~ โคลงกลบท พจน์พรรณราย ~ เพียงรัก ~ ( โคลงกลบท ๑๐ ) สวัสดีครับ - กลบทคราวนี้ชื่อ "พจน์พรรณราย" เป็นบังคับซ้ำคำต้นวรรคหน้ากับต้นวรรคหลัง และซ้ำเสียงพยัญชนะคำที่ ๓ - ๔ ผสมผสานด้วยกลบท "ชลาสังวาลย์" หรือ "วิติมาลินี" ก็ได้ ซึ่งทั้งคู่นี้เป็นโคลงกระทู้ ๑ คำต้นบาท ต่างกันตรงที่ "วิติมาลินี" คำกระทู้ในบาท ๒ กับ ๓ คล้องจองกัน ตามด้วยกลบท "สีหติกำกาม" ซึ่งบังคับซ้ำเสียงสระตรงคำที่ ๒ - ๓ และกลบท "โตเล่นหาง แบบที่ ๑" ซึ่งบังคับซ้ำเสียงพยัญชนะตรงคำ ๕ - ๖ เชื่อมวรรค หน้า - หลัง ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในกลบทเดียวกัน เขียนกลบทเดียว เหมือนได้เขียนหลายกลบท คุ้มความคิดคุ้มเวลาจริงๆครับ ก่อนอื่นจะขอยกตัวอย่างกลบทโคลงครูที่อ้างถึงเสียก่อนครับ "ชลาสังวาลย์" บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท ( จินดามณี ) แก้ว..แหวนน้องเกื้อมิ ....... ทุกอัน ชู้......ก่อของนองนันต์ ...... แต่งเจ้า กอง..ทองคอสบสรรพ์ ........ เศกแม่ เงิน...เลื่อนหลังข้างเต้า ..... แต่งขึ้นเรือนเรียม "วิติมาลินี" บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท บาท ๒ - ๓ คำคล้องจองกัน ( จินดามณี ) พี่.....กำพร้าหน้าต่ำ ...... ออมอด น้อง....เป็นดีมียศ ......... ก่อเกื้อ ซ้อง...ฦๅชาปรากฏ ....... โฉมแม่ เดียวแม่ แซม..ซุมซนต้นเนื้อ ..... บ่ให้เห็นองค์ "สีหติกำกาม" บังคับซ้ำเสียงสระ ตรงคำที่ ๒ - ๓ ( จินดามณี ) ธ วัวกลัวเมียเพี้ยง ...... กลัวเสือ โม เมาเงางุนเยือ ............ กล่าวกล้า โอ โถงโครงเปล่าเหลือ ..... ตัวแต่ง ปาก หากลากคำค้า ......... คึ่งให้ใครขาม "โตเล่นหาง แบบที่ ๑" บังคับซ้ำเสียงพยัญชนะ ตรงคำที่ ๕ - ๖ ( ผืนแผ่นไผทนี้ล้ำ แหล่งคุณ ) คลุกประจนเลือดหลั่งเนื้อ ..... นองไหล ตาวต่อตาวโล่หัน ..................... หวดดิ้น ไทยรุกไล่มอญไถล .................. ถลาหอบ คชไขว่ม้าล้มสิ้น ...................... สุดปราน * ที่น่าสังเกตคือโคลงตามหนังสือจินดามณี มีตกเอกอยู่หลายที่ แต่ไม่เคยอ่านพบความเห็นในเรื่องนี้ "พจน์พรรณราย" : เพียงรัก เพียง "คำจำ"จ่อมเพ้อ .......... เพียงละเมอ เท่า "จิตติด"ตรึงเธอ ............ เท่าเคลิ้ม เมา "ใจใฝ่"ฝันเสมอ ............ เมาอัก ษเรศเอย หยาด "หยดรส"รจน์เยิ้ม ...... หยาดย้อมกล่อมหวาน ปาน "รักชัก"ชื่นปลื้ม .......... ปานฝัน วาด "ดั่งหวัง"แวววรรณ ........ วาดฟ้า คาด "ถึงกึ่ง"กรุ่นคันธ์ .......... คาดหอบ ลมเลย รัก "พลุ่งรุ้ง"ฤๅร้า ................. รักพลิ้วพันหอม จะว่ายากก็ยากครับ ถ้าจะเขียนให้ถูกใจ เชิญท่านลองเขียนดูดีกว่า ถ้าเขียนสองบทขึ้นไป ลองร้อยโคลงไว้ด้วย การร้อยโคลง เปรียบเสมือนการเพิ่มสัมผัสระหว่างบทลงในโคลง โดยให้คำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของบาทแรกรับสัมผัสจากคำท้ายบทโคลง ข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งอย่าลืมนะครับ อย่าเขียนโคลงจบบทด้วยคำตาย จะอ่านทำนองเสนาะ หรือขับโคลงไม่ได้ หวังว่าท่านจะมีความเพลิดเพลินในการเขียนโคลง โยงถึงความรัก และมีความสุขในเดือนแห่งความรัก โดยเฉพาะวันแห่งความรักที่ใกล้จะถึงแล้ว ... ขอบคุณครับ คุณเพียงพลิ้ว : "เพียงลม...." เพียงลมพรมพากย์พลิ้ว..........เพียงคำ จ่อพจน์จรดใจจำ..................จ่อคล้อง นวลหนุนอุ่นไอนำ...............นวลชื่น สุขนา ห่มวาทสาดสู่ห้อง..................ห่มเนื้อเรือนขวัญ ฝันถึงหนึ่งหนุ่มนั้น...............ฝันหวาน รักพบสบสำราญ....................รักแพร้ว กรองรินกลิ่นเกยกานต์...........กรองกล่อม รักรา รูปรักสลักรอยแล้ว..................รูปนี้นิรันดร์ คุณโอเลี้ยง(ญามี่) : "เพียงขอ...รัก" ไกล กันพลันเพิ่มใกล้.............ไกลหวัง พิศ โศกโยกเยือนผัง............พิศเฝ้า คิด มนต์หม่นเหมือนขัง.......คิดคร่ำ ยอก เลียบเงียบหงอยเย้า...........ยอกนี้เกินขาน วาน พรหมถมท่วมว้าง..........วานเชิญ ภักดิ์ อยู่พรูเพียงเพลิน............ภักดิ์ช้อย ดัก เสียงเบี่ยงเบนเดิน.........ดักด่าว ผละ ช่วงลวงลุพร้อย................ผละสิ้นรอยขม พรม รักวักแวะพร้อม...............พรมสรวล หนัก มั่นชันชนวน.................หนักพริ้ง ชัก เหมือนเคลื่อนคอยชวน.....ชักฉ่ำ เทิด...เลื่อนเบือนเบนทิ้ง.............เทิดคล้ายฉายหวาม ความ รักชักฉ่ำข้าม.................ความกลัว รัก หล่อออไอรัว................รักเรื้อ พัก ยากฝากฝันพัว...............พักแน่น แนบ หว่างวางหวิดเนื้อ...........แนบรู้ผลหวง ทรวง เผาเหลาเร่าสร้าง............ทรวงหมอง มัก ยื่นขืนขมมอง..................