เราเดินกันไปเรื่อยๆตามแนวต้นมะพร้าวที่ขึ้นเรียงรายอยู่หน้าหาด แต่ไม่พบนกอะไรอีกนอกจาก นกเอี้ยงสาริกา (Common Myna) จึงพากันเดินกลับ และเนื่องจากเลยเวลาอาหารกลางวันมานานมากแล้ว พอกลับมาถึงรถนายโต้งจึงกลับรถขับออกไปทันที ตั้งใจอย่างเต็มที่ตรงไปรับประทานอาหารที่หาด บ้านบางปู ใกล้ๆกับ เขาเทียน ซึ่งมีทางเดินข้ามเขาไปยัง หาดแหลมศาลา และต่อไปยัง ถ้ำพระยานคร ซึ่งครั้งหนึ่งผมเคยเข้าไปเที่ยวชมมาแล้ว ณ เขาใหญ่ใกล้หาดประหลาดล้ำ เกิดโพรงถ้ำเป็นโถงกว้างโล่งหนา แบ่งสามห้องมองไปใหญ่คณา แต่คูหาหนึ่งแห่งแต่งเข้าที สร้างพลับพลาค่ามากหลากสีสัน กลางถ้ำนั้นน่าชมสมศักดิ์ศรี เทิดพระนามสยามกษัตริย์สวัสดี สวยเต็มที่จตุรมุขมองสุขตา ผนังเหนือถ้ำหวำเว้าแดดเข้าส่อง ลำแสงต้องตกกระทบสบหินผา สะท้อนตรงลงไปใส่หลังคา ดั่งหยาดฟ้าหล่นเยี่ยมเต็มเปี่ยมมอง มองรอบข้างห่างไปไม้ใหญ่สูง เพราะแดดจูงใจให้พฤกษ์ใสสนอง เหมือนวิมานสถานถ้ำสุขล้ำมอง นามสนองพระยานครเคยย้อนเยือน ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดย พระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช แต่ไม่ทราบว่าคนใด ชาวบ้านจึงเรียกว่า ถ้ำพระยานคร ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงทราบว่าถ้ำพระยานครมีสภาพธรรมชาติที่งดงามมาก มีพระราชประสงค์ใคร่จะเสด็จประพาส จึงให้นายช่างประจำราชสำนักก่อสร้างพลับพลาแบบจตุรมุขขนาดย่อมตั้งไว้บนเนินดินกลางถ้ำ เมื่อพระองค์เสด็จไปเยือนเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2433 จึงพระราชทานนามพลับพลาแห่งนี้ว่า พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เยี่ยมสามร้อยยอด 13 7 กรกฏาคม 2547
21 กรกฎาคม 2547 17:18 น. - comment id 301446
เคยไปที่นี่สามครั้ง แต่เข้าไปในถ้ำสองครั้ง จำได้แม่นเพราะก่อนเข้าถ้ำต้องผ่านป่าต้นไม้สูงมีลิงจำนวนมาก พลาดท่าถูกขี้ลิงตกใส่เหม็นตะหลบอบอวลเพื่อนฝูงวิ่งกันกระเจิง...ก้นถ้ำจำได้ว่ามีที่บรรจุอัฐิ ภิกษุรูปหนึ่งที่มาบำเพ็ญเพียรจนมรณะภาพในถ้ำนี้