๏ กลางผืนป่าดงลึกยามดึกดื่น ในค่ำคืนกอดเก็บความเหน็บหนาว ดารดาษละลานตาฟ้าเกลื่อนดาว วะวับวาววามแวมแต้มดวงตา ๏ ฉันซุกกายกลางดินถิ่นแล้งแค้น ในดงแดนร้างไร้ใครปรารถนา สู่หนทางแห่งชอกช้ำได้นำพา ความปวดปร่าเจ็บแปลบแทบขาดใจ ๏ มีเพียงเสียงเรไรกล่อมไพรพฤกษ์ ครารู้สึกหวาดหวั่นจนหวั่นไหว เพราะความฝันเรืองโรจน์ดูโชติไกล จึงมอดไหม้มลายลงเป็นผงธุลี ๏ ดุจเอื้อมคว้าดวงดาวบนราวฟ้า ยากยิ่งกว่าเพราะตระหนักต่างศักดิ์ศรี คือช่องว่างระหว่างฟ้าและปฐพี คงไม่มีและยากเย็นจะเป็นจริง ๏ จึงกอบดินเก็บทรายด้วยหมายมั่น ฝากความฝันฝากใจไว้ทุกสิ่ง เอาความหมายในรักเข้าพักพิง แล้วแอบอิงจุมพิตติดผืนทราย ๏ ฉันจูบดินหวังฝากถึงฟากฟ้า ช่วยนำพาจงอาดูรอย่าสูญหาย ไปถึงคนบนฟ้าดาราราย อย่าแหนงหน่ายลืมดินหลงถิ่นดาว
29 มีนาคม 2551 15:17 น. - comment id 835546
แต่คงเป็นความหวามไหวที่ไร้หวัง ขอบฟ้ายังสูงเกินปลอบ.. ให้ดินอุ่น... ... ไม่เคยผิดหวังกับงานคุณเลย..
30 มีนาคม 2551 11:18 น. - comment id 835658
กลอนเพราะมากเลยค่ะ
30 มีนาคม 2551 12:50 น. - comment id 835668
ป.ล. อาดูร วรรคสุดท้ายพิมพ์ผิดอ้ะค่ะ เลยอ่านเพี้ยนไป
31 มีนาคม 2551 12:15 น. - comment id 835879
ฝีมือยังเหนือชั้นเช่นเคย....
19 มิถุนายน 2551 21:49 น. - comment id 863925
12345