มักคว้าง ทัก ทีถี่ทุกข์ถอง.....................ทักคู่ บอก เจ็บเหน็บนัยบ้าง..............บอกแล้วยังหวัง ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ โคลงภาคผนวก คุณแกงเขียวหวาน สัญญารักร่วมสร้าง ..... ลืมกัน ทุกสิ่งดังภาพฝัน ......... ที่ให้ สัจจะมั่นแปรผัน ......... แหนงหน่าย เจอใหม่ลืมกันได้ ....... พ่ายแพ้ดวงชะตา คุณดอกบัว โคลงวรรณกรรม ฝึกหัด เสียงใดปานเคลื่อนคล้าย.....ร่ายมนต์ เสียงเปล่งถ้อยรอยกล..........เล่ห์นั้น อวลไอใฝ่กมล.....................พจน์ร่ำ คำเฮย รื่นรื่นหมื่นพันดั้น.................กลั่นแกล้มกลกานท์ หอมหอมรวยรื่นเร้า......เคล้าคลอ เฝ้าใฝ่เคียงพะนอ.........เพลี่ยงพล้ำ ได้สบยิ่งเออออ.............อิ่มอุ่น ใจนา ขจิตจ่อมเคลิ้มค้ำ.........คู่ค้นคลอครวญ สายสมรอิ่มยิ้ม.................เยือนกานท์ เปรียบเด่นชำนาญชาญ.....เชี่ยวรั้ง แถลงเร่งกล่อมขาน...........ปราศเล่ห์ กลนา ขับเคลื่อนข้อข้องทั้ง..........อุ่นอ้อมเอมอร หอมคำชักรื่นล้อม..........รวยริน ให้ชุ่มชื่นอรพินท์............โรจน์เร้า ปวงปราชญ์ท่องธานิน......ครวญใคร่ เข็นนา รุกเร่งฝันเฟื่องเฝ้า..........ใฝ่ร้อยวรรณกรรม เพลงรักลอยล่องริ้ว.............อารมณ์ พลิ้วผ่านปานเทพพรหม......พรั่งพร้อม สร้อยสายระรื่นรมย์.............คมพลอด ดุจเล่ห์รอยรักล้อม..............แทรกซ้อนทรวงใน คุณ virismara โคลงกลบท "ตรีวิริศมาหรา" บังคับซ้ำคำที่ ๑-๓-๖ ประกอบกับกลบท "วิติมาลินี" และ "โตเล่นหาง แบบที่ ๑" เพียง ยินเพียงพิศเพ้อ....เพียงฝัน พจน์ สรรพพจน์รำพัน.....พจน์พร้อง รส รติรสนิรันดร์.........รสอิ่ม ใจเอย รัก หนึ่งรักเรียกร้อง.......รักเร้นกระนั้นฤๅ มัก คิดมักหมกมุ่น......มักหวัง ใหญ่ กว่าใหญ่แลยัง.....ใหญ่ได้ ใฝ่ ฝัน ใฝ่ฝากฝัง.......ใฝ่เติบ- โตนา สุด โต่งสุดเสียวไส้.......สุดรู้ถูกสอย กอด นึกกอดพลอดแก้ม....กอดนวล จาก จิตจากรัญจวน...........จากเจ้า หาก คิดหากคืนหวน.........หากห่อน รู้เฮย รัก รุ่มรักลวงเร้า............รักเศร้าสุมทรวง งามคม ประจักษ์แจ้ง..........คมงาม พลิ้วดาบ นารียาม...............ดาบพลิ้ว ผ่องพักตร์ พิศเพลินตาม......พักตร์ผ่อง เรียวดาบนางกรีดริ้ว.............ร่ายร้อยดาบเรียว ( กลบทสกัดแคร่ "ทวารประดับ" ) โคลงกลบท "บุปผชาติดาษดา" บังคับซ้ำเสียงพยัญชนะตั้งแต่คำที่ ๔ ไปจนจบบาท นางคอยใจเหว่ว้า...............หวามไหว มองลูกเปลแกว่งไกว..........กล่อมแก้ว น้ำตาหยดรดไหล...............รินร่วง เคยคู่กลับคลาดแคล้ว.........ครั่นคร้ามครางครวญ คุณโอเลี้ยง(ญามี่) ขอบ ฝันเรียงด้วยร่าย..........โคลงมนต์ คุณ เด่นพาใจดล.................เหนี่ยวร้อย ครู โคลงเกี่ยวกมล..............ชวนเชื่อ สอน กล่าวนำพาคล้อย.........สู่ด้านแดนสรวง ปวง จินต์บินสู่ฟ้า.................อัศจรรย์ คำ กล่อมราวสวรรค์............ยื่นให้ หวาม เวียนส่งเปรมปัน........ลืมตื่น ไหว ล่องลอยตามใกล้..........อิ่มเคลิ้มปรารถนา ( กลบทชลาสังวาลย์ ) .
9 กุมภาพันธ์ 2553 15:50 น. - comment id 1097715
ขอเวลาเขียนก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับมาค่ะ อาจจะพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ อิอิ ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
9 กุมภาพันธ์ 2553 17:55 น. - comment id 1097722
แวะเข้ามาแล้วต้องบอกว่าคุ้มจริงๆ ได้อ่านโคลงเพราะๆ แถมได้ความรู้ด้วย
9 กุมภาพันธ์ 2553 18:16 น. - comment id 1097732
9 กุมภาพันธ์ 2553 17:06 น. - comment id 1097757
เพียงลม..... เพียงลมพรมพากย์พลิ้ว.................เพียงคำ จ่อพจน์จรดใจจำ..........................จ่อคล้อง นวลหนุนอุ่นไอนำ.......................นวลชื่น สุขนา ห่มวาทสาดสู่ห้อง........................ห่มเนื้อเรือนขวัญ ฝันถึงหนึ่งนายนั้น.....................ฝันหวาน รักพบสบสำราญ.......................รักแพร้ว กรองรินกลิ่นเกยกานต์...............กรองกล่อม รักรา รูปรักสลักรอยแล้ว...................รูปนี้นิรันดร์ ขอแก้ค่ะ ท่านชาย พรุ่งนี้กานต์จะมาดูค่ะว่าผิดกติกาป่าว อิอิ
9 กุมภาพันธ์ 2553 17:31 น. - comment id 1097765
แวะมาเยี่ยม มาอ่านผลงาน ได้ความรู้มากครับ
9 กุมภาพันธ์ 2553 20:05 น. - comment id 1097787
ยากส์ มาก
10 กุมภาพันธ์ 2553 01:13 น. - comment id 1097839
ชื่นชมโคลงของพี่ค่ะ โดยเฉพาะที่มาฝากนู๋ไว้ตอนนั้น " คมคิ้วคงว่าริ้ว เรียวงาม....." แต่ว่ามันเกินกำลังนู๋อ่าค่ะ.....ได้แต่อ่านค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2553 02:44 น. - comment id 1097840
