นั่งหงอยเหงาเปล่ากายเดียวดายหม่น น้ำตาหล่นบ่นเพ้อพร่ำรำพันหมอง เหลียวหาใครปลอบใจถามยามร่ำร้อง ไร้คนมองนองน้ำตาอุราตรม มองต้นไม้ใบหญ้าป่าเงียบงัน ตวงตะวันพลันลับฟ้าพาขื่นขม ภูเขาใหญ่ไยชาเฉยเลยระทม ใจระบมชมฟ้าเมื่อราตรี จันทร์ค่อยเคลื่อนเลื่อนช้าช้าสุดฟ้าขอบ ดาวล้อมกรอบคล้ายปลอบจันทร์รับขวัญพี่ ทิ้งฉันเหงาเศร้าคนเดียวเปลี่ยวชีวี คล้ายโลกนี้มีเพียงเราเผ้าท้อทน แสงจันทร์ส่องท้องน้ำใสให้เหหัก เห็นดวงพักตร์ถักทอเงาดูเศร้าหม่น น้ำตาแซมแก้มสองข้างอ้างว้างตน ตาแดงข้นปนเลือดคล้ายสายน้ำตา หรือเพียงเงาเท่านั้นมันเป็นเพื่อน ที่ดูเหมือนไม่เลื่อนจากหากมองหา ยามร้องไห้ใจช้ำระกำมา เมื่อไร้ค่าล้าอ่อนแรงจะแข่งใคร เพราะในยามไม่มีใครได้เคียงข้าง ยามอ้างว้างว่างเปล่าเหงาหวั่นไหว หากรู้สึกลึกร้าวหนาวหัวใจ เก็บซ่อนไว้ให้แค้นคั่งเมื่อพังเพ อย่างน้อยน้อยยามหงอยเศร้าเราหม่นไหม้ ร่วมร้องไห้ไม่หนีช้ำทำแสร้งเส ยามที่ทุกข์ปลุกโศกนั้นวันรวนเร ยังหักเหมาเห่ก้องร้องด้วยกัน นั่งเหงาหงอยปล่อยน้ำตามารินหลั่ง เงาก็ยังนั่งตรงหน้าพาโศกศัลย์ ความเจ็บปวดรวดร้าวกายมากมายนั้น เงาของฉันมันร้องด้วยช่วยช้ำตรม
6 มิถุนายน 2552 16:00 น. - comment id 995952
ก็มันเหงา.. ...เศร้าคนเดียวนี่นา...
6 มิถุนายน 2552 17:35 น. - comment id 995995
ขอมานั่งเป้นเพื่อนยามเธอเหงา หากเธอเศร้าขอเช็ดน้ำตาให้ พอหายเหงามีรอยยิ้มที่พิมพ์ใจ ฉันจะไปจากเธอไม่ต้องกลัว
6 มิถุนายน 2552 18:18 น. - comment id 996021
ไม่ได้เหงาคนเดียวหรอกค่ะ ตะแหง่วเองก็เหงา
7 มิถุนายน 2552 22:39 น. - comment id 996486
มานั่งข้างปล่อยใจให้คลายเหงา จงเลิกเศร้าเถิดหนาอย่าหวั่นไหว ยังมีฉันเคียงข้างไม่ร้างไกล บอกเธอไว้ยังไงยังมีกัน แหมแวะไปหาของกินนิดเดียว นั่งเหงาแล้วหรือ มาแล้วจ้า เลิกเหงาได้แล้ว