โลกแนบเศียรเข้าหาดวงอาทิตย์ ฤดูกาลวิปริตผิดหลักฐาน ควรคิมหันต์กลับหนาวร้าววิญญาณ ประหนึ่งปานเหมันต์บั่นเสียดแทง ลมเหนือล่องปะทะตะวันตก หมู่วิหคหล่นร่วงดวงอับแสง ดินฟ้ารวนปรวนแปรแผ่สำแดง คล้ายเตือนแจ้งบอกเหตุลางเลศนัย สูดสายลมเย็นเยือกในเฮือกหนึ่ง เสียงกระดึงชายคามาสั่นไหว สายลมแรงแฝงพลังยังกวัดไกว ยอดไม้ใหญ่โงนเงนเอนไปมา กายสะท้านสั่นเทาเฝ้าครุ่นคิด โลกแผกผิดเพี้ยนไปให้กังขา ร้อนหนาวฝนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมา เพียงเพลาช่วงสั้นหวาดหวั่นใจ ภัยพิบัติธรรมชาติซัดฟาดโลก ยังทุกข์โศกส่ำสัตว์ตัดชีพขัย ย้ำชีวิตจ้อยร่อยด้อยเพียงไร ใช่ยิ่งใหญ่กว่าทรายที่ก่ายกอง เดือนและดาวสลัวมัวสีแสง ราตรีแห่งมืดมนจำหม่นหมอง มัจจุราชเขม้นเล็งเขม็งมอง หมายครอบครองชีวิตยามนิทรา ธรรมชาติเปลี่ยนไปเฉกใจเปลี่ยน ชนเบียดเบียนเกลียดชังทั้งริษยา คอยอาฆาตมาดร้ายหมายชีวา หลงลืมอหิงสาสัมมาธรรม์ เพียงหมายมุ่งผลประโยชน์จิตโหดร้าย บำเรอกายนิยมจมโมหันต์ บำรุงจิตจอมปลอมย้อมชีวัน จูงมือกันสู่เหวล้มเหลวชน....
1 เมษายน 2554 20:54 น. - comment id 1189345
โลกเปลื่ยนนี้น่านเนิ่น แต่บังเอิญใกล้ตัวรู้เห็น โลกเปลื่ยนคนเปลื่ยนคือประเด็น ฤโลกเห็นคนเปลื่ยนจึงเปลื่ยนโลก ฉันไม่เห็นว่าโลกเปลื่ยน เห็นแต่คนที่เปลื่ยนโลก ฉันไม่เห็นหรอกนะทุกข์โศก เพราะโลกไร้ฉันในแววตา ฉันเห็นเพียงฟ้าสวยน้ำใส เก็บซ่อนภายในโหยหา ไม่เห็นหรอกหยาดใสใสในดวงตา เห็นเพียงค่า...ความรักเมื่อทักเธอ... กวีเถื่อน
5 เมษายน 2554 20:24 น. - comment id 1189777
กระดึง สายลมและคมดาบ อาจแทนภาพเขียนหนึ่งซึ่งหวั่นไหว มีสายลมกระดึงจึงแกว่งไกว เฉกมีใจมีสุขทุกข์รุกกมล หากสุดท้ายระทมดุจคมดาบ คราจิตอาบความหลงคงสับสน ทิ้งรอยแผลเอาไว้ให้แลยล ยากหลุดพ้นความเศร้านับเนานาน...