10 กุมภาพันธ์ 2553 06:37 น. - comment id 1097845
1+2 คุณเพียงพลิ้ว "เพียงลม" แต่งได้รวดเร็วทันทีดีแท้ครับ คุณกานต์ บทสองบาทแรกตกเอกตรงนายอยู่ที่หนึ่ง จะแก้เป็น ฝันหมายนายหนึ่งนั้น หรือ ฝันถึงหนึ่งหนุ่มนั้น สองทางเลือกนี้ เลือกอย่างหลังแทนให้ก่อนนะครับ แต่ถ้าคุณกานต์อยากแก้เป็นอย่างอื่นก็ได้ ทั้งสองบทความหมายและเสียงโคลง ดีครับ 3 คุณปติ ตันขุนทด ขอบคุณครับ สบายดีนะครับ 4 คุณน้ำตาพระอินทร์ ขอบคุณครับ นี่คือคุณ leknarak นะครับ เห็นรูปที่ลงไว้ในกลอนแล้วพลอยนึกไปถึงเรื่องแต่งแฟนซีงานปาร์ตี้ สงสัยแต่งเป็นนางฟ้าตามที่คุณสิ้นฝันเสนอแนะแน่ๆเลย
10 กุมภาพันธ์ 2553 06:57 น. - comment id 1097846
5 คุณโคลอน ขอบคุณครับที่แวะมา ไข่ฟองแรกขอเก็บเองก่อนแล้วกัน 6 คุณใจปลายทาง น้องอ้อม สบายดีนะครับ หัดแต่งโคลงได้แล้วละ ถ้ามีเวลา 7 คุณคมดาบนารี ขอบคุณครับ พูดถึงโคลงบทนั้นผมเองก็ชอบนะครับ จำได้ง่ายด้วย คุณน้องคมดาบฯ ก็น่าจะลองเขียนโคลงดูนะครับ เขียนเล่นที่นี่ก่อนก็ได้ครับ 8 คุณ nig... อรุณสวัสดิ์ครับ
10 กุมภาพันธ์ 2553 08:56 น. - comment id 1097859
เสียงใดปานเคลื่อนคล้าย.....ร่ายมนต์ เสียงเปล่งถ้อยรอยกล.....เล่ห์นั้น อวลไอใฝ่กมล......พจน์ร่ำ คำเฮย รื่นรื่นหมื่นพันดั้น.....กลั่นแกล้มกานท์กล หอมหอมรวยรื่นเร้า....เคล้าคลอ เฝ้าใฝ่เคียงพนอ.....เพลี่ยงพล้ำ ได้สบยิ่งเออออ.....อิ่มอุ่น ใจนา ขจิตจ่อมเคลิ้มค้ำ....คู่ค้นคลอครวญ สวัสดีค่ะ คุณพจน์รำพัน ผิดถูกแล้วแต่พิจารณาค่ะ ถ้ามีเวลาดอกบัวจะมาศึกษาใหม่ค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้
10 กุมภาพันธ์ 2553 09:00 น. - comment id 1097862
ไม่สามารถจริงๆค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2553 09:28 น. - comment id 1097875
ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้ดีๆค่ะ สัญญารักร่วมสร้าง ลืมกัน ทุกสิ่งดังภาพฝัน ที่ให้ สัจจะมั่นแปรผัน แหนงหน่าย เจอใหม่ลืมกันได้ พ่ายแพ้ชะตา --- ขอลองบ้างนะคะ ชี้แนะด้วยนะค่ะ --
10 กุมภาพันธ์ 2553 12:55 น. - comment id 1097970
11 คุณดอกบัว สองบทที่เขียนเข้ามานี้ทำให้ดีใจครับ แม้ไม่ได้เขียนตามกลบท เพราะตอนอ่านระทึกใจตลอด โดยเฉพาะท้ายบาทสาม เคยตกเอกบ่อยมาก อ่านจบสองบท เฮ้อ..โล่งใจ ดีครับ ถูกต้องสมบูรณ์ตามฉันทลักษณ์ มีคำเขียนผิดอยู่ พะนอ ต้องประวิสรรชนีย์ มี "ะ" นะครับ อีกคำหนึ่งที่เห็นบ่อยคือ หวน มักเขียนเป็น หวล ตามชื่อลิเกคณะหอมหวล ขอพูดถึงวรรคจบของบทโคลงในเรื่องความไพเราะ หากสองคำท้ายสามารถสลับที่กันได้ ควรจัดคำที่มีเสียงยาวไว้ท้าย เช่น กลั่นแกล้มกานท์กล เป็น กลั่นแกล้มกลกานท์ จะไพเราะกว่า ผมลองเขียนตามบทแรกให้เข้ากลบท ดังนี้ครับ เสียงใจใครเคลื่อนซ้อน ..... เสียงมนต์ ก่อเล่ห์เทถ้อยกล .............. ก่อนั้น พจน์กรุ่นอุ่นไอผล ............. พจน์ร่ำ คำเอย ด่ำรื่นหมื่นหมายดั้น ........... ด่ำแกล้มกลกานท์ ขอบคุณสำหรับคำอวยพร ให้ได้รับเช่นกันครับ 12 คุณ(น้ำตาลหวาน) จะทำอย่างไรกับคำนี้ดีหนอ "ไม่สามารถค่ะ" 13 คุณแกงเขียวหวาน เป็นบทโคลงที่ขึ้นต้นได้กระทบใจดีครับ ทั้งบทก็ดีทั้งคำและความ วรรคจบ พ่ายแพ้ชะตา ห้วนไปหน่อยหนึ่ง พ่ายแพ้ดวงชะตา จะดีกว่า ชะตา เป็นคำเดียว ที่มีสองพยางค์ พยางค์หน้าเป็นสระเปล่าเสียงสั้น คือเป็นพยางค์ลหุ ที่สามารถอ่านรวบคำเป็นลูกเก็บเสมือนคำเดียวได้ครับ ขอบคุณครับ
10 กุมภาพันธ์ 2553 15:56 น. - comment id 1098013
เสียงใดปานเคลื่อนคล้าย.....ร่ายมนต์ เสียงเปล่งถ้อยรอยกล.....เล่ห์นั้น อวลไอใฝ่กมล......พจน์ร่ำ คำเอย รื่นรื่นหมื่นพันดั้น.....กลั่นแกล้มกลกานท์ หอมหอมรวยรื่นเร้า....เคล้าคลอ เฝ้าใฝ่เคียงพะนอ.....เพลี่ยงพล้ำ ได้สบยิ่งเออออ.....อิ่มอุ่น ใจนา ขจิตจ่อมเคลิ้มค้ำ....คู่ค้นคลอครวญ สายสมรอิ่มยิ้ม....เยือนกานท์ เปรียบเด่นชำนานชาญ....เชี่ยวรั้ง แถลงเร่งกล่อมขาน....ปราศเล่ห์ กลนา ขับเคลื่อนข้อข้องอั้ง....อุ่นอ้อมเอมอร หอมคำชักรื่นล้อม....รวยริน ให้ชุ่มชื่นอรพิน.....โรจน์เรื้อง ปวงปราชญ์ท่องธานิน....ปองปราบ รุกเร่งเฝ้าฝันเฟื้อง.....ใฝ่ร้อยโคลงเขนย เพลงรักลอยล่องริ้ว.....อารมณ์ พลิ้วผ่านปานเทพพรม....พรั่งพร้อม สร้อยสายเร่ารื่นรมย์.....คมพรอด ดุจเล่ห์รอยรักล้อม.....แทรกซ้อนทรวงใน เข้ามาเสริมเติมต่อไม่ท้อใจ ขอบคุณมากมายค่ะ คุณพจน์
10 กุมภาพันธ์ 2553 21:06 น. - comment id 1098099
ขอมาศึกษาด้วยคนนะครับ..
11 กุมภาพันธ์ 2553 08:58 น. - comment id 1098186
เดี๋ยวจะลองสักตั้ง ..
