เกิด แก่ เจ็บจนตายวุ่นวายทุกข์ ไม่สนุกเลยหนอพอเถิดหนา เพียงเห็นทุกข์ฉุกคิดพิจารณา พระเมตตายิ่งใหญ่ในพุทธกาล จึ่งสละโลกีย์หนีทางโลก หวังพ้นโศกพ้นภัยในสงสาร พระกรุณามากล้นพ้นประมาณ ปัญญาญานปราบกิเลสเหตุทุกข์ทน ทรงค้นพบแจ่มแจ้งแสงทองส่อง พบครรลองแห่งสุขทุกข์สับสน สาเหตุแท้เกิดก่อแต่กิเลสคน ต้องฝึกฝนฝืนหัดตัดรากมูล ด้วยตัณหาพาเกิดโกรธโลภหลง ห่วงพะวงชีพลับไม่ดับสูญ มีโซ่คล้องจองจำทำอาดูร ทวีคูณภพชาติมิขาดตอน เป็นวังวนวนเวียนหมุนเปลี่ยนกลับ ต้องมารับทุกข์ใหม่ไม่ผลัดผ่อน ทรงค้นพบแนวทางตัดวงจร ต้องกลับย้อนหาเหตุกิเลสพา สัจธรรมนำทางห่างทุกข์เข็ญ มาบำเพ็ญกุศลน้อมพร้อมศึกษา รอดพ้นพิษวิกฤตภัยนานา ผ่านมายาล่วงทุกข์พบสุขเย็น... กันนาเทวี ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒
7 พฤษภาคม 2552 12:32 น. - comment id 981457
พรุ่งนี้นัดพบกันที่บางเขนกับเพื่อนๆค่ะพี่ป้าฯ แล้วค่อยเดินทางไปไหว้พระ ตกตอนเย็นเวียนเทียนกันต่อค่ะ ทานข้าวกับน้องก่อนค่ะ
7 พฤษภาคม 2552 13:15 น. - comment id 981466
มาตรับธรรมคำกวี - ที่กันนา ร้อยบุปผามาลัยถวายขวัญ ชี้ช่องทางสว่างธรรมล้ำจาบัลย์ ตัดกิเลสกองเหล่านั้นพลันหมดไป . มาอนุโมทนา และพยายามปฏิบัติ เท่าที่ทำได้ ครับ คุณกันนา
7 พฤษภาคม 2552 15:30 น. - comment id 981498
มารับธรรมที่ดีงามค่ะ พรุ่งนี้จะไปทำบุญเช้นกันค่ะ
7 พฤษภาคม 2552 15:35 น. - comment id 981505
ไม่ทุกข์ ไม่สุข ก็ไม่เลวเหมือนกันนะคะ
7 พฤษภาคม 2552 15:48 น. - comment id 981508
เมื่อเกิดทุกข์ในใจจึงได้รู้ ต้องต่อสู้ดับทุกข์ให้เลือนหาย ให้หมดสิ้นเลือนไปไม่วุ่นวาย แล้วจะได้พบกับสุขที่ยั่งยืน แวะมาอ่านกลอนดีสอนธรรมะ ได้พบปะความจริงแท้ไม่คิดฝืน รู้วิธีหลบหนีความกล้ำกลืน ใช่ไหนอื่นธรรมะช่วยนำทาง ........... แวะมาอ่านกลอนดีมีสาระค่ะ
7 พฤษภาคม 2552 16:15 น. - comment id 981515
วันวิสาขบูชาเวียนมาถึง ชาวพุทธจึงทำบุญเวียนเทียนหนา ให้ถือศิลสมาธิเกิดปัญญา เสริมชะตาพบทางสุขร่มเย็น.....
