แรกเห็น ใจฉันเต้นยิ่งกว่านางในฝัน อะไรนำทำให้เราพบกัน วาสนาอะไรนั่น คงไม่มี เธอแย้มยิ้ม ใจฉันอิ่มดั่งอาบทิพย์ระยิบสี แล้วฉันถาม ปรารถนาบรรดามี เขาตอบแต่รู้สึกดีที่ได้เจอ เธอเอ่ยเอื้อน ไพเราะเหมือนการเวกเสกเสนอ หรือคือเธอนางฟ้ามาอวยเออ เปล่าหรอกเธอ เสียงเสนาะเพราะกว่าใคร เธอเยื้องย่าง ดั่งหงส์ยูงสวยพร่างระหว่างได้- ยลเธอ เพ้อถามความในใจ จะมีไหมนางใด งามเท่าเธอ เมื่ออยู่ใกล้ ทั่วทั้งห้วงดวงใจไยพรั่นเผลอ จะนอนนั่งฝั่งไหนละไมละเมอ ทำให้เราเพ้อเจ้อชเง้อมอง เมื่อไกลห่าง เหมือนโลกเราเคว้งคว้างสุดทางผอง ไม่มีแล้วแดนดินถิ่นสีทอง โลกหม่นหมอง ร้องไห้ไร้ใครฟัง ยิ่งคิด ดับสนิทแน่แล้วอย่าแคล้วหวัง วิมานเลิศล้ำหรูมิอยู่ยัง หทัยสั่งฝังฝากยากเกินไป ทุกจารถึง จรดจดให้สุดซึ้งยากถึงได้ เพราะเราแค่คนที่แอบมีใจ ขณะเธอไร้อะไรในความคิด ณ บัดนี้ ฉันยังคงเสรีทุกที่สิทธิ์ เธอได้มาประทับในไว้เนิ่นนิจน์ ฉันอยากคิดก้ำเกินเขินหัวใจ ความฝัน เธอเคยเป็นเหมือนฉันเช่นนั้นไหม ได้พบกันก็รู้ว่าช้าไป แต่หัวใจไหวสั่นฝันละเมอ ความรัก เวลาสักเท่าไหร่ใช่ใจเผลอ ความรู้สึกลึกลึกที่ได้เจอ คือคำตอบแท้เสมอกว่าเวลา อยากพูด หมายพิสูจน์คำพูดนี้จริงหนา แต่ละอายเกินไปไร้น้ำยา เธอสูงค่าสง่าศรียากมีใจ ยิ่งเห็น ก็ยิ่งอยากจะเป็นคนอยู่ใกล้ สูดกลิ่นหอมของเธอยามหายใจ และโลมไล้แผ่วพลิ้วกับผิวนวล ยิ่งฝัน อารมณ์ยิ่งป่วนปั่นจนสั่นสรวล ลืมแล้วสิ้นในความควรมิควร ปรารถนาล้วนล้วนกวนอารมณ์ เธอหาย ขวัญฉันคล้ายหนาวระทวยไร้ผวยห่ม กลับมาเถิดอย่างน้อยมาพร้อยพรม ซับคนทุกข์ระทมให้ชื่นจินต์ แรกเห็น ได้ลืมทุกประเด็นทุกเข็ญสิ้น วาสนาพบแล้วว่ามีอยู่จริง แม้ได้แต่แอบอิงกับภาพเธอ ยิ่งเห็น ชวนให้เป็นเช่นก่อนนี้เสมอ เธอละม้ายคล้ายหญิงแรกที่ฉันเจอ จึงละไมละเมอ ว่าคือรัก พระศุกร์ที่ ๑๐ พฤษภาค์ ๕๔ / แทนคุณแทนไท
13 มิถุนายน 2554 10:54 น. - comment id 1197918
อุ๊ย...ลืมตัว นึกว่าพูดถึงคุณมัสลิน ฮ่า..................
10 มิถุนายน 2554 16:36 น. - comment id 1198588
โอ๊ะโอ...
10 มิถุนายน 2554 17:56 น. - comment id 1198600
โอ๋ยโหย๋ว์ ............... อารมณ์กวีเป็นอะไรที่ละมุนละไม...
