พิศดาวดวงล่วงลาคราใกล้สาง อรุณลางแลเลือนเหมือนม่านฝัน ฉากชีวีที่เวียนเปลี่ยนอีกวัน ให้สุขสันต์ทุกชีพชนคนเดินดิน เสียงเจื้อยแจ้วแว่วมาคราดึกค่อน ดอกขจรหอมไกลใจถวิล คิดถึงคนลาไกลใจโบยบิน มิเคยสิ้นแรงรักใฝ่ภักดี หริ่งเรไรกรีดเสียงเพียงใจพ้อ นับวันรอคิดพะวงคงสดสี ยิ้มสู่ใจไหวหวามตามวจี บทเพลงที่เว้าวอนในกลอนกานท์ ฟ้าลิขิตหรือไรไยพานพ้อง ดังพี่น้องร่วมจิตคิดประสาน เทวดาเสกมนต์ดลบันดาล ให้สราญรื่นรมย์สุขสมใจ เอาความรักศรัทธาพาย่างก้าว คอยโน้มน้าวปูทางอย่างผ่องใส เป็นกุศลดลจิตคิดการณ์ไกล ให้ปลอดภัยก้าวหน้าสมค่าคน แลขอบฟ้าเรืองอรุณอุ่นใจแท้ เก็บกุญแจหัวใจไม่สับสน แม้เหนื่อยหนักพักใจให้อดทน พลิกฟื้นตนมุ่งหน้ากล้าก้าวเดิน..
6 กันยายน 2553 11:45 น. - comment id 1154602
ต้องมนต์อ่านผ่านกลอนอยากนอนฝัน เคยสุขสันต์บั้นปลายใจห่างเหิน แม้นซ่อนบล๊อคล๊อคเก็บก็เจ็บเกิน เพราะบังเอิญกุญแจใจ..แอบไขดู (อุตส่าห์ล๊อคตั้งสามชั้นนะคะ.ตัวไม่เปิด.แต่ใจดันเปิดค่ะ)
6 กันยายน 2553 11:59 น. - comment id 1154604
คืนหนาวเหน็บแอบเก็บดาวไว้ใต้หมอน ไว้หนุนนอนพร้อมรับซับไออุ่น เติมพลังหัวใจไว้เป็นทุน ยามโลกหมุนเคลื่อนไปในวานวัน ฟังเสียงแจ้วแว่วมาคราค่อนดึก ความรู้สึกล่องไปในความฝัน วันรุ่งขึ้นเป็นอย่างไรก็ช่างมัน วันนี้ฉันขอพักเรื่องหนักใจ แง่ว ... ความจริงวันนี้เอางานส่งเสร็จแล้วค่ะ เลยสบายใจ แต่กลอนดูไม่สบายหูเท่าไหร่ 5555
6 กันยายน 2553 11:33 น. - comment id 1154607
งดงามเนื้อความ อ่านแล้วเป็นกำลังใจดีแท้ ชีวิตต้องกล้าที่จะก้าว สวัสดีค่ะ พี่กันนา
7 กันยายน 2553 21:18 น. - comment id 1154922
แวะมารับไอแดดในยามเช้า ครับ