...๐ค้างคากลางค่ำคืน ยามดึกดื่นยังยืนมอง ฝืนฝันตามครรลอง ด้วยจิตหมองยังมีหมาย ...๐วาดหวังแลวนเวียน บ่แปรเปลี่ยนฤๅปลดคลาย แม้นขื่นยังขวนขวาย ยังงมงายกับเงาดาว ...๐หวั่นไหวกับเวิ้งว้าง คงเปลี่ยวคว้างอยู่กลางหนาว โหยร่ำถึงเรื่องราว ครั้งก่อนคราวที่เคยเคียง ...๐พราวพร่างด้วยพร่านัยน์ ม่านหมอกไหวทำแว่วเสียง แพรวพรายที่รายเรียง ฤๅจิตเพียงจะแปรปรวน ...๐เลือนลางแลร้างรมย์ ฝันรอสมเพียงลมหวน เผลอเหงาจึ่งเฝ้าครวญ จิตรัญจวนจะเจียนวาย ...๐พร่ำเพ้อเพราะเก้อคอย เมื่อรักลอยและลอยหาย โดดเดี่ยวด้วยเดียวดาย ยังมั่นหมายถึงสายใย ...๐เฝ้าฝันแลเฝ้าฝืน ยิ่งกล้ำกลืนยิ่งรื้นไหล ยิ่งย้ำยิ่งช้ำใจ ยามคนไกลขอกลายกานต์ ...๐รานร้าวด้วยเฝ้ารอ ท่วมทุกข์ท้อเกินทนทาน เหนื่อยหน่ายด้วยกายลาญ จิตฟุ้งซ่านจึ่งซานซม ...๐ขื่นคอยมิปล่อยวาง รอแสงสางรอสุขสม รอรักรอเรื่อพรหม ดลคู่ชมคืนคู่ใจ
3 มิถุนายน 2548 09:41 น. - comment id 473848
คุณ ภาวิดา ...๏หนาวโสมเร้าโลมกาย รังสีพรายก็ปกคลุม หนาวทิ่มแลแทงรุม เยียบเย็นกุม ณ คืนคราวฯ ...๏เนื้อหนาวก็ห่มผืน ไออุ่นกลืนก็คลายหนาว แต่หนาวจิตช่างเจ็บยาว ตรมแหลกร้าวแทบรวดลาญฯ อืมมมม!!!มติชนเลยเหรอครับ ยังไม่เคยอ่านบทกลอนใน นสพ นะครับ เลยไม่แน่ใจ ว่า เหมือน ฤ ต่าง คุณ แก้วประเสริฐ ...๏ดลไพรให้ไหวหวาม เจ้าโลมลามกิ่งเรียงราย ช่างพลิ้วลมปลิวปลาย เอื่อยเอื่อยสายแผ่สันต์ศานติ์ฯ ...๏แผ่วแผ่วช่างผ่องใส เจ้าลูบไล้ผ่านกายลาญ เล็มเลียแลล่วงมาน ดับเพลิงซ่านให้โศกคลายฯ ยืนกินลมฮับ!!!
2 มิถุนายน 2548 14:03 น. - comment id 474106
หวั่นไหวในห้วงฝัน ด้วยไกลกันสุดบรรยาย เคยแอบแนบชิดกาย สิเน่ห์หายห่างจากกัน ฟากฟ้าที่กั้นแบ่ง อีกคู่แข่งที่โรมรัน คอนเข้าเฝ้าแจ่มจันทร์ สุดท้ายฉันคงเสียนาง.... ***แวะมาอ่าน ผ่านมาแจมนิดๆครับ..
2 มิถุนายน 2548 14:32 น. - comment id 474121
โดดเดี่ยวเดียวดาย มองฟ้าไกลให้อ้างว้าง ท้องฟ้าไรจันทร์เคียงข้าง แสนอ้างว้างเดียวดาย เขียนได้เศร้าดีค่ะ...... มองเห็นถึงความเหงา...อ้างว้างเลย...