11 กุมภาพันธ์ 2553 09:35 น. - comment id 1098194
15 คุณดอกบัว บทที่ ๓ ... ขับเคลื่อนข้อข้องอั้ง....อุ่นอ้อมเอมอร อั้ง เป็นคำที่ไม่ทราบความหมาย ทำให้ความคิดขณะอ่านสะดุดกลางคัน สมมติว่าใช้ ทั้ง แทน แม้เสียงคำจะไม่เชื่อมกับ อุ่นอ้อมเอมอร แต่ทำให้เกิดความเข้าใจได้ต่อเนื่องดีกว่า บทที่ ๔ ... ฝันเฟื้อง คงจะหมายถึง ฝันเฟื่อง แต่ไม่เหมาะที่จะใช้แบบนี้ เพราะคำว่า เฟื้อง มีความหมายเฉพาะ ว่าเป็นหน่วยของค่าเงินอยู่แล้ว ทางที่ดีเปลี่ยนคู่โท เป็น เร้า - เฝ้า ลองดูนะครับ ปองปราบ อีกที่หนึ่ง ไม่สื่อ ว่าจะปราบอะไร โคลงเขนย คล้ายเพลงว่า เคียงเขนยสมดังฤทัย เขนย นั้นคือหมอนอิง โคลงเขนย จึงต้องโยงความเข้าใจไกลเหมือนกัน หอมคำชักรื่นล้อม....รวยริน ให้ชุ่มชื่นอรพินท์.....โรจน์เร้า ปวงปราชญ์ท่องธานิน....ปองปราบ รุกเร่งฝันเฟื่องเฝ้า.....ใฝ่ร้อยโคลงเขนย บทที่ ๕ ... ไม่แน่ใจว่าจริงๆหมายถึง พระพรหม หรือ พรม แบบพรมน้ำ เร่า นึกถึง เต้นเร่าๆ เร่าร้อน ใช้ ระรื่นรมย์ น่าจะรมย์กว่านะครับ โดยรวมก็ดีทีเดียวครับ คนมีใจใฝ่ธรรม เขียนโคลงรักน่ารักดีเหมือนกัน ขอให้มีความสุขกับการเขียน ขอบคุณครับ ( คำ : ชำนาญ อรพินท์(ดอกบัว) พลอด ) 16 คุณกิ่งโศก สายๆสวัสดิ์ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือนครับ 17 คุณ(น้ำตาลหวาน) เอาเลยคุณพิม จะเป็นกองเชียร์ให้ เต็มที่ๆ
11 กุมภาพันธ์ 2553 10:18 น. - comment id 1098221
20 ชุ๊บ ไข่ใบที่สองฝนขอนะคะ อาร์พจน์ อิอิ
11 กุมภาพันธ์ 2553 13:25 น. - comment id 1098266
เสียงใดปานเคลื่อนคล้าย.....ร่ายมนต์ เสียงเปล่งถ้อยรอยกล.....เล่ห์นั้น อวลไอใฝ่กมล......พจน์ร่ำ คำเฮย รื่นรื่นหมื่นพันดั้น.....กลั่นแกล้มกลกานท์ หอมหอมรวยรื่นเร้า....เคล้าคลอ เฝ้าใฝ่เคียงพะนอ.....เพลี่ยงพล้ำ ได้สบยิ่งเออออ.....อิ่มอุ่น ใจนา ขจิตจ่อมเคลิ้มค้ำ....คู่ค้นคลอครวญ สายสมรอิ่มยิ้ม....เยือนกานท์ เปรียบเด่นชำนาญชาญ....เชี่ยวรั้ง แถลงเร่งกล่อมขาน....ปราศเล่ห์ กลนา ขับเคลื่อนข้อข้องทั้ง....อุ่นอ้อมเอมอร หอมคำชักรื่นล้อม....รวยริน ให้ชุ่มชื่นอรพินท์.....โรจน์เร้า ปวงปราชญ์ท่องธานิน....ปองปราบ รุกเร่งฝันเฟื่องเฝ้า.....ใฝ่ร้อยวรรณกรรม เพลงรักลอยล่องริ้ว.....อารมณ์ พลิ้วผ่านปานเทพพรหม....พรั่งพร้อม สร้อยสายระรื่นรมย์.....คมพลอด ดุจเล่ห์รอยรักล้อม.....แทรกซ้อนทรวงใน ขอบคุณมากมายค่ะ คุณพจน์ ดอกบัวอ่านที่คุณพจน์อธิบายก็นึกขำตัวเองเหมือนกันค่ะ จริงๆ อรพินท์ ดอกบัวก็รู้ แต่จงใจไม่ให้คำ มีความหมาย อั้ง ดอกบัว ก็คิดถึงคำ อั้งยี่ อิ อิ อิ เทพพรม ประมาณ ปะพรม แต่พอคุณพจน์บอก ใช้ เทพพรหม คำกับงามคีเหมือนกันค่ะ ก็คนใฝ่ธรรม มีความรักเป็นนี่ค่ะ อิ อิ อิ ขอความเอื้ออำนวย ลบคอมเม้นท์ 19 ด้วยค่ะ ดอกบัวขอเปลี่ยนเป็น คอมเม้นท์นี้นะค่ะ ดอกบัว ว่าจะแก้ หมอนอิง แล้วก็ลืมไปค่ะ อิ อิ ขอบคุณค่ะ
11 กุมภาพันธ์ 2553 15:37 น. - comment id 1098379
5555หายนาน ทั้งบ้านกลอนบ้านโคลง มี่ไม่ได้แวะนานเลยค่ะพี่พจน์ พอดีว่างหน่อย วันนี้คิดอัพบล็อกใหม่( อิอิ แล้วอาจหายนานอีก เพราะงานยังยุ่งค่ะ) อ่านโคลงที่พี่เม้นต์ทัก เลยคลิ๊กเข้ามา พี่เขียน "เพียงรัก" พี่เพียงพลิ้วเขียน "เพียงลม" งั้นมี่เอา "เพียงขอ..รัก" แล้วกัน 5555 "เพียงขอ...รัก" ไกล กันพลันเพิ่มใกล้.............ไกลหวัง พิศ โศกโยกเยือนผัง...............พิศเฝ้า คิด มนต์หม่นเหมือนขัง...........คิดคร่ำ ยอก เลียบเงียบหงอยเย้า.........ยอกนี้เกินขาน วาน พรหมถมท่วมว้าง..........วานเชิญ ภักดิ์ อยู่พรูเพียงเพลิน..........ภักดิ์ช้อย ดัก เสียงเบี่ยงเบนเดิน.........ดักด่าว ผละ ช่วงลวงลุพร้อย..............ผละสิ้นรอยขม พรม รักวักแวะพร้อม...............พรมสรวล หนัก มั่นชันชนวน.....................หนักพริ้ง ชัก เหมือนเคลื่อนคอยชวน....ชักฉ่ำ เทิด...เลื่อนเบือนเบนทิ้ง.....เทิดคล้ายฉายหวาม ความ รักชักฉ่ำข้าม..................ความกลัว รัก หล่อออไอรัว.................รักเรื้อ พัก ยากฝากฝันพัว................พักแน่น แนบ หว่างวางหวิดเนื้อ............แนบรู้ผลหวง ทรวง เผาเหลาเร่าสร้าง...........ทรวงหมอง มัก ยื่นขืนขมมอง....................มักคว้าง ทัก ทีถี่ทุกข์ถอง.....................ทักคู่ บอก เจ็บเหน็บนัยบ้าง............บอกแล้วยังหวัง .....................ญามี่///... มีความสุขมากๆนะคะ พี่ๆทุกคน
