ดุจรักนิรันดร์
แตม
สวัสดีครับสำหรับเรื่องที่ผมจะเขีนต่อไปนี้นั้นน่ะไม่ใช่กลอนหรอกครับ แต่มันจะเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตจริงของผมที่เป็นดั่งนิยายครับ ก็ลองอ่านดูแล้วกันนะครับ
ตัวของผมนั้นเป็นคนง่ายๆสบายๆไม่เครียด แต่ผมก็เป็นคนที่โรแมนติกมาก ผมมักหวังเสมอๆว่า ผมจะมีความรักที่ผิดแปลกไปจากคนอื่น และแล้วมันก็เป็นความจริงครับ
เช้าวันหนึ่งท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา ลมพัดโชย กลิ่นดอกไม้อันหอมระริน ได้เกิดความรักของชายหญิงคู่หนึ่งราวกับปาฏิหารย์
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ตลาดท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมากมาย เช่น ผักสด ผลไม้ และอาหารสดนานาชนิด ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผมจะได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยงามดั่งนางฟ้าก็มิปาน เวลานั้นผมกำลังต่อราคาผักอยู่ เธอได้วิ่งเข้ามาชนผมอย่างจัง จนหกล้มหัวขมำลงกับพื้น เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นและกล่าวเพียงคำสั้นๆว่า ขอโทษค่ะ ตอนนั้นผมได้สังเกตเห็นใบหน้าของเธอ เธอเป็นคนที่งดงามมาก แต่เนื่องจากตอนนั้นเธอรีบมากทำให้ผมไม่ทันถามว่าเธอเป็นใครหรือว่ามาจากไหน หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย แต่แล้ววันหนึ่งสวรรค์ก็เป็นใจให้เราได้มาพบกันจนได้ ผมพบกับเธอในเช้าวันหนึ่ง ซึ่งเช้าวันนั้นแหละที่ผมถือว่าเป็นเช้าวันที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปทั้งชีวิต วันนั้นเป็นวันรับน้องใหม่ของคณะ ผมซึ่งเป็นรุ่นพี่ปี 2 ต้องไปดูแลน้องๆที่เพิ่งเข้าใหม่ ทำให้ผมได้เจอเธอ เธอเป็นรุ่นน้องคณะของผม เธอเป็นคนที่ขยันมาก เพราะทุกเช้าที่ผมมามหาลัย ผมมักจะได้เห็นเธอนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับนิยายเรื่องต่างๆและการเรียนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หลังมหาวิทยาลัย เธอเป็นคนที่ชอบเรื่องนิยายเหมือนๆกันกับผมทำให้ผมคิดว่าเราเข้ากันได้ ทุกๆเช้าผมบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำความรู้จักกับเธอให้ได้ และแล้ววันหนึ่งผมได้ไปมหาลัยแต่เช้าพร้อมกับความง่วงนอนที่ยังคงเหลืออยู่เพราะเมื่อคืนผมนอนดึกมาก เนื่องจากต้องซ้อมพูดกับเธอหน้ากระจกจนดึก ผมเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆพร้อมกับความกลัวที่ยังเหลืออยู่ และได้ถามว่า มาเป็นเพื่อนกันไหมครับ เธอตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและบอกกับผมว่า ได้สิคะ ต่อจากนั้นเราก็ได้คบกันเป็นเพื่อน เธอเป็นคนที่ร่าเริงและเบิกบานตลอดเวลา แต่แล้วเราก็คบกันได้ไม่นาน วันหนึ่งผมได้ไปส่งเธอที่บ้าน เธอเป็นคนรักสุนัขมาก และที่สำคัญคือผมได้พบว่าที่แท้เธอเป็นถึงคุณหนู บ้านของเธอนั้นใหญ่มากราวกับคฤหาสน์ เธอได้แนะนำผมให้รู้จักกับพ่อแม่ของเธอ แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่ของเธอนั้นไม่ค่อยจะชอบหน้าของผมซักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่ผมไปบ้านเธอวันนั้น เราก็ไม่ได้เจอกันอีกนานแสนนานเลยทีเดียว และแล้วมาวันหนึ่งเธอก็โทรมาบอกกับผมว่าเธอจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ตอนนั้นเธอเล่นทำเอาผมเกือบช็อค ที่โทรมาบอกผมแบบนั้นแต่ผมก็ได้บอกกับเธอว่าผมจะรอเธอทุกๆวันที่ใต้ต้นไม้ที่เราได้พบกันเป็นครั้งแรกและเธอก็ตอบตกลง กาลเวลาผ่านไปเป็นเวลา 4 ปีเต็ม เธอก็ยังไม่มา ผมพยายามตามหาเธอทุกๆที่ ไม่เว้นแม้แต่ที่บ้านเธอ เมื่อผมไปที่บ้านเธอผมกลับพบว่าพ่อของเธอนั้นถูกฟ้องล้มละลายและทำให้พ่อของเธอต้องฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา ผมคิดว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แต่ผมก็ยังคงไปที่ต้นไม้นั้นทุกๆวัน จนถึงวันหนึ่งซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ผมพบเธอ ผมได้ไปที่ต้นไม้นั้นและรออยู่นาน ความพยายามของผมที่จะพบกับเธอก็ค่อยๆหมาลงไปในวันนั้น ผมเดินออกมาจากต้นไม้นั้นอย่างช้าๆ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกเสียงหนึ่งเรียกผมเสียงนั้นเป็นเสียงที่ผมจำได้ดี มันเป็นเสียงของหญิงสาวไร้เดียงสาคนหนึ่งที่ผมรักและรอมานานถึง 4ปีเต็ม เสียงนั้นคือเสียงของเธอ และนี่แหละครับคือรักดุจรักนิรันดร์ของผม มันเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้มาพบกัน สุดท้ายนี้คุณรู้ไหมครับว่าอะไรคือพรหมลิขิต มันคือการสร้างสะพานจากความสัมพันธ์ไปสู่ความรักแท้ยังไงล่ะครับ
ก็ขอขอบคุณทุกๆคนมากนะครับที่อ่านเรื่องของผมจนจบ ว่าไงล่ะครับอึ้งใช่ไหมครับ