ภายใต้ชายคาของศาลาปลายสะพานไม้ เรานั่งพักผ่อนกันได้เต็มที่ และสัมผัสกลิ่นไอของทะเลอย่างเต็มอิ่ม แม้ว่าจะแลเห็นหาดโคลนยาวกว้างไกลมากเนื่องจากน้ำทะเลลดลงมากนั่นเอง ผมยกกล้องส่องออกไปจนสุดหาดโคลน เห็นฟองคลื่นสีขาวทยอยกันซัดเข้าสู่ฝั่ง แต่ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะซัดถึงฝั่งเสียทีเพราะน้ำทะเลยังไม่ขึ้น มองเลยออกไป แลเห็นท้องทะเลสีเขียวมรกตจรดกับท้องฟ้าสีครามจนแยกกันไม่ออกราวกับเป็นผ้าผืนเดียวกัน เมื่อแผ่นฟ้ามาพบสบผืนน้ำ สีเขียวคล้ำแกมครามงดงามหลาย แลกลมกลืนผืนเดียวเขียวไม่กลาย มองคลับคล้ายใครวาดปาดเกลี่ยกัน ครั้นเรือน้อยคล้อยเลื่อนแล่นเคลื่อนผ่าน ราวเปิดม่านปูลาดสาดสีสัน เห็นเส้นลากจากขวามาซ้ายพลัน ขอบฟ้านั้นเหนือทะเลไร้เล่ห์ลวง เปรียบรักใครได้พร่ำเอ่ยคำหวาน ติดตรึงซ่านซึ้งใจใคร่แหนหวง แต่รักนี้มีกรรมช้ำเต็มทรวง ยากเลยล่วงล้ำลึกแค่นึกคอย เหมือนผืนฟ้าคราพบสบทะเล ไร้ลวงเล่ห์รักกันสันต์สุดสอย เส้นขอบฟ้ามาพรากจากเพื่อคอย มิอาจถอยทุกข์ล้นทนรักรอ ผมส่องกล้องมองไปทางซ้าย เลยออกไปไกลหน่อย แลเห็นอาคารบ้านเรือนและโรงงานอยู่ไกลลิบ เพราะบริเวณที่ผมส่องกล้องไปทั่วนี้แท้ที่จริงคือคุ้งอ่าวในอำเภอบ้านแหลมซึ่งแม่น้ำเพชรบุรีต้องไหลลงมาชั่วนาตาปี และหาดโคลนที่แลเห็นกว้างไกลจนสุดสายตาเกิดจากโคลนตะกอนที่แม่น้ำเพชรบุรีพัดพานำมาจากป่าเขาที่เราพึ่งแวะไปเที่ยวมานั่นเอง แต่ผมมองไม่เห็นปากแม่น้ำเพชรบุรี ในทิศทางที่เรือแล่นตรงไป เนื่องจากอยู่ห่างจากที่นี่ออกไปมาก ท่องไพร ในเมืองเพชร (41) 3 พฤษภาคม 2547
8 มิถุนายน 2547 08:44 น. - comment id 281789
ชอบจัง
8 มิถุนายน 2547 09:20 น. - comment id 281807
อรุณสวัสดิ์ สุขสดชื่นยามเช้าครับ แวะมาอ่านยามเช้า...แค่นั้น เพราะ เขียนได้ดีมากครับ
8 มิถุนายน 2547 11:12 น. - comment id 281838
ตรงนี้มัทเคยแวะไปดูมาแล้วค่ะพี่ที แวะมาให้กำลังใจค่ะ
18 มิถุนายน 2547 00:44 น. - comment id 282818
โหๆๆๆ บรรยายได้เห็นภาพเลยค่ะ จินตนาการตามแล้วอยากไปมั่ง อยากไปทะเลเก็บดาวเหยียบพระจันทร์ ดูคลื่นซัดด้วย แต่งเพราะดีค่ะ เหมือนเขียนไดอารี่กลอนเลย...