11 กุมภาพันธ์ 2553 22:23 น. - comment id 1098561
เพียง ยินเพียงพิศเพ้อ....เพียงฝัน พจน์ สรรพพจน์รำพัน.....พจน์พร้อง รส ร้อยรสจำนรรจ์.........รสอิ่ม ใจเอย รัก หนึ่งรักเรียกร้อง.......รักเร้นกระนั้นฤๅ สวัสดีเจ้า วันนี้ว่างหน่อยก่อเลยมาฝากกลบทไว้เจ้า มาจ้าไปน่อย แต่ก่อมาแล้วนาเจ้า โปรโมชั่นพิเศษ :) ซ้ำคำตรงกลางกลบทโตยหนาเจ้า (ของอ้ายซ้ำสอง ของเปิ้นซ้ำสามคำเลย) อิอิ
11 กุมภาพันธ์ 2553 22:12 น. - comment id 1098592
โคลงวรรณกรรม ฝึกหัด เสียงใดปานเคลื่อนคล้าย.....ร่ายมนต์ เสียงเปล่งถ้อยรอยกล.....เล่ห์นั้น อวลไอใฝ่กมล......พจน์ร่ำ คำเฮย รื่นรื่นหมื่นพันดั้น.....กลั่นแกล้มกลกานท์ หอมหอมรวยรื่นเร้า....เคล้าคลอ เฝ้าใฝ่เคียงพะนอ.....เพลี่ยงพล้ำ ได้สบยิ่งเออออ.....อิ่มอุ่น ใจนา ขจิตจ่อมเคลิ้มค้ำ....คู่ค้นคลอครวญ สายสมรอิ่มยิ้ม....เยือนกานท์ เปรียบเด่นชำนาญชาญ....เชี่ยวรั้ง แถลงเร่งกล่อมขาน....ปราศเล่ห์ กลนา ขับเคลื่อนข้อข้องทั้ง....อุ่นอ้อมเอมอร หอมคำชักรื่นล้อม....รวยริน ให้ชุ่มชื่นอรพินท์.....โรจน์เร้า ปวงปราชญ์ท่องธานิน....เขียนคู่ กันนา รุกเร่งฝันเฟื่องเฝ้า.....ใฝ่ร้อยวรรณกรรม เพลงรักลอยล่องริ้ว.....อารมณ์ พลิ้วผ่านปานเทพพรหม....พรั่งพร้อม สร้อยสายระรื่นรมย์.....คมพลอด ดุจเล่ห์รอยรักล้อม.....แทรกซ้อนทรวงใน
12 กุมภาพันธ์ 2553 08:27 น. - comment id 1098642
19 คุณโคลอน คุณฝน...ผมลบความเห็นไปหนึ่งช่อง จึงเลื่อนขึ้นมา ไม่เป็นไรนะครับ ไข่เก็บไปแล้ว ... ตอนนี้เริ่มเข้าใจบ้าง ทำไมเขาคอยเก็บไข่กัน เห็นว่ามีประโยชน์หลายอย่าง ... หมักผมก็ได้ ... ดีจัง 20+22 คุณดอกบัว คราวนี้คงเรียบร้อยแล้ว ค่อยๆอ่านดูอีกที เพลิดเพลินดีครับ มาขัดอยู่นิดหนึ่งตรง ปวงปราชญ์ท่องธานิน...เขียนคู่ กันนา คำว่า ปวง ย่อมมีจำนวนมาก ดังนั้น ดังนั้นน่าใช้ว่า ...เขียนร่วม กันนา อีกข้อหนึ่ง เห็นใช้คำ เล่ห์ อยู่ถึงสามแห่ง ก็ชวนให้ค้นหา เล่ห์อันใดหนอ อ้อ..เล่ห์กล คงเล่ห์กลบทมั้ง คงเข้าใจถูกนะ ... ขอบคุณมากครับ 21 คุณโอเลี้ยง(ญามี่) น้องมี่คงอารมณ์ดีนะครับ เริ่มต้นก็ห้วเราะกลิ้งมาเลย สมเป็นมือเขียนกลบท จนมีผู้ขนานนามว่า เจ้าแม่กลบท เขียนตรงตามบังคับครบถ้วน ทั้งร้อยโคลงด้วย รู้สึกว่าโคลงที่น้องมี่เขียน ใช้คำตายและคำเสียงสั้นค่อนข้างมาก ลองลดลง และเพิ่มคำเป็นคำเสียงยาวให้มากขึ้นสักหน่อย ขอบคุณมากครับ ขอให้มีความสุขเช่นกัน 23 คุณvirismara น้องจิ้นเขียนกลบทนี้มาเข้าทีครับ ดีมากๆ ตามรูปลักษณ์นี้น่าชื่อว่า "ตรีวิริศมาหรา" ชอบไหม ซ้าคำสามที่ตรงคำที่ ๑ - ๓ - ๖ คล้ายนกกางปีก ผสมผสานกับ "วิติมาลินี" และ "โตเล่นหาง แบบที ๑" แต่ต้องแก้บาทสามหน่อยให้เข้าบังคับของโตเล่นหาง
12 กุมภาพันธ์ 2553 09:11 น. - comment id 1098657
โคลงวรรณกรรม ฝึกหัด เสียงใดปานเคลื่อนคล้าย.....ร่ายมนต์ เสียงเปล่งถ้อยรอยกล.....เล่ห์นั้น อวลไอใฝ่กมล......พจน์ร่ำ คำเฮย รื่นรื่นหมื่นพันดั้น.....กลั่นแกล้มกลกานท์ หอมหอมรวยรื่นเร้า....เคล้าคลอ เฝ้าใฝ่เคียงพะนอ.....เพลี่ยงพล้ำ ได้สบยิ่งเออออ.....อิ่มอุ่น ใจนา ขจิตจ่อมเคลิ้มค้ำ....คู่ค้นคลอครวญ สายสมรอิ่มยิ้ม....เยือนกานท์ เปรียบเด่นชำนาญชาญ....เชี่ยวรั้ง แถลงเร่งกล่อมขาน....ปราศเล่ห์ กลนา ขับเคลื่อนข้อข้องทั้ง....อุ่นอ้อมเอมอร หอมคำชักรื่นล้อม....รวยริน ให้ชุ่มชื่นอรพินท์.....โรจน์เร้า ปวงปราชญ์ท่องธานิน....ครวญใคร่ เข็นนา รุกเร่งฝันเฟื่องเฝ้า.....ใฝ่ร้อยวรรณกรรม เพลงรักลอยล่องริ้ว.....อารมณ์ พลิ้วผ่านปานเทพพรหม....พรั่งพร้อม สร้อยสายระรื่นรมย์.....คมพลอด ดุจเล่ห์รอยรักล้อม.....แทรกซ้อนทรวงใน สวัสดีค่ะ คุณพจน์ ครั้งนี้ ดอกบัว มาแบบว่า ทั้งแก้ ทั้งไข แถมไปโพสต์ โคลงบทนี้ ที่บล็อกแล้วด้วย ดอกบัวลองเปลี่ยนใหม่เป็นแบบนี้ค่ะ ปวงปราชญ์ท่องธานิน....ครวญใคร่ เข็นนา เมื่อวาน ดอกบัวใจร้อนไปหน่อย คงเพราะความทั้งยุ่ง ทั้งเหนื่อยงาน วันนี้ ต้องเตรียมของไหว้ ขอบคุณมากมายค่ะ คุณพจน์ ถ้าคอมเม้นท์ ของดอกบัวรกไปก็ลบได้นะค่ะ ชลาสังวาลย์" บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท ( จินดามณี ) แก้ว..แหวนน้องเกื้อมิ ....... ทุกอัน ชู้......ก่อของนองนันต์ ...... แต่งเจ้า กอง..ทองคอสบสรรพ์ ........ เศกแม่ เงิน...