10 มิถุนายน 2554 21:12 น. - comment id 1198627
คนโรแมนติค ... จะคิด...จะเขียน ก็โรแมนติค หวานจังค่ะ... ให้กุหลาบหอบใหญ่ๆ แซม
11 มิถุนายน 2554 06:48 น. - comment id 1198667
โอ้ว...โรแมนติกสุดๆท่าน
11 มิถุนายน 2554 11:15 น. - comment id 1198695
หุ หุ สร้างภาพไปหรือเปล่า เจ้าชายนะ....มลายไปหมดแร้วววว
11 มิถุนายน 2554 19:26 น. - comment id 1198739
ขอบคุณครับคุณโคลอน ตอนเขียนอารมณ์ดีครับ เนื่องช่วงนี้พบมิตรไมตรีดีดีหลายคน ขอบน้ำใจที่แวะมครับ มีความสุขนะครับ
11 มิถุนายน 2554 16:37 น. - comment id 1198751
สวัสดีเจ้า คุณแทนคุณแทนไท : หนูหิ่ง ฯ เพ้อเจ้อ....เจ้า ^^" เพราะเหงา จึงเพียรเข้า มาป่วน กวนเสมอ และแล้วเรา สองคน ก็ได้เจอ ฉัน - เธอ หยอกเย้า เฝ้าเจรจา แรกรู้จัก แค่ทายทัก สนุกสนาน จึงหรรษา คุยล้อเล่น เป็นเพื่อน ธรรมดา บางเวลา เมื่อความเหงา เข้ามาเยือน นานไป ความห่วงใย ผูกพัน มั่นกว่าเพื่อน เริ่มคิดถึง ทุกวัน ไม่ลืมเลือน ต้องคอยเตือน ตัวเอง ตลอดเวลา ใจเอ๋ย ก่อนนี้เคย ผิดหวัง สหัสา ต้องเจ็บปวด รวดร้าว เศร้าอุรา เสียน้ำตา เพราะพันผูก ด้วยถูกใจ จะเริ่ม คิดต่อเติม ความหวาน อันสดใส เพื่อรอรับ ความปวดร้าว เศร้าฤทัย อีกสักครั้ง หรืออย่างไร เจ้าใจเอย มีความสุขสม่ำเสมอเจ้า
11 มิถุนายน 2554 19:24 น. - comment id 1198757
คุณผู้หญิงช่างฝัน บอกได้คำเดียวว่าคิดถึงคุณมาก
11 มิถุนายน 2554 19:27 น. - comment id 1198767
คุณแซม ขอบคุณครับ ดอกไม้ช่อใหญ่จัง ผมจะเอาแจกันที่ไหนปักดีครับ คงทำได้แค่ปักในแจกันใจ ขอบน้ำทุกน้ำคำและน้ำใจที่แวะมานะครับ
11 มิถุนายน 2554 19:29 น. - comment id 1198768
คุณสุริยันต์ ไม่รู้โรแมนติกรึเปล่า แต่ตอนผมเขียนงานชิ้นนี้จบ ผมรู้สึกมีความสุขสุดสุดครับ เวลาเขียนความรู้สึกดีก็สุขใจ เหมือนได้พักผ่อน ขอบคุณมากเลยที่แวะมาด้วยน้ำใจ
11 มิถุนายน 2554 19:31 น. - comment id 1198769
คุณยาแก้ปวด นิดหน่อยครับ ตีไข่ใส่สี สร้างภาพ ปั้นเรื่อง อะไรเรื่อยเปื่อยตามจินตนาการ ขอบคุณที่มา คุณมาผมยิ้มทุกที
11 มิถุนายน 2554 19:37 น. - comment id 1198770
คุณหนูหิ่ง... อย่ากลัวหัวใจตัวเองครับ ความรู้สึกดีดีเป็นเรื่องที่งดงาม แต่ที่น่ากลัวมิใช่ใจเราหรอก แต่เป็นใจคนอื่น (ผมคิด) ใจเรา เราพอกำหนดได้ แต่หัวใจคนอื่นช่างขื่นจิต เกินกว่าจะรู้แจ้งในความคิด เรามีสิทธิแค่กำหนดจรดใจตัว ถ้าเห็นงามก็จงทำให้งาม และหักห้ามทุกอย่างที่กลิ้งหลั้ว อันเป็นเหตุให้งามอบายมัว รู้สึกตัวกำหนดใจ ให้เท่าทัน.... กลอนความหมายดีครับ ไม่เพ้อเลย
12 มิถุนายน 2554 02:25 น. - comment id 1198844
แทนไทไฉนหนอ โรแมนคาทอริก ร่ำระริกระรี้ฤดีจะหวั่นไหว คงเจนจบครบเครื่องเรื่องทรามวัย บรรเลงร่ายใส่อักษรมิผ่อนลา คารมคมคายลวดลายสละสลวย ระทดระทวยระรวยเด่นเห็นทีท่า อัปสร ที่ฟ้อนร่ายสุดปลายฟ้า หลงมนตราถลาร่วง..ซบทรวงคุณ อบอุ่นละมุนละไมอะไรจะปาน !
