แรกรัก เขาว่าน้ำต้มผักหวาน โลกเบิกบานสีชมพูดูสดใส พะเน้าพะนอคลอเคลียไม่ห่างไกล ประสงค์ใดก็จัดสรรบันดาลดล ระหว่างรัก อบอุ่นนักเอาใจใส่ จะไปไหนตามใจทุแห่งหน ให้เกียรติกันดูแลกันประมาณตน ไม่พร่ำบ่นเหตุผลยังต่างมี เริ่มหน่ายรัก เริ่มชักไม่เข้าท่า ปลีกเวลาเหมือนว่าอยากถอยหนี ทั้งข้ออ้างต่าง ๆ ประดามี หากไมตรียังยื่นคืนต่อกัน เบื่อรัก เอะชักทนไม่ไหว ทำอะไรก็ขัดใจไปทั้งนั้น หันหลังปึงปังดังไม่ผูกพัน แต่ละวันก็คุยกันน้อยลง หมดรัก เหลือสิ่งใดชักดึงไว้ เมื่อเยื่อใยแห้งกรังไปเป็นผุยผง อยู่กันไปก็รู้ใจอย่างปลง ๆ เพราะมันคงจบลงแค่เลิกลา
15 พฤศจิกายน 2551 21:30 น. - comment id 696978
"ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน " เป็นสัจธรรมเลยค่ะ
15 พฤศจิกายน 2551 12:57 น. - comment id 827880
ระหว่างทางเดินของความรัก อย่าลืมสะพายเป้ที่บรรจุคำว่า "ให้อภัย"ไปด้วย แวะดอมดมดอกไม้หอม และชิมรสหวานของเกสร เก็บไว้และจดจำ ยามร้างได้มีเวลานึกถึง แวะมาทักทายค่ะ
14 พฤศจิกายน 2551 10:47 น. - comment id 913807
แรกแรกพบคบหาเจอหน้าบ่อย เฝ้ามาคอยคุยทุกวันจนฝันหา หลอกให้รักให้ปลื้มกลับลืมลา จนน้ำตาเอ่อนองสองแก้มนวล
14 พฤศจิกายน 2551 14:06 น. - comment id 913869
แวะมาเยี่ยมและอ่านกลอนค่ะ เป็นสัจธะรมจริงๆนะคะ ยามรักน้ำต้มผักก็บอกว่าหวาน
14 พฤศจิกายน 2551 16:08 น. - comment id 913907
เส้นทางแห่งรัก มีทั้งสุขและทุกข์ ผสมปนเปกันไปเนาะ ตราบใดที่หัวใจยังทนไหวก็ต้องเรียนรู้กันไปให้ยืนยาว
14 พฤศจิกายน 2551 22:20 น. - comment id 913995
เมื่อแรกรักผักต้มชมว่าหวาน มิยืนกรานยึดมั่นฟันธงว่า ละทิ้งยศกฏร้างล้างอัตตา เพียงรู้ว่ามีรักสลักทรวง
15 พฤศจิกายน 2551 02:17 น. - comment id 914035
แรกรักน้ำผักหวาน อยู่นานนานซ่านความขม แรกรักจักไม่ตรม แต่ปลายซมห่มด้วยไฟ จริงแท้นะแม่เจ้า คุณสายลมเดือนตุลาอย่าขมล่ะ น่าจะหวานทีเดียว