เลื่อนหลังข้างเต้า ..... แต่งขึ้นเรือนเรียม "วิติมาลินี" บังคับกระทู้ ๑ คำ ต้นบาท บาท ๒ - ๓ คำคล้องจองกัน ( จินดามณี ) พี่.....กำพร้าหน้าต่ำ ...... ออมอด น้อง....เป็นดีมียศ ......... ก่อเกื้อ ซ้อง...ฦๅชาปรากฏ ....... โฉมแม่ เดียวแม่ แซม..ซุมซนต้นเนื้อ ..... บ่ให้เห็นองค์ "สีหติกำกาม" บังคับซ้ำเสียงสระ ตรงคำที่ ๒ - ๓ ( จินดามณี ) ธ วัวกลัวเมียเพี้ยง ...... กลัวเสือ โม เมาเงางุนเยือ ............ กล่าวกล้า โอ โถงโครงเปล่าเหลือ ..... ตัวแต่ง ปาก หากลากคำค้า ......... คึ่งให้ใครขาม "โตเล่นหาง แบบที่ ๑" บังคับซ้ำเสียงพยัญชนะ ตรงคำที่ ๕ - ๖ ( ผืนแผ่นไผทนี้ล้ำ แหล่งคุณ ) คลุกประจนเลือดหลั่งเนื้อ ..... นองไหล ตาวต่อตาวโล่หัน ..................... หวดดิ้น ไทยรุกไล่มอญไถล .................. ถลาหอบ คชไขว่ม้าล้มสิ้น ...................... สุดปราน โคลงอย่างนี้ ให้ดอกบัวว่างจะค่อยๆอ่าน แล้วฝึกเขียนค่ะ มีแต่ความสุขสดชื่นนะค่ะคุณพจน์ และขอบคุณจริงๆค่ะ เล่ห์อันใดหนอ อ้อ..เล่ห์กล คงเล่ห์กลบทมั้ง คงเข้าใจถูกนะ ... ขอบคุณมากครับ เล่ห์โคลง ที่ทำให้ดอกบัว ต้องมาฝึกหันนี้แหล่ะค่ะ อิ อิ อิ
12 กุมภาพันธ์ 2553 11:26 น. - comment id 1098725
มาแวะดูงานก่อนค่ะ
12 กุมภาพันธ์ 2553 12:56 น. - comment id 1098780
หวัดดีเจ้า สารภาพว่าจิ้นแต่งโดยไม่รู้หรอกค่ะว่ามีครูโคลงแต่งกลบทอะไรไว้บ้าง ไม่ทันได้เปิดตำราค่ะ เพียงแต่เห็นโคลงพี่เลยอยากออกนอกกรอบเล็กๆ ประสาคนชอบแหกคอก เอ๊ย ชอบรังสรรค์ค่ะ แหะๆ ว่างๆ จะมาแก้ไขตรีวิริศมาหรา (อิอิ เรียกซะหรูหราเลย) บาทสามนะคะ โคลงกลบทอีกบทหนึ่งที่เคยแต่งไว้ ยกมาให้ดูค่ะ (นี่ก็แต่งไปเรื่อย คิดเอง แต่คิดว่าคงมีครูคิดกลบทแบบนี้ไว้แล้วมั้งคะ จิ้นบังคับ 2 คำหน้าทุกบาทกับ 2 คำหลังทุกบาทเหมือนกันแต่ต้องสลับตำแหน่งคำกัน คงต้องไปหาอ่านตำราอีกนิดจะได้รู้ว่ามีแบบครูอะไรไว้แล้วบ้างน่ะค่ะ) งามคม ประจักษ์แจ้ง คมงาม พลิ้วดาบ นารียาม ดาบพลิ้ว ผ่องพักตร์ พิศเพลินตาม พักตร์ผ่อง กรีดดาบ กลางใจริ้ว ร่ายร้อยดาบกรีด
12 กุมภาพันธ์ 2553 14:09 น. - comment id 1098824
เพียง ยินเพียงพิศเพ้อ....เพียงฝัน พจน์ สรรพพจน์รำพัน.....พจน์พร้อง รส รติรสนิรันดร์.........รสอิ่ม ใจเอย รัก หนึ่งรักเรียกร้อง.......รักเร้นกระนั้นฤๅ มาแก้ไขแล้วเน่อเจ้า ยินดีจ๊าดนักเจ้า
13 กุมภาพันธ์ 2553 00:58 น. - comment id 1099089
25 คุณดอกบัว โคลงวรรณกรรม ฝึกหัด ผมเอาไปลงไว้บนหน้ากลอน ตรงโคลงภาคผนวก รอบนี้คุณดอกบัวต้องไปส่องโคลงในรั้วดอกรักแล้วหละ มีคำเกินอยู่สองแห่ง ตกเอกสามแห่ง มองหาให้เจอนะครับ ผังโคลงจัดไว้ให้แล้ว อยู่ตรง คห.6 26 คุณ(น้ำตาลหวาน) เตรียมความพร้อม ดีครับๆ เดี๋ยวคราวหน้า ว่าไปเลย อายโคลงบ่รู้วิชาโคลงนาครับคุณพิม 27+28 คุณvirismara โคลงกลบทใน คห.27 ตรงกับโคลงกลบทสกัดแคร่ "ทวารประดับ" (จินดามณี) หรือโคลงสารถีขับรถ (กรมพระปรมานุชิตชิโนรส-ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) แต่ทีน้องจิ้นแต่งไว้ผิดหลักตรงที่จบโคลงด้วยคำตาย .. กรีด ถ้าเป็น กรายกรีด ............... กรีดกราย ละก็สวยเลย แต่งให้น้องคมดาบนารีหรือเปล่าครับนั่น ส่วนโคลงกลบทตรีวิริศมาหรา พี่ลงไปบนหน้ากลอนตรงโคลงภาคผนวก มองดูแล้วเป็นกลบทที่ดีทีเดียวครับ
13 กุมภาพันธ์ 2553 02:39 น. - comment id 1099094
5555 พี่พจน์บอกมี่หน่อยสิคะ มีทางไหนที่เราไม่ใช่คำตายแทน ในกรณีที่เราไม่ต้องการให้โคลง "รกเอกโท"เกินจากที่บอกเอก๗ โท๔ อิอิ มี่นึกหาวิธีไม่ออกค่ะ ดังนั้นถ้าเขียนโคลงทั่วไปไม่ต้องซ้ำเสียงซ้ำคำ ตรงที่ลงตำแหน่งเอก มี่จะพยายามใช้รูปวรรณยุกธ์แทน 5555แต่ถ้าใช้เขียนกลบท มี่นึกนานมากกว่าจะได้สักคำ วิธีเดียวที่จะเขียนได้คล่องจึงต้องใช้สระเสียงสั้นและคำตายแทน ถ้าต้องการเอาแบบมีความมากหน่อยด้วย อิอิ ตรงนี้แหละปัญหาที่มี่ยังแก้ไม่ได้ พี่พจน์ถนัดโคลงมากกว่ามี่ มีเคล็ดอะไรแนะบ้างค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
13 กุมภาพันธ์ 2553 19:03 น. - comment id 1099271