2 มิถุนายน 2548 15:11 น. - comment id 474150
เพียงชั่วคราวราวกับอาภัพนัก ได้ประจักษ์ความจริงอันยิ่งใหญ่ ว่าความรักหลุดลอยคล้อยจากไกล เกินฝันใฝ่สุดคว้ามาครอบครอง ฤๅวันชื่นคืนสุขทุกสิ่งสรรพ นั้นล่วงลับร้างไกลไปทั้งผอง แล้วคืนสู่สามัญตามครรลอง จำใจต้องยอมรับกับเหตุการณ์ เพราะหวั่นไหว จึง เวิ้งว้าง
2 มิถุนายน 2548 16:19 น. - comment id 474201
**แวะมาอ่าน ผ่านมาทักทายครับผม...
2 มิถุนายน 2548 17:40 น. - comment id 474219
นมัสเต ทุกๆท่านครับ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ ...๐รักหายเพราะห่างเหิน คงไกลเกิน ฤ เกินฝัน เอื้อมคว้าทุกคืนวัน เจ้าแสงจันทร์อันแจ่มดวง ..๐อยากเกี่ยวมาคลอแนบ อยากอิงแอบอิ่มอาบทรวง อยากถักเส้นรักรวง ร้อยบาศบ่วงคล้องดวงจันทร์ ..... คุณ แก้วนีดาเองจ๊ะ. ..๐แม้นลับคล้ายดับสูญ จึ่งอาดูรอยู่เดียวดาย ด้วยหลงแสงเหลื่อมลาย ขอมั่นหมาย...รอฉายโสม คุณ อัลฯ ..๐เปรียบจันทร์ลับอับแสงอาจแสร้งห่าง คงเคว้งคว้างสร่างสุขท่วมทุกข์ถม ด้วยรักร้อยลอยหายตามสายลม จำขื่นขมจมเศร้าเคล้าน้ำตา คุณ ขอโทษครับ...ผมเมา ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย อิอิ เมาแถวไหนครับ ว่างๆจะได้ดวลกันสักตั้ง ฮาๆ
2 มิถุนายน 2548 18:26 น. - comment id 474239
เป็นยานี ที่อ่านแล้วสะดุด ที่ความไม่ธรรมดาของยานี สำนวน สำเนียง คล้ายกับที่เคยอ่าน ตามมติชน อย่างนั้นเลยค่ะ แปลกเหมือนกัน.. ทำไมคิดไปนู่น สวยงามมากค่ะ ลีลา เป็นยานี
2 มิถุนายน 2548 22:02 น. - comment id 474333
หวั่นไหวกลายเป็นรัก คิดหมายหักทำยังไง ล่วงรู้เพียงแค่ใจ เหตุไฉนเฝ้าช้ำระทม คิดบอกรักชักกลัว อกระรัวช่างขื่นขม ไม่บอกก็อกตรม ไปกินลมเถอะเพื่อนยา... แก้วประเสริฐ.
2 มิถุนายน 2548 22:07 น. - comment id 474339
พร่ำเพ้อและเก้อคอย ใจดวงน้อยเหมือนสาญสูญ รักไร้ทวีคูณ แต่เพิ่มพูนความเดียวดาย เหมือนจมคมความเศร้า ที่ตัวเราเฝ้าแหนงหน่าย ไม่เว้นไม่วางวาย หรือต้องตายจนหายไป แต่งได้ดีมากเลยค่ะ
3 มิถุนายน 2548 04:38 น. - comment id 474432