7 พฤษภาคม 2552 22:03 น. - comment id 981590
สาธุ นั่นซิคะ ต้องทุกข์อย่างถึงที่สุดก่อน คนเราจึ่งจะหยั่งรู้ และป้องกันไม่ให้เกิด ทุกข์ภายหลังได้ และพบกับความสุข ในที่สุดค่ะ
7 พฤษภาคม 2552 22:07 น. - comment id 981592
คืนนี้ บนระเบียง หอมดอกการเวกที่เลื้อยพันพร่างพ้อ แล..เห็นพระจันทร์ใกล้พูนดวงแจ่มจรัส งามชัดสอนสัจจธรรมใจ ให้ระลึกรู้ถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ แห่งองค์พระบรมศาสดา ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรภาวนา เพื่อทรงค้นพบวิโมกขธรรม อันแสนเลอล้ำค่าค่ะ พุด... ชื่นใจกับบทความข้างล่างนี้นะคะ อยากให้คนไทยได้ทำสิ่งงดงาม อย่างสมัยสุโขทัยโบราณค่ะ เมื่อถึงวันมหามงคลนี้นะคะ ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า " เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัยทั่วทุก หมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราช ดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระ อารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ 4 เท้า 2 เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุ ยืนยาวต่อไป " ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2360) ทรงดำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้น เป็นครั้งแรกในวันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ และวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2360 และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ.2500 ซึ่งทางราชการเรียกว่างาน " ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 18 พฤษภาคม รวม 7 วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระ ราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล 5 หรือศีล 8 ตามศรัทธาตลอดเวลา 7 วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์รวม 2,500 รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 พฤษภาคม รวม 3 วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ 2,500 รูป ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ 200,000 คน เป็นเวลา 3 วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับสัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย
8 พฤษภาคม 2552 16:30 น. - comment id 981689
สาธุค่ะ... กำลังทำใจให้สงบค่ะ...
8 พฤษภาคม 2552 22:06 น. - comment id 981734
สบายดีไหมคะคุณกันนา คิดถึงจัง ดีใจด้วยน้าจะเจอคุณอ้ออีกแล้ว เพิ่งกลับจากไปเที่ยวน่ะค่ะ ตัวดำกลับมาเลย ถ้าไม่รู้จักทุกข์ก็คงอธิบายคำว่าสุขไม่ได้ใช่ไหมคะ พระพุทธองค์ชี้ทางสว่างแล้ว สาธุ
9 พฤษภาคม 2552 10:33 น. - comment id 981821
ธรรมทำให้ใจสงบสุขเสมอค่ะ.....
9 พฤษภาคม 2552 11:38 น. - comment id 981852
.. หากความจริงอิงนำธรรมชาติ งามพิลาสสะอาดแม้นในแดงสรวง เหนือกิเลสเศษมายาที่มาลวง คงหลุดบวงห้วงกรรมที่ทำมา อนุโมธนาด้วยครับผม
9 พฤษภาคม 2552 15:06 น. - comment id 981919
คุณกันนาครับ อ่านแล้วสงบเย็นเป็นสุขนะครับ อนุโมทนาครับ
10 พฤษภาคม 2552 12:22 น. - comment id 982206
มาแอ่วเหนือเพื่อพักเพื่อนรักเอ๋ย สาวจากเลยสวยใสใจดีแถม มะพร้าวแก้วหิ้วมาฝากด้วยแนม น้องแมวแต้มดีใจได้พบกัน พิมญดาจากแม่อายสายก็ถึง เธอรีบบึ่งจากดอยป่ามาสังสรรค์ ป้ากันนาคนงามตามรับพลัน ไหมไทยนั้นเจ้าถิ่นผินหน้าคอย รับสาวเลยตีหกตกจากรถ มาปรากฏท่าดอยติมิท้อถอย ชวนไหว้ธาตุประจำเมืองตามฮีตฮอย แวะแอ่วดอยกราบเจ้าแม่จามเทวี กะพบกันเวียงกุมกามตามนัดหมาย แต่สุดท้ายรวมพลจนได้ที่ ริมห้วยแก้วแหล่งสัตว์ป่าบรรดามี แรดช้างหมีลิงค่างเดินย่างชม สัตว์สะดุ้งตกใจได้ยินเสียง ศัพท์สำเนียงดีใจได้สุขสม ช่วงช่วงนั่งกินไผ่ไร้อารมณ์ ตาคล้ายผมผมยาวสาวบ้านกลอน นั่งรถเล่นกินลมชมชายทุ่ง แล้วก็มุ่งหาร้านเผากุ้งก่อน หมูกะทะสุคนธาดูละคร แม้จะร้อนอย่างไรไม่ว่ากัน มันดาเลย์ผับใหญ่ไปหรรษา ดูหน้าตาจึงไต่ถามคล้ายหยามหยัน อายุเกินเข้ามาได้แปลกครามครัน บอกว่าฉันมาศึกษาหาข้อมูล ล่วงราตรีกลับห้องหับนอนหลับใหล เราดีใจไมตรีไม่มีสูญ นอนกองกันผูกจิตมิตรเกื้อกูล สุขเพิ่มพูนคูณทวีที่เวียงพิงค์..... กลับบ้านใครบ้านมัน จบแล้ว ....จ-ริงๆ กันนา-พิมญดา-ครูพิม-แมวแต้ม-ไหมไทย ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