30 คุณโอเลี้ยง(ญามี่) หัวเราะมาอีกแล้ว ... ว่าไปแล้วการจะเพิ่มคำเป็นและคำเสียงยาว สามารถมองทั่วๆไปทั้งบท ไม่จำกัดว่าเจาะจงเฉพาะคำรูปเอก คำตายด้วยกันก็มีเสียงสั้นเสียงยาว แต่เมื่อน้องมี่ห่วงเรื่องรกเอก ก็มาดูเรื่องนี้เฉพาะก็ดีครับ โคลงสี่สุภาพ ๓๐ คำ บังคับ เอก ๗ โท ๔ และ ๔ สุภาพ ก็จะมีคำอื่นๆเหลือ ๑๕ คำ หากจะเขียนให้มองรกเอก รวมแล้วก็จะมีถึง ๒๒ เอก ถ้าแบบรกเอกเต็มขั้น คือใช้คำเอกโทษแทนรูปโทด้วย ก็จะรกเอกไปถึง ๒๖ เอก ดังนั้นหากเห็นรูปเอกสักหนึ่งโหล ก็ยังไม่ถึงกับจะมองว่ารกเอกได้ ไม่ต้องกังวลครับ ลองมองโคลงรกเอกดู ก็ใช่ว่าจะขี้เหร่นะ แถมอ่านลื่นไหลดีเสียอีก ตัวอย่างโคลงรกเอก ( ๒๒ เอก ) ~ 'มี่อย่าพึ่งครุ่นกว้าง ....... กว่าควร เพิ่มหน่อยหนึ่งห่อนจวน ..... เจิ่งไม้ เพื่ออ่านอย่างนุ่มนวล ......... น่าชื่น แม่เอย ใช่ว่าเอ่ยเล่นให้ ................. ห่วงหน้าห่วงหลัง ระหว่างเขียนโคลงรกเอก ก็นึกไปถึงโคลงคำตาย ลองดูซิ โคลงคำตาย ( ๒๕ คำ ) ~ สินะจะมุสู้ .................. สักนิด เถอะแคะเคาะเจาะจิต ..... จักซึ้ง ทบทุกบทจรดพิศ ............ พจน์ปรับ สลับนา เกิดภาพแปลกอาจอึ้ง ...... แอบซ้ำอีกหนอ บาทแรกคำตายเสียงสั้น ไล่มาถึงบาทสี่คำตายเสียงยาว อ่านแล้วความรู้สึกก็ต่างกันนะครับ มาถึงเรื่องเทคนิคที่จะแนะนำนั้นไม่มีจริงๆครับ เข้าใจว่าเกี่ยวกับความคุ้นเคยในการใช้ภาษามากกว่า การปรับความความคุ้นเคยก็ต้องอาศัยความสังวรณ์ การทบทวนและตัดความกังวลมังครับ พี่ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้นักหรอก ที่ว่าให้ลองดูนั้น ก็เผื่อว่าน้องมี่จะทำได้
13 กุมภาพันธ์ 2553 23:08 น. - comment id 1099383
อ่า ที่ว่าจบโคลงด้วยคำตายผิดหลักเนี่ย หมายถึงโคลงทุกแบบหรือว่าเฉพาะโคลงนี้คะ (เง้อ..ไม่เคยรู้นะเนี่ย..เพิ่งหัดแต่งโคลงได้ไม่กี่เดือน ก็เพิ่งรู้นี่แหละค่ะ แหะๆ ขอบคุณนะคะ) เอาเป็นว่าขอแก้ตัวอีกครั้งค่ะ อ้อ โคลงนี้แต่งให้คมดาบนารีแม่นแล้วเจ้าค่ะ งามคม ประจักษ์แจ้ง..........คมงาม พลิ้วดาบ นารียาม..............ดาบพลิ้ว ผ่องพักตร์ พิศเพลินตาม...พักตร์ผ่อง เรียวดาบนางกรีดริ้ว.........ร่ายร้อยดาบเรียว
13 กุมภาพันธ์ 2553 23:45 น. - comment id 1099392
นางคอยใจเหว่ว้า...........หวามไหว มองลูกเปลแกว่งไกว......กล่อมเจ้า น้ำตารินหลั่งไหล.............ล้นเอ่อ เคยร่วมชิดเคียงเคล้า.....คู่เจ้าจรหาย มากวนอีกแล้วค่ะ พอดีว่างๆ เลยลองแต่งกลบทอีกแบบ ซ้ำพยัญชนะต้นคำที่ ๔-๕-๖ ของทุกบาท เหว่-ว้า-หวาม, แกว่ง-ไกว-กล่อม, หลั่ง-ไหล-ล้น, เคียง-เคล้า-คู่ (ก็ไม่ทราบว่ามีกลบทแบบนี้อยู่หรือเปล่าค่ะ..อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ อิอิ) ขอบคุณเจ้า
13 กุมภาพันธ์ 2553 23:48 น. - comment id 1099394
ว้า ตกเอกบาทสามค่ะ แก้ตัวอีกทีนะคะ นางคอยใจเหว่ว้า...........หวามไหว มองลูกเปลแกว่งไกว......กล่อมเจ้า น้ำตาหยาดหลั่งไหล........ล้นเอ่อ เคยร่วมชิดเคียงเคล้า.....คู่เจ้าจรหาย
14 กุมภาพันธ์ 2553 04:45 น. - comment id 1099420
55555 มี่เพิ่งเรียนการเขียนโคลงจริงจัง เมื่อปีที่แล้วราวเดือนเจ็ดเดือนแปดนี่มั้ง ก่อนนั้นไม่เคยแม้แต่อ่าน ส่วนมากเห็นโคลงก็มองข้ามๆไป ต่อมาพี่คนหนึ่งสอนว่า การเขียนจนรกเอกโทแบบกลอน หาควรไม่ พยายามใช้แค่เอก ๗ โท๔ จะเข้าท่ากว่า และให้ถือว่าเป็นการเขียนโคลงที่สมบูรณ์ มี่เลยติดมาตลอดค่ะ แม้ว่าอ่านแล้วจะกระด้างหู แต่มี่ก็อยากพยายามฝึกเล่นไปในทางนี้ เพื่อให้เกียรติกับการสอนของเขา ซึ่งกว่ามี่จะปรับตัวยอมรับในแนวนี้ได้ก็กว่าสามเดือนเข้าไปแล้ว ถ้านับรวมๆแล้วมี่เล่นโคลงยังไม่ถึงปีเลยค่ะ มีเวลาจะพยายามเขียนให้ลื่นที่สุดเท่าที่สมองจะพาลื่นได้ค่ะพี่พจน์ อิอิ ปล.พักนี้มี่งานยุ่งมากเพิ่งจะหัวเราะออกก็วันที่เข้ามาหัดโคลงวันนั้นไงคะ ห่างหายสิ่งชอบไปนาน พอมีเวลาว่างกลับมาเล่น เลยอารมณ์ดีจนอดหัวเราะไปเขียนไปไม่ได้ค่ะพี่พจน์5555 .................................. ขอบ ฝันเรียงด้วยร่าย............โคลงมนต์ คุณ เด่นพาใจดล....................เหนี่ยวร้อย ครู โคลงเกี่ยวกมล.................ชวนเชื่อ สอน กล่าวนำพาคล้อย.........สู่ด้านแดนสรวง ปวง จินต์บินสู่ฟ้า...................อัศจรรย์ คำ กล่อมราวสวรรค์..............ยื่นให้ หวาม เวียนส่งเปรมปัน..........ลืมตื่น ไหว ล่องลอยตามใกล้..........อิ่มเคลิ้มปรารถนา
14 กุมภาพันธ์ 2553 22:16 น. - comment id 1099534
