มองเมฆลอยคล้อยเห็นตอนเย็นย่ำ เมฆลอยต่ำเกาะกลุ่มเป็นพุ่มเห็น เหมือนขุนเขาเงาดำเมื่อย่ำเย็น ฟ้าครามเป็นฉากกรอบช่างชอบชม เมฆม้วนกายคล้ายควันลดหลั่นแสง เด่นดูแดงแดดส่องแสงทองสม เลื่อมลายลัดตัดแสงแห่งฟากพรม ขมวดปมเป็นศิลป์จินตนา ไกลไกลรอบขอบฟ้าเมฆาขุ่น สีดูตุ่นหมุนเคลื่อนอยู่เกลื่อนฟ้า แม้ดูเหมือนอยู่ลิบเพียงพริบตา เมฆมวลหนามัวหม่นจะฝนโปรย เมื่อแสงลับ...ดับดวงตะวันรอน เงาสิขร...ก้อนเมฆวิเวกโหย ปะทุแสงแวงวับรับลมโชย เสียงโอดโอย....ครวญคร่ำพร่ำฝนริน ฝนตกฟังหลั่งสายมิวายพ้อ นานเนิ่นหนอ...รอหยุดสุดถวิล ถึงนวลเจ้า...เฝ้าทนฟังฝนยิน อยากโบยบิน...หัวใจไปหานาง เพื่อกอดกายคลายหนาวคราวฝนตก เอาอุ่นอก..โอบกอดเพียงทอดร่าง บรรเทาหนาวร้าวสั่นสรรพราง ทดแทนร้าง...ห่างจิตด้วยคิดครวญ
6 ตุลาคม 2555 16:30 น. - comment id 1248256
ฝยตกไม่ว่าค่ะ แต่อย่าฟ้าแลบ กลัวจัง
6 ตุลาคม 2555 23:42 น. - comment id 1248296
ฟังเพลงฝนหล่นพร่างอยู่ข้างนอก ความเย็นยอกตอกย้ำด้วยคำถาม ไยจึงเหงาเศร้าสร้อยเคลิ้มคล้อยตาม สุดหักห้ามปรามใจร่ำไห้ครวญ นอนซุกตัวมัวหม่นดั่งคนไข้ คอยคนไกลในฝันเขาผันผวน ยินถ้อยปลอบตอบรักเหมือนปลักตรวน เฝ้ากำสรวลหวนคิด..ลิขิตเงา
11 ตุลาคม 2555 15:50 น. - comment id 1248574
12 ตุลาคม 2555 23:12 น. - comment id 1248629
คุณเพียงพลิ้ว ใจดีมากๆ ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณคุณปรางทิพย์มากๆครับ เป็นบทกลอนที่ไพเราะมาก สายฝนรินรื่นรมย์พรมความรัก หวนตระหนักดวงจิตด้วยคิดถึง จรจำพรากจากไกลใคร่คำนึง ผู้ตราตรึงเรื่องราวร้าวอุรา ย้อนทบทวนหวนไปใจจึงเจ็บ รักที่เก็บกลับบาดขาดรักษา มองฝนหลั่งรินสายคล้ายน้ำตา ฝนหลั่งฟ้าพาหมองร้องไห้ครวญ ขอบคุณมากๆ ครับคุณโคลอน