๏ เขียนความตามแต่ข้อ..........ความเป็น ความส่ายหลายประเด็น..........ประดุจเพ้อ พากย์สารอ่านลำเค็ญ..............เรื่องขาด ราวแค่นคำเพ้อเจ้อ.................เพื่อแจ้งแสดงความ ฯ ๏ ตามระแบบท่านร่างเค้า.......รูปโครง สามสิบคำนำโยง.....................นิยตไว้ ผูกโทเอกจรรโลง....................จึงเริ่ม เกลาเกลี่ยความตามให้...........แต่งหั้นสรรค์ระบิล ฯ ๏ ศิลปะประดับสร้าง...............ประดาศิลป์ เพียงแค่เชิงประพิณ...............ประภาษพริ้ง ประพันธ์ความถูกตามจินต์......ตรงเจต คือแก่นควรกร่อนทิ้ง...............ถอดถ้อยพล่อยไฉน ฯ ๏ ใจความความครบข้อ..........ควรแถลง ครบบทโคลงแสดง.................สดับแล้ว ถึงควรจะพลิกแพลง...............เพื่อเล่น..........เล่ห์นา เลบงนั่นจึงพริ้งแพร้ว............พ่างแก้วภาษา ๚ะ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๗
13 มิถุนายน 2547 21:08 น. - comment id 284868
ใช้คำสูงเพราะมากนะคะ ชอบบทที่ ๒ ๓ และ ๔ ชอบแต่งโคลงเช่นกัน แต่ไม่ค่อยเข้าใจหลักว่าตรงไหนวางแล้วจะไพเราะและควรสรรหาคำอย่างไร ได้แต่ดูฉันทลักษณ์ไป เพียรจดจำคำเช้า เชิงโคลง เฉกเช่นดังยามโขลง แข่งช้าง เกิดคละฝุ่นใยโยง ยักแย่ แน่นา ปราชญ์ท่านวานบอกบ้าง บ่เว้นเป็นศรี ขอบคุณที่ได้มาอ่านค่ะ
14 มิถุนายน 2547 07:26 น. - comment id 285001
http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=1200 แวะเอาเพลงมาผฝากครับ อิอิ ยังม่ะได้นอนเยยอ่ะ ตื่นแย้วจะเข้ามาคอมเม้นท์ครับ...โชคดีครับ ^_________________________^
14 มิถุนายน 2547 10:21 น. - comment id 285044
มาอ่านสองสามรอบแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ตอบ ขอขอบคุณ คุณวฤก ผู้มีใจกรุณาแก่เยาวชนแห่งชาติ ให้ได้อ่านหลักการงานโคลงที่ดีมากค่ะ ขอความกรุณาให้นำมาเขียนเรื่อยๆนะคะ ถ้าพอมีเวลานะคะ ขอบคุณมากค่ะ ทิกิ_tik
14 มิถุนายน 2547 22:40 น. - comment id 285191
เรียนริเริ่มร่ำรู้ ลิขิตโคลง ตนต่อติดตามตรง ตรึกต้อง แวะมาแต่งแซมลง เรื่อยเปื่อย หวังว่าคงสอดคล้อง เขี่ยคุ้ยเขียนไป