32 คุณvirismara เรื่องจบโคลงด้วยคำตายผิดหลัก บนหน้ากลอนนี้ตอนท้ายๆก็เขียนบอกไว้ครับคุณน้องจิ้น 33+34+36 ตามที่เขียนใน33 ใช้คำว่าซ้ำพยัญชนะต้น ก็หมายถึงว่า บังคับเฉพาะ พยัญชนะต้นตัวนั้นๆเลย น่าใช้ว่าซ้ำเสียงพยัญชนะ(ต้น) จะเหมาะกว่า ร กับ ล ก็ยังถือว่าอนุโลมได้ เพราะเห็นโคลงตาม 36 มีว่า .. รดไหล พูดถึงบังคับซ้ำเสียงพยัญชนะตรงคำที่ ๔ ๕ ๖ และ ๗ และไปจนจบในบาท ๔ ดูตามบันทึกที่มีอยู่ ก็ไม่ซ้ำกับของเก่าที่มีดั้งเดิม ตั้งชื่อกลบทมาให้ด้วยครับ เพราะๆนะ อันนี้พี่คิดๆก็ยังไม่ถูกใจ 37 บาทสี่ตกเอกวรรคหลัง แก้ไขให้หน่อยเน้อเจ้า ไม่ต้องห่วงอันใด อยากเขียนเมื่อไร ก็เขียนมาได้เลยครับ 35 คุณโอเลี้ยง(ญามี่) ที่น้องมี่เขียนมานี้ เป็นกระทู้ตามกลบท ชลาสังวาลย์ มองเห็นครับว่าเขียนด้วยความตั้งใจทีเดียว ทั้งสองบทเขียนเอกโทพอดีตรงตามฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ บทแรกสลับที่เอกโทไว้เป็นตัวอย่างให้ ขอถือโอกาสบอกไว้ เผื่อท่านที่ไม่ทราบ ว่าโคลงที่เขียนตรงตามฉันทลักษณ์พอดี เรียกว่า โคลงแม่บท บางท่านก็นิยมเรียกว่า โคลงแบบ สำหรับสองบทนี้อ่านได้สบายๆและลื่นไหลทีเดียว ขอบคุณมากครับ
14 กุมภาพันธ์ 2553 12:11 น. - comment id 1099565
พี่อย่าเพ่อรำคาญนะคะที่มาแปะโคลงฝากไว้อีกแระ พอดีโคลงเก่ามันยังไม่ได้ดังใจ เลยเอาบทใหม่มาให้ดูค่ะ (ทำกับข้าวเสร็จมีเวลาว่างมากเลยสมองแล่นอีกแระ อิอิ) บังคับคำต้นเป็นเสียงเดียวกันตั้งแต่คำที่ ๔ เป็นต้นไป ดังนี้ค่ะ นางคอยใจเหว่ว้า...............หวามไหว มองลูกเปลแกว่งไกว..........กล่อมแก้ว น้ำตาหยดรดไหล...............รินร่วง เคยคู่กลับคลาดแคล้ว.........ครั่นคร้ามครางครวญ
14 กุมภาพันธ์ 2553 12:57 น. - comment id 1099587
จิ้นเอาโคลงตรีวิริศมาหรามาฝากอีกบทค่ะ (กินอิ่มแล้วสมองแล่นอีกรอบ อิอิ) พอดีคำนี้มันแวบเข้ามาเลยเอามาลองแต่งเล่นค่ะ ไม่ได้ว่าใครนะคะ แหะๆ เอาบ้านพี่เป็นฐานทัพโคลงซะเลย (ฝากตรวจว่ามีอะไรผิดบังคับหรือเปล่าด้วยนะคะ ขอบคุณงามๆ เจ้า) มัก คิดมักหมกมุ่น......มักหวัง ใหญ่ ต่อใหญ่ก็ยัง........ใหญ่ได้ ใฝ่ ฝันใฝ่ฝากฝัง.......ใฝ่เติบ- โตนา สูง ยิ่งสูงเสียวไส้.......สูงล้ำหล่นผล็อย
15 กุมภาพันธ์ 2553 20:02 น. - comment id 1100293
แหะๆ จิ้นอ่านไม่หมดอะค่ะ นิสัยชอบอ่านข้ามไปข้ามมานี่แก้ไม่หายซะที คห.๓๖ นั้นตั้งใจจะซ้ำเสียงพยัญชนะ แต่อารามรีบ(จะไปล้างจาน)เลยเขียนไว้ไม่ชัดเจนค่ะ ซ้ำเสียงต้น เช่น ซ - ส - ทร(ทราบ) - ศ, ว - หว, ล - ร - ฤ - ฦ เรื่องตั้งชื่อจิ้นไม่ค่อยสามารถหรอกค่ะ แค่คิดว่ากลบทนี้เหมือนไปแอ่วทุ่งบัวตอง มี "บุปผชาติดาษดา" เต็มดอย ประมาณนั้นค่ะ คห.๓๗ เพียงแวบเข้ามา ไม่ทันคิดเอกโท แหะๆ ก็ปล่อยมันไปเถิดค่ะ แก้ไขไม่ออกค่ะ
15 กุมภาพันธ์ 2553 22:08 น. - comment id 1100368
39 คุณvirismara ชื่อ "บุปผชาติดาษดา" ก็ดีนะ เห็นด้วยครับ มักใหญ่ใฝ่สูง ก็มองเห็นทางแก้แผลงๆ มักใหญ่แต่ใฝ่ต่ำ นี่มันจะเป็นยังไงนะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 09:39 น. - comment id 1100497
จิ้นขอแก้ไขบาทสี่ค่ะ (ความไม่หนีจากเดิมเท่าไหร่ คริคริ) กลบทนี้บังคับบาทสองและบาทสี่ต้องขึ้นต้นเป็นคำเอก ก็เลยคิดได้เท่านี้ค่ะ อิอิ มัก คิดมักหมกมุ่น......มักหวัง ใหญ่ ต่อใหญ่ก็ยัง........ใหญ่ได้ ใฝ่ ฝันใฝ่ฝากฝัง.......ใฝ่เติบ- โตนา สุด โต่งสุดเสียวไส้.....สุดสู้ตะกายฝัน ต้องมาแก้จนได้ ไม่นั้นมันไม่แล้วใจค่ะ คริคริ
16 กุมภาพันธ์ 2553 09:50 น. - comment id 1100515
มัก คิดมักหมกมุ่น......มักหวัง ใหญ่ กว่าใหญ่แลยัง.....ใหญ่ได้ ใฝ่ ฝัน ใฝ่ฝากฝัง.......ใฝ่เติบ- โตนา สุด โต่งสุดเสียวไส้.......สุดรู้ถูกสอย แก้อีกทีค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 10:14 น. - comment id 1100577
41-42 คุณvirismara มาแก้ไขให้แล้วจนได้ ทั้งหมดอยู่ที่ใจเท่านั้นเอง กลบทนี้ คำซ้ำที่ใช้ในบาท ๒-๓-๔ ต้องเป็นคำเอก แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องระบุไว้ ด้วยฉันทลักษณ์จะบังคับให้เป็นเช่นนั้น
17 กุมภาพันธ์ 2553 09:02 น. - comment id 1101040
กอด นึกกอดพรอดแก้ม....กอดนวล จาก จิตจากรัญจวน...........จากเจ้า หาก คิดหากคืนหวน.........หากห่อน รู้เฮย รัก รุ่มรักลวงเร้า............รักเศร้าสุมทรวง มาฝากไว้อีกบทค่ะ
17 กุมภาพันธ์ 2553 21:29 น. - comment id 1101418
44 อ่านกลบทนี้ที่แต่งมาทั้งสามบท เหมือนโคลงที่มีท่วงทำนองจังหวะ ยิ่งมองยิ่งดีครับ