๐ ปลายวัน ๐ ๐ เหลือเพียงจะจมลับ จึงระยับให้มองยล เหลือเพียงนภาบน ที่จะแดงจนแสงจาง ๐ จากเพื่อจะย้อนใหม่ ผลักสมัยสู่เลือนราง จากเพื่อว่าเรื่อสาง จะกระตุ้นให้โหยหา ๐ เห็นใกล้บ่ใช่หมาย เหตุเพราะง่ายจะชายตา เมื่อไกลก็ไขว่คว้า อกละล้าเพราะคอยเห็น ๐ ราตรีคงมีดาว ส่องสกาวพร้อมจันทร์เพ็ญ แสงน้อยพอปล่อยเข็ญ และแสงเย็นพอปลอบใจ ๐ ไม่ร้อนทั้งอ่อนแรง ไม่เจิดแจ้งอุไรไกล ไม่เผาระเร้าขัย เสมือนไร้และไม่มี ๐ คลุมขันธ์กรรทบเทียบ แต่เย็นเยียบที่ย่ำยี เปลี่ยวเปล่าที่เข้าตี จะต่อต้านช่างหนักแรง ๐ รอเยี่ยมตะวันย้อน จะตากร้อนให้ทิ่มแทง รอส่องรังสีแสง จะกลับแจ้งเห็นภาพ...ใคร
3 มิถุนายน 2548 10:42 น. - comment id 474467
นมัสเต คุณ ผู้หญิงไร้เงา ...๏แม้นตายจากทัณฑ์ตรม ด้วยขื่นขมเกินกานต์ทน คงร้าวแลร้อนลน จักจำจนทุกชาติแฮฯ ขอขอบคุณนะครับที่ทักทาย มึนแล้วครับ 555 นมัสเต คุณสดายุ ขอปัดฝุ่นนะครับ แฮะๆ สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ .....๏เอื่อยเอื่อยแสงนิลกาลผสานสริยะสาย จันทร์โฉมประโลมหมาย............ไผท .....๏เคลื่อนเฟื้อยฟ้าอัสดงผจงสละไสว คลี่กลืน ณ ผืนไพร......................ผจัญ .....๏ทึมทึมด้วยรุจิหมองสนองนยะสวรรค์ พื้นภพสยบพลัน..........................สลัว .....๏เปรียบแพรวพรายศศิเดชกิเลสดรุณินัว มอดไหม้ดนัยมัว........................ระเริง .....๏ตาวันเกินพละทานสะคราญกลเถลิง ย่อมพ่ายสลายเพลิง.....................ละเลง .....๏หนาวแผ่คลุมกลสุมและเคลือบมนะคะเครง รื้นหลั่งเพราะวังเวง.....................ระราน .....๏ปลายวันเยือนดุจเตือนก็ทาบสติวิการ แจ่มชัดจรัสมาร..........................ประกาย .....๏ยิ่งยลยิ่งภวขมระทมรตะมลาย พ่ายจันทร์ประหวั่นวาย..................วิกล
3 มิถุนายน 2548 11:16 น. - comment id 474481
อารมณ์นี้ก็น่าหวั่นไหวอยู่เหมือนกันน่ะค่ะ.. ....
3 มิถุนายน 2548 12:21 น. - comment id 474523
พุดค่ะ ซึ้งใจที่ไปอ่านงานพุดนะคะ ปิติใจค่ะ พุด.. อ่านงานชิ้นนี้โดนใจมากค่ะ เพราะพุดรัก ผู้ชายที่รักสงบเงียบงาม ชอบใช้ชีวิตลำพัง กับธรรมชาติ และสำคัญรักความ เดียวดายพร้อมที่มั่นคงจงรักภักดี หนักแน่นในหญิงเดียวค่ะ แบบหัวใจคนโบราณๆ ซึ้งนักวันหายากมากค่ะ จอมอสูรรจนาได้ล้ำลึกในถวิลหาค่ะ และ พุด หวังด้วยใจว่า จอมอสูรคนนี้คงไม่ใจร้างราวอสูรในบทเพลงที่พุดนำฝากนะคะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1655.html