รสในทางประพันธ์ หมายถึงอารมณ์สัมผัส รสเสียง รสถ้อยคำ รสสำนวน รสแห่งภาษา ( Taste of Language) แบ่งได้ 9 ประเภท ศฤงคารรส,หัสสรส,รุทธรส,วีรรส,พีภัจภรส,กรุณรส,อัพภูตรส,ภยานกรส,ศานติรส ศฤงคารรส รสแห่งความรัก ๑ ใน ๙ รสแห่งภาษาแห่งคัมภีร์สุโพธาลังการ ศฤงคารรส (สิงคารรส) ศฤงคาร รากศัพย์จากภาษาสันสกฤตแปลว่า เขาสัตว์ เพราะว่าคนที่มีความรักก็มีโอกาสเจ็บปวดในความรักได้ เหมือนอยู่ใกล้สัตว์มีเขา จะโดนขวิดเอาได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ศฤงคารรสจึงเป็นรสแห่งความชุ่มฉ่ำใจ ชื่นใจ เสน่หาความพึงพอใจ แต่อาจแอบแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เช่นกลอนชื่อ ธนูรัก ของคุณวาสนา บุญสม ธนูแห่งหัวใจได้แผลงศร คล้ายเป็นพรจุมพิตปริศนา ฝากสื่อรักปักซึ้งถึงวิญญาณ์ เบิกชะตาราศีที่ต้องกัน หรือกลอน ชังเธอไม่ลง ของใครจำมิได้แล้วครับ (ข้าน้อยขออภัย) ร้ายอื่นใดไม่เท่าความเจ้าชู้ รู้ทั้งรู้ก็ยังฝังใจหนัก เห็นก็เห็นเช่นนั้นมันเจ็บนัก จะทวงทักรักคืนก็ขื่นใจ ....ลมหนาวพัดสัมผัสกายเดียวดายนัก ไร้คนรักยิ่งหนาวเหน็บเจ็บเพียงไหน กลิ่นกุหลาบเคยหอมกรุ่นละมุนละไม พิษหนามใจที่ทิ่มแทงอยากแสร้งลืม.. ศฤงคารรส รสแห่งความรักนี้ยังแบ่งย่อยได้อีก ๓ ประเภทนะ (คะ) ครับ - อโยคะ คือ หญิงชายไม่เคยพบปะหน้ากันมาก่อนปรารถนาจะรักจะคบหากันต่อไป (เหลือเชื่อนะครับ แต่อยากมีบ้างแบบนี้) ดังกลอนของคุณวงจันทร์ ชื่อ เหลือเพียงภาพ คิดถึงเธอคนดีชั่วชีวิต ขอมีสิทธ์ให้ฉันได้ฝันใฝ่ แม้ไม่พบไม่เห็นไม่เป็นไร พบเธอในภาพถ่ายพร้อยลายเซ็น กลอนของคุณประทีป พฤกษากิจ กลอนนี้น่าจะคุ้นครับ ในนามของความรัก ...ขอพบเธอ ในนามของความรัก และเอ่ยทัก ในนามความคิดถึง อ้างพยาน มิตรภาพ ความซาบซึ้ง เพื่อตามหึงห่วงหวงทวงไมตรี... - วิปโยคะ คือหญิงชายรักใคร่กันอย่างยิ่ง แต่มีเหตุให้พลัดพรากจากกันสุดฟ้าอาดูร เช่น คู่กรรม ขอเอาตัวอย่างของคุณเชษฐ์ พนาพันธ์ กลอนชื่อดัง คนดีที่แสนเลว โอ้ความรักความหลังสิ้นหวังแล้ว เหมือนดวงแก้ววูบดับไปมองไม่เห็น สร้างมาแล้วทำลายเชือดอย่างเลือดเย็น เมื่อเธอเป็นคนดีที่แสนเลว หรือกลอนหมดหวังของ คุณภาส พลไกร ชื่อ เกลียวสุดท้าย ทั้งที่ใจอยากคว้าร่างมากอด แล้วอ้อนออดด้วยคำพร่ำเรียกหา