ไล่ลมครวญรวนนิ้วพลิ้วขลุ่ยร่าย กล่อมโศกเร้นดาราราย ณ คืนเหงา ม่านเมฆคล้อยลอยเคลื่อนเลือนบังเงา วิเวกเศร้าขลุ่ยคร่ำรำพันครวญ โลกเอย ... สิหวังเชยใดชื่นมิคืนหวน ที่หาโหยโดยสบในทบทวน คือความรวนเร่รนแห่งหนใจ ร้าว....วังเวง ... ท่ามเสียงขลุ่ยบรรเลงระโหยไห้ แลห้วงกาลผ่านคล้อยฝากรอยใด เป็นสำนึกตรึกในชีวิตดล จึงโดดเดี่ยวเปลี่ยวร้างอยู่กลางห้วง ท่ามกระแสกาลล่วงผันผ่านหน เฝ้าโหยหาอันใดในสกล จากเกิดดับลับวนว่ายชีวิต ไล่ลมครวญรวนนิ้วพลิ้วขลุ่ยร่าย เห่กล่อมความเป็นตายอันสถิต ม่านเมฆคล้อยลอยเคลื่อนบังเดือนมิด วิเวกทางร้างทิศแล้วหรือไร .... ? ------------------------------------ ลานเทวา
6 มีนาคม 2551 08:07 น. - comment id 829567
6 มีนาคม 2551 14:28 น. - comment id 829627
อีกไม่ช้านาน ทุกคนก็จะได้ไปพบกัน ณ ที่นั้นค่ะ
7 มีนาคม 2551 02:43 น. - comment id 829782
พี่ค่ะ คือ....อ่านกลอนนี้ตอนตี 2. 47 อ่ะค่ะ.....วังเวงมากมายเลย แหะๆ วังเวง วังเวง วังเวง วังเวง วังเวง วังเวง วังเวง วังเวง !!!!!!!!! ซักวัน.....อาจได้พบคนบนฟ้าที่นั่น แล้วพบกันนะค่ะคนดี
7 มีนาคม 2551 09:58 น. - comment id 829849
อ่า...เสียงขลุ่ย