12 มิถุนายน 2554 09:16 น. - comment id 1198864
คุณศรสมภพ กลอนสายลมแสงแดดครับ ผมไม่รู้เรียกว่าอะไร เขียนไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ครับ (บางทีนึกแหวะตัวเองเช่นกัน) บทกวีสื่ออารมณ์ สท้อนความคิด และบอกเล่าบางเรื่องราว ก็เพียงนั้น ขอบคุณสำหรับไมตรีจิต
14 มิถุนายน 2554 09:33 น. - comment id 1199000
ทำเป็นขำไปคุณมัสลิน "เขาทอดสะพานมาไม่กล้าข้าม"
15 มิถุนายน 2554 22:17 น. - comment id 1199238
%16 อิอิ......กลัวเขาเหวี่ยงตกเคว้งคว้างกลางสะพานนะดิ๊ อิอิ..........
19 มิถุนายน 2554 20:40 น. - comment id 1199808
คิดถึงถึงไม่คิดก็คิดถึง โลกซึ่งสุขสร่านยังซ่านสรวง ฤดีหนอไยถึงจึงรบกวน ให้กระบวนหัวใจไหวหวั่นนัก คิดถึงคนหนึ่งคิดถึงมาก ทั้งที่ยากเกินกว่าจะรู้จัก คำก็ไม่เคยเอ่ยเผยถามทัก อาการเราชักหนัก โอ๋รักหนอ คิดถึงเธอ ทำไมถึงพกเพ้อน่าหัวร่อ คนแอบรักก็ได้แต่แอบรอ จะขานขอสิ่งใดไม่กล้าคิด ยิ่งคิดถึง ยิ่งรัดรึงซึ้งจับประทับจิต หนึ่งหน่วยแสนล้านเปอเซ็นร์นิด ก็รู้ว่าหมดสิทธิ์พิชิตดาว
19 มิถุนายน 2554 21:05 น. - comment id 1199817
คำชาย นี่เป็นการพานพบเพียงครั้งแรก มิผิดแผกแปลกอะไรถ้าใจอ่อน จะให้เอ่ยเผยฝากยากแน่นอน เกรงคำโดนหมิ่นรอนอ่อนค่าไป ถ้าคำพูดเป็นทูตของชีวิต ปากฉันนี่นิ่งสนิทเกินไปไหม จึ่งเอ่ยยากฝากขยายบรรยายใจ โลกถึงเงียบเชียบหลายคล้ายภวังค์ รู้สึกสิบพูดสี่เหลือไว้หก ใจตลกทำได้ไม่เหมือนหวัง รู้สึกร้อยพูดหนึ่งน้อยสร้อยเศร้าจัง หัวใจสั่ง แต่ปากนี่ยากเกิน จึงเขียนกลอนตอนพบกันเป็นวันแรก มิผิดแผกคั่นกลางมิห่างเหิน เหมือนได้ชมทุ่งตะวันฝันสวยเพลิน ใช่คำเยินยอหยอกใช้หลอกหลอกเธอ ฉันเขียนคำไม่เคยซ้ำความคิด เลี่ยนอาจมีหน่อยนิดมิผิดเผลอ อยากให้หอมให้หวานจนละเมอ ประการการเดียวคือเธอรู้สึกดี ฉันเขียนถ้อยร้อยมอบเธอชอบไหม นี่ฉันใช่ตีไข่ไม่ใส่สี คำชายแม้นอาจเอ่ยยากจากใจมี รู้เถอะนี่ แหละคุณค่าราคาใจ
19 มิถุนายน 2554 21:14 น. - comment id 1199819