แต่เธอมีลูกรักและภัสดา แค่บอกว่าคิดถึงก็ซึ้งพอ -สัมโภคะ (ครบ ๓ คะแล้วนะครับ) คือหญิงชายจะรักใคร่กันด้วยสิ่งไม่ดีนัก กิเลสตัณหา ราคะ ความใคร่ แต่ข้าน้อยว่าไม่ดีนะ รักแบบนี้อย่าเรียกรักดีกว่า กลอนของคุณน้าพเยาว์กาญจน์ สิ่งที่เราต้องการ ไฟความหวังครั้งใหม่ได้โชติช่วง มันเผาบ่วงพันธะละศักดิ์ศรี หัวใจเราเสเพลอย่างเสรี เพื่อสิ่งที่โหยหามาแสนนาน อีกบทนึงของปากกาเวทมนตร์ กลอนไร้ชื่อ ครับ ...เธอกับเขารักกันในวันก่อน ช่างยอกย้อนอดีตรักตามผลักไส ที่แล้วมาเรื่องวันวานให้ผ่านไป เป็นความใคร่ที่เธอเผลอเมามัว... หมดแล้วครับขออีกนิดนะครับ เนื่องจากกลอน,วรรณคดี,วรรณกรรม พระเอก-นางเอกของศฤงคารรส ยังแบ่งพระเอก-นางเอกออกเป็นหญิงสี่,ชายสี่(บะหมีเกี๊ยว) ด้วยครับ พระเอกชอบเอาใจ - อนุกูล, สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน - ทักษิณ พวกมารยา สาไถยเรียกว่า - ศฐะ และพวกหน้าด้านเห็นแก่ตัว - ธฤษ์ฏะ ส่วนฝ่ายหญิงที่มีความรักโดยให้เพื่อนสื่อเรียกว่า - อนูฒา จรรยางามผู้หลักผู้ใหญ่ดูแล นางฟ้าอารักษ์เทวาคุ้มกัน - สฺวกียา สาวที่มีความรักเป็นตัวของตัวเอง - ปรกียา พวกสุดท้ายนี่ชอบมาก พวกเห็นแก่เงิน โกหกเก่ง เป็นหญิงสาธารณะ(สุภาพแล้วนะ) - ปณางคนา ยาวนะครับท่านผู้อ่านใครอ่านอย่างตั้งใจหรือมองผ่านก้อขอขอบพระคุณมากครับ ใครอยากลองแต่งแแบไหนมาลองดูนะครับแต่งแบบกลอนเปล่าก้อได้ข้าน้อยอยากอ่านน่ะครับ งั้นขอจบเรื่อง ศฤงคารรส รสแห่งความรักไว้แค่นี้ ไว้กระทู้หน้ามาว่ากันเรื่องหัสสรส รสแห่งตลกขบขัน แจ่มใสร่าเริง หากสิ่งใดพลาดผิด ข้าน้อยขออภัย มิกล้า.... มิกล้าอ้างอวด ขอคุณครูอย่าถือโทษโปรดอภัย ผิดเพี้ยนไปเพราะศิษย์หลงผิดเอง
30 กรกฎาคม 2553 08:56 น. - comment id 233306
ขอบคุณครับ
19 เมษายน 2547 18:47 น. - comment id 250016
ขงเบ้งเนี่ย เป็นปรมาจารย์ของคุณเลยใช่หรือเปล่าคะ อ่ะนะ
19 เมษายน 2547 19:12 น. - comment id 250022
หยดเลือดหยาดมาดหมายใช้เป็นสื่อ แทนความซื่อจากใจไร้นำเสียง แทนวาจาจากใจไร้สำเนียง ฝากไว้เพียงความหมายซึ้งรักตรึงใจ กลอนนี้มาจากหนังสือเล่มหนึ่งพิมชอบมากๆเลยละนะ
20 เมษายน 2547 00:12 น. - comment id 250296
หวัดดีจ๊ะ.... แวะมาอ่าน
20 เมษายน 2547 13:36 น. - comment id 250616
:)