ไม่เคย ไม่เคยคิดเลยว่าคุณ หล่อเด่น ใจเป็นอสูร ทาสแท้ของคุณ นั้นคือนักฆ่า นักบุญใจบาป เป็นแค่ภาพลวงตา หลงลม ก็โดนคุณล่า เป็นมารพรานพล่าพรมจรรย์ แรกเจอ พบเธอฉันหลงศรัทธา หลงคำ คุณจำนรรจ์จา เธอสร้างศรัทธา ให้ฉัน หลงชื่น คำชม ในอุดมการณ์ ที่แท้ คือวิชามาร คารมคำหวาน ของคุณ รูปหล่อคม สมชายแต่ใจเป็นยักษ์ มองรูปดูยาก ภายในใจเป็นอสูร หลงพิศวาส ตกเป็นทาสรักคุณ ทุ่มใจ รักได้เป็นศูนย์ เพราะคุณ ไม่มีหัวใจ ไม่เคย ไม่เคยรักใครเท่าคุณ หลงรักคนใจอสูร รักคุณ ฉันต้องฝันร้าย สร้างบุญได้บาป อยากสาบผู้ชาย คุณสร้างกรรมทำลาย คุณต้องชดใช้ ผลกรรม ไม่เคย ไม่เคยรักใครเท่าคุณ หลงรักคนใจอสูร รักคุณ ฉันต้องฝันร้าย สร้างบุญได้บาป อยากสาบผู้ชาย คุณสร้างกรรมทำลาย คุณต้องชดใช้ ผลกรรม... ตัวหนังสือสีแดงน่าจะเป็นม่วงหม่น ระทมพอกันกับใจอสูรที่แสนหวั่นไหวอ้างว้างนะคะ ด้วยรักค่ะ
3 มิถุนายน 2548 15:00 น. - comment id 474624
นมัสเตครับ คุณ กุ้งหนามแดง ขอบคุณนะครับที่แวะเวียนมาทักทาย คนเหงาๆ ..๐เจ็บจิตเพราะจับจด บ่ละลดกับรักเลือน จ่อมเจ่ากับเงาเดือน ดุจเสมือนสมัครตรอม ..๐อ้อนหาเรื่อภากรุ่น โหยไออุ่นอันอวลหอม ดื่มด่ำด้วยดมดอม เคยหวานย้อมยามแย้มดาว สวัสดีครับ คุณพุดไพร ..๐อยากถาเข้าหาโสม พร่างโพยมพเยียพราว อยากเหินสู่ห้วงหาว เด็ดสกาวสว่างจันทร์ คนอย่างผมมิกล้า บังอาจหักอก ใครหรอกครับ มีแต่สคนอื่นแหละ มาล่อหลอก อสูรตนนี้ จอมอสูร น่าจะออกแนวคล้ายๆ เพลงเจ้าชายอสูร เพลงของกอล์ฟ เบญจพล นะครับเคยฟัง มั้ยครับ ประมาณ [ เขาเปรียบให้เธอเป็นโฉมงาม ส่วนฉันมันเจ้าชายอสูร เป็นสัตว์ร้ายในนิทาน ห่างกันไม่สมดุลย์ เป็นเจ้าชายอสูรคู่กับโฉมงาม อย่างน้อยเธอเห็นฉันเป็นเจ้าชาย ]
3 มิถุนายน 2548 20:02 น. - comment id 474741
นมัสเต เจ้าค่ะ ท่านจอมอสูร....ตอนหัวใจอ่อนไหว กลืนเลือด กลืนเลือด อสูร ที่แท้จริงต้องเป็น เยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ อสูร ขี้อ้อนก็มีด้วยเหรอ ลิเวอร์พูลก็ทำให้สมปรารถนาไปแล้วนี่นา
4 มิถุนายน 2548 01:12 น. - comment id 474879
อืมมม .. เก่งจังค่ะ .. ไม่ขอตอบเป็นกลอนนะคะ .. แวะมาอ่านและทักทายค่ะ .. ................... อยากพูดประโยคนี้จังเลยค่ะ .. เรารู้นะว่าคุณคือใคร ..
