝงสลัว
ฝอยลมย้อยห้อยระย้ามาพันพัว
เห็ดขึ้นกลั้วเกลือกกลิ้งงอกสิงไป
พื้นป่านุ่มชุ่มน้ำจนคล้ำเขียว
เดินคดเคี้ยวเลี้ยวลดจดถิ่นไหน
แสนสดชื่นรื่นรมย์สุขสมใจ
กลางพฤกษ์ไพรพงพนาผืนผาดอย
Jeep Track ในวันนี้คงจะเป็นแดนสนธยาจริงๆ เพราะเงียบเชียบเหลือเกิน ไม่เห็นนกแม้แต่ตัวเดียว แม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องของนกโพระดกคางเหลือง (Golden-throated Barbet) ดังอยู่ไม่ขาดระยะ เราจึงหันไปดูพืชอิงอาศัย เช่น ตะไคร่ เฟิน กล้วยไม้ และฝอยลม รวมทั้งกาฝาก และพรรณไม้อื่นสองข้างทางแทน แล้วในไม่ช้าทุกคนต่างหันหลังกลับทั้งๆที่เดินเข้าไปยังไม่ทันจะถึงครึ่งทาง เพราะไม่มีนกให้ดูกัน ทั้งยังหิวกันแล้ว และฝนกำลังมาอีกด้วย
ตามหาลมปีกที่คิดถึง ปลายทางหิมาลัย 21
1 สิงหาคม 2547