วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 ผมตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวออกไปเมืองเพชร นายโต้งและนายแป้นมารับผมตามนัดตั้งแต่ฟ้าพึ่งเริ่มสาง เราใช้เส้นทางลัด ถนนเพชรเกษม 69 มาออกถนนเอกชัย แล้วมาเข้าถนนพระราม 2 พอสุดถนนสายนี้เราเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรเกษม แวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านริมถนนแล้วไปกันต่อ เลยร้านอาหารมาหน่อยมีทางแยกซ้ายซึ่งเป็นถนนราดยางอย่างดี แลเห็น เขาย้อย เด่นตระหง่านอยู่ทางขวาของปากทาง ถึงปากทางพลางจ้องมองเขาน้อย เรียกเขาย้อยอยู่เด่นเห็นสันผา ดูสูงชันหลั่นลดโค้งคดมา สูงเทียมฟ้าเฝ้าถนนไม่พ้นทาง ผู้คนมาพากันขยันไต่ ปีนขึ้นไปป่ายหินเหม่หมิ่นขวาง ท้าสายลมห่มฟ้าแสงจ้าจาง แสนอ้างว้างเวิ้งว่างกลางแดดรอน คงภูมิใจในชีวิตพิชิตผา ได้ฟันฝ่าฝากชื่อลือกระฉ่อน ดันขึ้นไปใยทุรังทั้งแล้งร้อน ดั่งผาอ้อนวอนใครให้ขึ้นมา เขานี้เด่นเห็นโดดจนโจษจัน อยู่คงมั่นคู่เมืองลือเลื่องหนา เปรียบประตูสู่เพชรเตร็ดเตร่มา สิ่งล้ำค่าควรมองจ้องชมกัน นายโต้งเลี้ยวซ้ายขับรถเข้ามาเรื่อยๆตามลายแทงของนายบอย สองข้างถนนเต็มไปด้วยอาคารร้านค้า จนกระทั่งมาถึง วัดเขาย้อย ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของเขา พอเลยเขาย้อยมาได้สักหน่อย ผมแลเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูทางด้านซ้าย จำได้ว่านายเบิร์ดเคยพามาทานเมื่อไม่นานมานี้ แล้วสองข้างถนนได้เปลี่ยนจากย่านชุมชนมาเป็นทุ่งนา แต่ในฤดูแล้งเช่นนี้แลเห็นแต่ผืนดินที่แตกระแหงกับหย่อมหญ้าที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป จนกระทั่งมาถึงคลองชลประทาน
21 มีนาคม 2547 06:04 น. - comment id 234149
บทกวีชุด ร่วมนับนกบนดอยอินทนนท์กับชมรมฯ ล้านนา จบแล้วนะครับ คราวนี้จะพาไปเที่ยวเพชรบุรีกันบ้าง ในบทกวีชุด แดดร้อน ดินแล้ง กลางทุ่งเมืองเพชร แต่คงจะได้บรรยากาศที่แตกต่างจาก นิราศเมืองเพชร ของสุนทรภู่ อย่างแน่นอน เพราะผมไปรถแบบไปเช้าเย็นกลับ แต่ท่านไปเรือใช้เวลาเดินทางหลายวัน และไปกันคนละเส้นทางอีกต่างหาก ที่สำคัญก็คือสภาพแวดล้อมต่างๆคงผิดแผกแตกต่างกันมากเพราะห่างกันถึง 200 ปี
21 มีนาคม 2547 08:09 น. - comment id 234185
ชอบมาอ่าน