ริมเส้นทางสู่ขุนวาง

นกตะวัน


ในไม่ช้ารถตู้ของเราหยุดและจอดอยู่ที่ไหล่ทางด้านซ้าย ด้านขวาเป็นไหล่เขาที่เคยโล้นโล่งเพราะถูกชาวเขาโค่นเผาป่าหักร้างถางพง แต่ทุกวันนี้เต็มไปด้วยแปลงผัก ผลไม้ และดอกไม้ในพระราชดำริ ด้านซ้ายเป็นหุบลึกลงไป แลเห็นแต่แปลงผักและดอกไม้อยู่เต็มไปหมด มองเลยหุบไปยังเขาฟากโน้น แลเห็นน้ำตกศิริภูมิ ไหลตกลงมาเป็นสองสายขนานกัน หลังจากนั้นจึงมารวมกันเป็นลำธารที่ไหลผ่าน บ้านขุนกลาง หมู่บ้านใหญ่ของชาวเขาเผ่าม้งที่เราพึ่งผ่านมา
เลยหมู่บ้านย่านเขาชาวเผ่าม้ง		
รถแล่นตรงตามถนนวนซ้ายขวา	
สองข้างทางพลางจ้องมองเรื่อยมา		
สกุณาน้อยนักชักแปลกใจ
เห็นสายน้ำฉ่ำไอรินไหลหลั่ง			
น้ำตกคลั่งคร่อมผาซู่ซ่าไหล
สีเงินยวงลวงคนดั้นด้นไกล			
ด้วยอยากใกล้กับน้ำชุ่มฉ่ำดี	
เราขึ้นมาเวลานี้อยู่ที่สูง			
ใจชักจูงจดจ้องส่องปักษี
มองลงไปในหุบเขาแสนเข้าที			
ทั่วพื้นที่ทุกแห่งแปลงดอกไม้
แลเห็นเหยี่ยวเลี้ยวร่อนอ้อนท้องฟ้า		
กลางแสงจ้าแดดจัดลมพัดไหว
บินเหนือหุบผลุบหายลับกายไป		
เหยี่ยวอะไรไม่รู้เลิกดูพลัน
จากไหล่ทางที่รถจอด เราเดินเลาะริมถนนทางด้านขวาลงมาเรื่อยๆ รู้สึกเสียวรถที่วิ่งสวนอยู่เหมือนกัน เราส่องกล้องดูนกตามต้นไม้บนไหล่เขาทางด้านซ้าย แลเห็น นกปรอดหัวโขน (Red-whiskered Bulbul) และ นกจาบปีกอ่อนสีกุหลาบ (Common Rosefinch) หลายตัว ส่วนในหุบเขาทางด้านขวาที่เต็มไปด้วยแปลงผักและดอกไม้ เราเห็น นกยอดหญ้าสีเทา (Grey Bushchat) และ นกขี้หมา (Pied Bushchat) เกาะอยู่ตามหัวเสาและรั้ว				
comments powered by Disqus
  • Nuch

    18 มีนาคม 2547 14:42 น. - comment id 232878

    *-* แวะมาทักทายจ๊ะ เขียนได้ดีจังเลย
    
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    21 มีนาคม 2547 17:17 น. - comment id 234370

    กลอนไพเราะมากๆๆๆๆเลยค่ะ แต่เอแปลงดอกไม้เยอะ ไม่มีผีเสื้อหรือค่ะ น่าแปลกจัง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน