เดือนคล้อยแล้วแก้วตาขอลาล่วง แม้นจะห่วงขวัญเจ้าจะเหงาหงอย ราตรีกาลผ่านคืนฉันยืนคอย จนใจน้อยนี้ทรุดหยุดเรี่ยวแรง เพียงเท่านี้ขวัญเจ้าเราให้ได้ เพียงหัวใจหนึ่งซึ่งรั้นกำแหง อนิจาดอกโศกลมโบกแกล้ง ร่วงลงแห้งบนลานกาลเวลา ฉะนั้นแลแขไขก่อนใจจร ฉันอาวรณ์ร่ำไห้ในห่วงหา อยากกอบเกี่ยวเกี้ยวดอกที่หลอกตา มาแซมปักอุราก่อนลาลับ เดือนวาดเส้นเร้นลายแห่งสายริ้ว ดอกปลิดปลิวเปล่าร้างทางลมขับ เหลือแสงดาวพราวพร่างจางระยับ แต้มประดับ วันเงียบที่เยียบเย็น..
1 ธันวาคม 2544 03:58 น. - comment id 22157
แต่งได้เพราะดีจังเลยจ้า
1 ธันวาคม 2544 04:26 น. - comment id 22164
ย่างรุ่งแล้วแว่วคำมาพร่ำชม ฉันก็จมตื้นตันฝันดีหนอ ขอบพระคุณโพสให้ไม่รีรอ วันหลังขอแรงใหม่ไว้เจอกัน...อิอิ ขอบคุณคุณ ธนรัฐ สวัสดิชัย ที่มาให้กำลังใจแต่เช้าก่อนตรู่ คิคิ เป็นครั้งแรกที่เรา ได้แวะมาที่นี่ ต้อง ขอสวัสดีกวี และนักกลอนทุกๆท่านค่ะ
1 ธันวาคม 2544 09:54 น. - comment id 22193
โศกกับซึ้งต่างกันนะขวัญเจ้า นมกับเหล้ามิอาจผสานผสม ก้อนหินใหญ่ละลายเพราะสายลม คุณกับผมต่างกันเช่นนั้นแล หึ หึ กลอนพาเพี้ยนครับ
4 ธันวาคม 2544 13:46 น. - comment id 22741
อาจบางทีมีโศกโลกดูเศร้า อาจบางทีมีเราเศร้าก็หาย อาจบางทีที่เราเหงาเดียวดาย อาจบางทีความหมาย...คล้ายสงบเย็น ู^__^ ชื่นชมกลอนของเก๋ เหมือนเดิมเลย ตั้งแต่วัน นู้น วันนี้ และวันต่อ ๆ ไป