4 มิถุนายน 2548 01:37 น. - comment id 474887
นมัสเต ครับ คุณเพื่อนเก่าๆ อิอิ ว่างๆจะไปต่อโคลงที่โน่นบ้างครับ เห็นกระทู้ยาวเชียว เลยไม่ค่อยกล้าไปขัดคอเท่าไหร่ อิอิ คุณ ผู้หญิงสีม่วง ขอบคุณนะครับ ที่จำได้ ว่า ผมคือใคร เหมือนเจอเพื่อนเก่าเลยเนอะ นมัสเต นะครับ
4 มิถุนายน 2548 19:19 น. - comment id 475151
~วาบวับกับวารวัน~ ๐ ครวญหาคราคอยคืน ผ่านสะอื้นกลืนอาบขม ฝืนฝันฝ่ารอยพรหม เซซานซมบ่มด้วยหวัง ๐ พร่ำเพ้อชะเง้อรอ เคยเคียงคลออุ่นไออัง รมย์รื่นแม้ขื่นฝัง ชมดาวยั้งเพื่อยลเดือน ๐ วาบวับกับวารวัน ที่เคียงกันเพียงกลเพื่อน เวิ้งว่างวางวายเหมือน คนไกลเลือนจะลอยลา ๐ ชื้นฉ่ำด้วยช้ำเนตร ทมเทวษเวียนวอนหา วูบไหวที่วนมา ฤๅเพียงพร่าด้วยภาพลวง ๐ เลือนลับจะลาแล้ว มิใช่แก้วกานต์เก็จสรวง ละอองดาวที่พราวช่วง ฤๅเทียบดวงจันทร์แจ่มงาม ๐ คอยเก้อและเก้อคอย หวังวายลอยลมล้อหยาม พัดผ่านเพียงปลอบความ เพื่อก้าวข้ามโซ่สายใย ๐ แม้ฝืนจะเฝ้าฝัน ยังกางกั้นและผลักไส ตอกย้ำให้ช้ำใจ เป็นคนไกลจงกรายเดิน ๐ ลาญแหลกและแตกยับ ทุกข์ท่วมดับที่ฝันเพลิน เหนื่อยรานฉานร้าวเกิน จะฝืนเหิรตามดวงใจ ๐ ปล่อยปลิวละลิ่วลง ดิ่งจมปลงปลิดหทัย เคว้งคว้างลอยล่องไกล สุดแต่ใครจะบัญชาฯ
4 มิถุนายน 2548 19:22 น. - comment id 475154
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ ...๐ เรื่อเรื่อนวลคคนานต์สะอ้านศศิประภา แขไขวิไลตรา................................สวรรค์ ...๐ จ้าเจิดแจ่มผิวะแต้มมณีคุณะอนันต์ อาภาสง่าสรร................................ประไพ ...๐ ดารารายก็พะพร่างขจ่างรสิละไม เฉิดโฉมโพยมใส...........................ละลาน ...๐ เริ่มเลือนรางรพิย่างยะเหยียบนภสถาน จันทร์ดาวก็ดับกาล.........................สมัย ...๐ ร้อนแรงดังดนุเริืงละเล่นนุชหทัย หลอกล้อพะนอนัย...........................ละลวง ...๐ หมู่นารี ฤ จะอาจและหาญรณ ณ สรวง ผจัญตะวันดวง...............................รตี...ฯ
4 มิถุนายน 2548 21:52 น. - comment id 475196
นมัสเต คุณลมพัดผ่านฟ้า ..๐กลางเหวหิมะขาว ณ คืนคราวที่ขื่นขม โปรยซ่านด้วย\"สายลม\" แผ่ขาวขมก็กลบผืน ..๐มั่นรักบ่ลืมรส อนาคตจะคืบกลืน วารวันบ่ผันคืน หากหยุดยืนจะเยียบเย็น ..๐หนาวสุมจะรุมเร้า ยะเยือกหนาวจะเข้าเข็ญ หนาวย้ำให้ลำเค็ญ จิตวาดเว้นจะวอดวาย ..๐นัยน์พร่าบ่ปล่อยวาง ยืนยลลางที่เลือนหาย หนาวเยือกยะย่างกราย ลุเดือนพรายนภาบน ..๐นิลทาบที่ท่วมผืน พยับคืนคลี่คลุมหน ลางลับแทบดับชนม์ เกินว่ายวนกับวง\"กรรม\" ..๐\"ต้องเดิน\"แม้นเดียวดาย ยะย่างกรายบ่คืนคำ หวังศานติ์ด้วยแสงธรรม อดีตคล้ำอาจคลายลง ..๐น้อมรับกับเรื่องราว เพรงกาลคราวบ่คืนรงค์ ตอกย้ำเจตน์จำนงค์ ต้อง\"ปลดปลง\"ความเปลี่ยนแปลงฯ ทุกทางเดิน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ของตัวตน ของเรา ในเมื่อเลือกแล้ว.....หวังเพียงว่าเลือกอย่างมีสติ!??? ฉะนั้น\"ต้อง\"เดินตามทางที่เลือก แม้นจะเจ็บปางตาย กลืนเลือด กลืนเลือด เหอๆ คนเราต้องเดินไปข้างหา ยิ่งจมกับอดีต อนาคตก็มืดมนลงทุกเพลา ว่ามั้ย!??? แต่ อย่าต้องให้\"ใคร\"ต้องบัญชา\"ใคร\"เลย.....สีกาเอ้ย จงมองทุกอย่างให้เป็น \"สายลม\" ความว่างเปล่า แล้วใช้...\"จิต\" ....ตัดสินเถิด โชคดีกับทุกเส้นทางนะครับ
5 มิถุนายน 2548 07:33 น. - comment id 475249
เพราะมากค่ะ...ได้เห็นเป็นตัวอย่างกาพย์ยานีสวยๆ ขออนุญาตเก็บไว้ศึกษานะคะ .............................................................................. ลี่...ผู้มาเยือน .