กลอนลา มิต้องเผยเอ่ยมาให้แจ้งชัด ฉันรู้แน่เธอขัดอัชญาสัย สัมพันธ์นี้นำทุกข์ยากลำบากใจ บรรณาการมอบไว้ให้แด่เธอ เงยหน้าพริ้มยิ้มรื่นชื่นอย่างเก่า เธอป่วยเปล่าครุ่นคิดจริตเผลอ เรามิใช่รู้จักเพื่อจักเก้อ ฉันเสนอ (เธอ) ไม่สนองก็ต้องลา วันนี้จึงเขียนกลอนซ่อนความหมาย ว่าเราเริ่มห่างหายกันแล้วหนา ไม่เคยพูดแต่ก็จำเป็นสัญญา แปลความว่าจำเธอไว้ไร้วันลืม เก็บถ้อยคำใครหนอทำร่วงไว้ มาถักทอห่อใจเอาไว้ปลื้ม ไว้ดับพิษฤทธฺ์คิดถึงซึ่งไม่ลืม ได้ดำ่ดื่มปรารถนาแม้ลากัน ฉันเขียนกลอนว่าลาว้าเหว่เหลือ มิน่าเชื่อว่าเวาลานาทีนั้น ได้พรากรอยยิ้มแย้มแต้มตะวัน และก็ก็อันตธานหาย เพียยงสายลมฯ
19 มิถุนายน 2554 21:38 น. - comment id 1199832
ถ้าไม่มี อย่ามีเลย.... ถ้าเรา ไม่มีโทรศัพท์ จะส่งรับความคิดถึงกันที่ไหน ถ้าขาดไปรษณีย์ประเทศไทย จดหมายถึงคนไกลคงไม่มี ถ้าไร้เรือ ไร้รถ การเดินทางคงไกลหมดทุกแหล่งที่ ระยะห่างได้ใกล้ชิดหมดสิทธิ์มี คงเป็นเดือนเป้นปีถ้ามีวัน คนเดินทาง อย่างได้เคว้งได้คว้างในทางฝัน แม้ยากหน่อยค่อคิดพิจารณามัน และเท่าทันอัศจรรย์ที่เคยมา เคยได้พบ แม้ไม่คุ้นตาสบพบใบหน้า เจอคนในจักวาลกาลเวลา โลกเสมือนที่ตามองไม่เห็น ได้รู้จัก ก็จะได้ตะหนักในทุกข์เข็ญ เมื่อห้ามโลกไม่ได้ในสิ่งเป็น ก็จะเร้น เว้นระยะปะทะใจ ไม่มีเขา ก็คงไม่มีเราใช่หรือไม่ และบางทีเราอาจไม่มีใคร แต่ก็จะอยู่ได้สบายพอ เมื่อมีเรา จะเปลี่ยนใจใครเขาได้ไหมหนอ ที่เป็นเราก็เป็นเราเราเป็นพอ จะตัด หรือจะต่อ ตามต้องการ ใครตัดสิน กำหนดจากฟ้าดินสันนิฐาน หรือใจเราจักกำหนดจรดจาร เคยพบพาน จะผ่านหลบไม่พบเลย เมื่อใกล้ชิด และทิ้งว่างความสนิทไปเฉยเฉย ช่างสำแดงแสลงล้ำช้ำใจเอย แต่ก็จะคุ้นเคย มิเอ่ยใด ถ้าไม่มีอะไรเลย เราก็ยากจะเคยคบกันได้ ดอกไม้ฉันปลูกไว้แล้วในหัวใจ มิรู้ใครเด็ดทิ้งไปเศร้าใจเอย ไม่ต้องขอบคุณ แรงบาปบุญไม่เกี่ยวอย่าวเทียวเอ่ย แม้รักใคร รักแล้วก็รักเลย เว้นระยะ เฉยเมยไม่เคยทำ
22 มิถุนายน 2554 22:11 น. - comment id 1200468