ร้อยจำนรรจ์พันวจีไม่สุดสิ้น ร้อยประทิ่นทบทวนถ้อยพิศุทธิ์ศรี ร้อยประโยคขึ้นเขียนคำกวี เพื่อยอดเยาว์ยุพดีปรียา ร้อยหทัยร้อยใจที่เปี่ยมรัก ร้อยความภักดิ์ร้อยฤดีที่ห่วงหา ร้อยเอ็นดูร้อยอุระล้นเมตตา ร้อยพจนาผ่องใสไว้ประทาน ธูปเทียนทองมองหามาพบเจ้า โอ้ยอดเยาว์เยาวลักษณ์สมัครสมาน ความคิดถึงฝากมาหานงคราญ เยาวมาลย์คนดีมีสิ่งใด สุทธิจิตสุทธิศรีระพีผ่อง ธรรมควรครองจิตนี้มิเหลวใหล หากกำจัดนิวรณ์ไม่มีภัย โฉมไฉไลควรคู่มองดูธรรม วอนใจอย่าผลักไสไปมองอื่น จักขมขื่นหม่นหมองและเจ็บช้ำ อย่าหลงใหลใฝ่หาแต่น้ำคำ จงมีธรรมวาสนารักษาใจ นวลลออขอเถิดอย่าท้อถอย อย่าใจน้อยให้ขุ่นข้องไม่ผ่องใส อย่าหม่นหมองตรอมตรมขมหัวใจ อย่าละทิ้งพระรัตนตรัยนะคนดี โลกร้อนร้ายหลอกหลอนคลอนไม่หยุด ทางสมมุติใช่มรรคาพาสุขี วอนที่รักพิทักษ์ธรรมท่ามฤดี จงหลีกหนีกามาเยี่ยงสามัญ ดวงสุดายาจิตพิสมร อย่าร้าวรอนวอนเธอหยุดคิดฝัน เพียงดำรงเมตตาน้อมแบ่งปัน มิคิดหันคืนสู่ทางมากวัฏฏา หากจะรักขอเธอรักธรรมพระพุทธ หทัยเธอจักผ่องผุดดุจอุษา ส่องรัศมีประกายแก้วดั่งดารา กัลยามาเถิดจักเพลิดเพลิน ขอให้นุชรักมั่นองค์ไตรรัตน์ มนะชัดความภักดีไม่ห่างเหิน มีธารธรรมย้ำบนใจที่ย่างเดิน เพื่อดำเนินสู่มหานฤพาน เพียงรักนาฏเช่นมนุษย์ผู้ร่วมโลก ด้วยจักไม่บริโภคกามสงสาร เฉกเช่นพจน์สัจจะที่เอื้อนจาร ปฎิญาณต่อองค์พระปฎิมา นับตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ในฤดีเชิดชูเพียงองค์ตถา แม้ว่าเคยหวั่นไหวเพียงครั้งครา แต่ก็เป็นแค่..สัญญาแห่งเงากรรม ........................................๑๑ เมษายน ๒๕๔๗ คนเราที่เกิดมาบนโลกคงไม่อาจจะหนีพ้นกรรมได้เลยสักคน ไม่ว่ากรรมอดีตหรือกรรมปัจจุบัน......กรรมที่ดูยากและหนักที่สุดสำหรับเส้นทางที่จะต้องต่อสู้ นั่นคือ กามราคะ ความรัก..ไฟราคะที่เสพแล้วยากยิ่งออกมาจากบ่วง ....บนเส้นทางแห่งชีวิตมีมากมายมองเห็นบทเรียนจากชะตาของผู้คนเนื่องด้วยรัก...เกือบยี่สิบปีที่ไม่เคยคิดมาก่อนที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับทางที่ไม่ใช่สายแห่งความหลุดพ้น ทางที่ทำให้ใจวุ่นวาย จบจนกระทั่งวันหนึ่ง ก็ยากจะหลีกเลี่ยง...เมื่อกรรมนั้นมาถึง ...สุดท้าย...ได้แต่ขอบคุณกรรม ที่นำพาให้พบ..คำตอบที่เที่ยงแท้ อดีตเคยร้องไห้ เสียน้ำตา แต่ยามนี้ เมื่อนึกถึงวันเก่า ๆ ได้แต่ยิ้มกับตัวเอง ยิ้มกับความปรุงแต่งที่หลอกตัวเอง....ยามเมื่อมีรัก กับปัจจุบันเมื่อไม่มีรัก ไม่มีอะไรต่างกันเลย.....ทุกอย่างคือศูนย์ จับต้องไม่ได้... .....เหตุใดจะต้องพากันตกลงไปในบ่วงนั้นอีก..ได้แต่ถอดถอนใจ...สักวันเธออาจจะเข้าใจ..เวลานี้รักของฉันไม่ใช่..รักเฉกเช่นที่เคยรัก.....รักของฉันที่มีเป็นเพียงรักเธอเสมอกับมิตรทุกคนที่ฉันรัก.... ........ทำไมเราไม่ร่วมกันทำความดีรักษาจิตใจให้สะอาด และอุทิศความดีนั้นให้แก่กันและกัน อุทิศให้สรรพสัตว์ทั้งโลก นี่แหละคือความรักที่ยิ่งใหญ่ หาใครเสมอเหมือน...รักที่ไม่ข้องแวะกับกาม...ท่ามกลางพรหมจรรย์ที่เต็มไปด้วยพรหมวิหาร 4 ..เงากรรมที่พัดผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรให้หวั่นไหว....กับกรรมเก่าที่ผ่านมา เส้นทางของฉันเบื้องหน้า คือ การเดินตามรอยพระพุทธบาท เพื่ออุทิศจิตและวิญญาณแห่งรักให้กับสรรพชีวิต...ตราบจนสิ้นลม... ..............................๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗
10 พฤษภาคม 2547 21:29 น. - comment id 265352
กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆๆๆแถมความหมายดีมาก โดยเฉพาะเนื้อหาบรรยายสุดท้ายกินใจทุกตัวอักษรเลยค่ะ และเห็นด้วยที่กล่าวมาทั้งหมดนะค่ะ ชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของผลงานค่ะ
11 พฤษภาคม 2547 00:16 น. - comment id 265541
:) แวะมาอ่านค่ะ เขียนได้ไพเราะ
11 พฤษภาคม 2547 01:50 น. - comment id 265580
.............คุยกับตัวเองอีกแล้วนะ เจ้าวสุนทราเอ๊ย..อิ อิ.........มอบบทนี้ให้ก็แล้วกันนะ.... ............อันคมศรแสร้งสรรค์ได้พันรส ............สรวล-กำสรด สิ่งสอง หรือผ่องใส ...........หากหันศรเหห่าง.....กระจ่างใจ ............จะเห็นใยแห่งปราณสานชีวิต .................................................................
11 พฤษภาคม 2547 08:31 น. - comment id 265606
คุณพี่ผู้หญิงไร้เงา สวัสดีอีกรอบค่ะ คุณอัลมิตรา ขอบคุณมาก ๆนะคะ อารัน .....ก็ไม่รู้จะเขียนกลอนให้ใครเลยเขียนคุยกับตัวเอง สนุกดี...อิอิ เขียนกลอนรักมากๆบางทีจิตมันฟุ้งซ่านนะอารัน เลยเลิกเขียนดีกว่า..อิอิ ไว้จะตามอ่านงานเขียนอารันนะคะ ว่าแต่ หายปวดฟันหรือยังเนี่ย
18 พฤษภาคม 2547 11:10 น. - comment id 269941
ได้แต่บอกว่าซึ้งใจจัง.... ขอบคุณงานดีดี