5 มิถุนายน 2548 21:58 น. - comment id 475468
นมัสเตคับ คุณ ลี่...ชวนมาเยือน ตามสะดวกครับผม ยินดี.......และดีใจที่เข้ามาทักทาย นะครับ
6 มิถุนายน 2548 15:58 น. - comment id 475813
ไพเราะมาก... ด้วยความชื่นชมค่ะ
7 มิถุนายน 2548 11:18 น. - comment id 476253
ขอขอบคุณ พี่ดอกแก้วมากนะครับ ที่เข้ามาทักทาย ยังไม่งดงามหรอกครับ ผมเพิ่งฝึกแต่งกาพย์ ซึ่งเป็นฉันทลักษณ์ที่ไม่ถนัดที่สุด แหะๆ รู้สึกว่า งานผมยังขาดๆเกินๆอยู่นะครับ
10 มิถุนายน 2548 17:03 น. - comment id 478120
ลมเอย ลมเอยเพียงเชยกลับเลยพ้นผ่าน ให้ใจสะท้านหวั่นไหวแล้วผ่านพ้นไป เหมือนนอนผลับฝัน ฟื้นคืนไม่เจอหัวใจ ถึงเหงาเพียงไรข่มใจระทม ใจเอ๋ย ไม่เคยจะเจอเนื้อคู่ แต่ใครไม่รู้ ดูเหมือนมากับสายลม ไม่ทันได้ทัก ไม่เคยได้เชยชิดชม แล้วสายลมโชย ให้เธอเลือนลับตา หากเธอคือความฝัน อยากกลับไปในฝัน เธอคนนั้นคงไม่มีวันรางเลือนจากฉันไป หากเธอคือความฝัน อยากหลับชั่วนิรันดร์ อยากจะพบเจอเธอ อยากมีเธอไว้แนบเคียงใจ ไม่มีวับลบเลือน ลมเจ้าจงพัดไป บอกเธอให้รู้ ฉันอยู่ตรงนี้ เฝ้าคอย หากเธอคือความฝัน อยากกลับไปในฝัน เธอคนนั้นคงไม่มีวันรางเลือนจากฉันไป หากเธอคือความฝัน อยากหลับชั่วนิรันดร์ อยากจะพบเจอเธอ อยากมีเธอไว้แนบเคียงใจ ไม่มีวับลบเลือน หากได้พบเจอเธอ จะกอดเธอแนบกายไม่มีวันร้างลา จาก ละครเวทีทวิภพ เดอะ มิวสิคคัล http://media.9dset.com/movie/AUD/AUD1404/2.wma
10 มิถุนายน 2548 23:04 น. - comment id 478304
เพลงไพเราะดีเนอะ คุณ ... ชอบจังขอบคุณฮับ
12 มิถุนายน 2548 19:30 น. - comment id 478930
19 มิถุนายน 2548 21:50 น. - comment id 481590
ขอบคุณ คุณลักษณ์ นะครับ ที่แวะมาทักทาย