มองคลื่นพัด คลาเคล้า เข้าหาฝั่ง เสียงมันดัง ครืนครืน ฉันยืนฝัน สายลมพลิ้ว หวิวหวีด กรีดรำพัน ต้นสนสั่น โอนเอน ระเนนไป เสียงจักจั่น เรไร ระงมร้อง ดังกึกก้อง ทั่วดง พงไฉน หาดทรายขาว ช่างอร่าม งามเหลือใจ ทั้งน้ำใส เห็นปลาอยู่ ว่ายคู่กัน ตื่นภวังค์ ลืมตา เห็นฟ้าโล่ง จิตปลอดโปร่ง ทำให้ ใจสุขสันต์ ท้องนภา สีคราม ทั้งน้ำครัน ไม่มีวัน ลืมเลือน ย้ำเตือนจินต์ ยามราตรี มีจันทร์ อันนวลผ่อง มาสาดส่อง ท้องธาร ธาราสินธุ์ ได้อิงแอบ แนบเนื้อ เจือเพลงพิณ นั่งบนดิน ชมจันทร์ กันสองคน อยากจะร้อย ดวงดาว ที่พราวส่อง เอามาคล้อง ใจเจ้า เข้าสักหน เก็บเอาฟ้า สวยใส ให้หน้ามล เพื่อจักยล ยามพรอดรัก แหละพักใจ. 10 ตุลาคม 2549 เบรฟ
10 ตุลาคม 2549 15:33 น. - comment id 613472
เห็นทะเลสายลมและเกลียวคลื่น ยังซัดครืนสู่ฝังไม่ห่างหาย ระลอกคลื่นขาวพราวพรรณราย ไม่อาจหมายให้รักเธอกลับคืน เปรียบความรักของเราเหมือนจันทร์สาด กระทบหาดทรายขาวพร้อมเกลียวคลื่น พอซัดฝั่งแล้วยังเอากลับคืน พารักชื่นกลับช้ำทำอกตรม
10 ตุลาคม 2549 15:56 น. - comment id 613487
น้ำทะเล หาดทราย และชายหาด แสงเดือนสาด ส่องฟ้า น่าสุขสม ธรรมชาติ สร้างให้ ได้น่าชม ไยระทม แล้วโทษเจ้า ไม่เข้าที รักมลาย กลายสูญ อาดูรนั่น สิ้นความมั่น คงรัก จักหน่ายหนี อย่าไปโกรธ โทษจันทร์ นั้นมิดี ขอปราณี เถิดหนา อย่าว่าเลย
10 ตุลาคม 2549 15:57 น. - comment id 613488
หากทะเลเปรียบได้ดั่งความรัก ทำไมหนอใจเธอจักชอบหวั่นไหว เปรียบเกลียวคลื่นลื่นเล้าลมอยู่รำไป ไม่เคยหยุดรักใครๆได้เลย ...... ช่างแสนโลเลนักใจคน ช่างยกค้นความจริงสิ่งสัจไหน เหมือนทะเลยากหยั่งลึกสุดใจ ไม่รู้ว่าต้องเท่าไหนถึงพอแกใจของเธอ เฮ้อ.......อารมณ์ทะเลซะงั้น
10 ตุลาคม 2549 16:03 น. - comment id 613493
ทะเลกับสายลม อกคนช้ำ...กล้ำกลืน...ในคืนหนาว ทะเลร้าว....เจ็บนี้...มีใครเห็น อกสะท้าน..เพราะดื้อ...คือประเด็น มิอาจเร้น...โทษตัวเอง...ข่มเหงตน หากเป็นกรรม..ตามสนอง...ต้องหนาวจิต หักใจคิด..ลาลมไป.......แม้ใจหม่น ลมไม่จริง...สักครั้ง....จนกังวล ถึงรักล้น....ลาตรงนี้......ที่ทะเล!
10 ตุลาคม 2549 16:22 น. - comment id 613508
ตอบคุณเจน_จัดให้ ใจคนนั้นลึกล้ำกว่าทะเลอีกครับ
10 ตุลาคม 2549 16:25 น. - comment id 613510
คนเราเวลามีความสุขก็คิดถึงทะเล เวลามีความทุกข์ก็คิดถึงทะเลนะ ก็ดีเหมือนกันครับเอาความขมขื่นไปทิ้งทะเลให้หมดเลยนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
10 ตุลาคม 2549 16:50 น. - comment id 613522
ดีจ้า มาอ่านกลอนค่ะ แต่งได้ดีทีเดียวเลยนะค่ะ
11 ตุลาคม 2549 02:06 น. - comment id 613574
ทะเลสวยเม็ดทรายพลิ้วปลิวพัดไหว สายลมไกวดั่งบรรเลงเพลงผสาน ท่วงทำนองขับกล่อมก้องกังวาน ส่งเสียงหวานหวาบไหวแต่ไกลมา มีเปลือกหอยเรียงรายชายริมน้ำ เสียงคลื่นซ้ำถาโถมทับเข้าหา คลอเคลียเคล้าเย้าหยอกสุขอุรา ประดั่งว่า วิมานฝันฉันและเธอ จะเก็บภาพหวานนานสุดซึ้ง เพ้อรำพึงคงรักมั่นนิรันดร์เสมอ เหมือนทะเลภูผาอยู่คงได้เจอ ส่งเสียงเพ้อรักอยู่คู่กับเรา
11 ตุลาคม 2549 02:12 น. - comment id 613575
คุณโพลารีส... ขอบคุณสำหรับคำชมครับ หวังว่าโอกาสหน้าคงเข้ามาเยือน กระทู้ของผมอีกนะครับ
11 ตุลาคม 2549 02:26 น. - comment id 613576
ตอบคุณไว้ทโรส.... ทะเลงาม น้ำใส คลายใจโศก มองดูโลก สดใส กระไรหนา มิอาจลืม ปลื้มวัน ที่ผ่านมา นึกถึงครา ครั้งใด ให้สุขเอย
11 ตุลาคม 2549 02:39 น. - comment id 613577
ขอบคุณสำหรับบทกลอนนะครับ คุณเพียงสายลม โอกาสหน้าคงได้เข้ามาร่วมแชร์บทกลอนกันอีกนะครับ
10 ตุลาคม 2549 19:32 น. - comment id 613627
ยินเสียงคลื่น..โถมซัด..หาดทรายขาว ละอองพราว..ระยิบระยับ..จับใจฉัน สายลมพลิ้ว..กรรโชกพัด..น่าอัศจรรย์ ทิวสนนั้น..เอนอ่อนลู่..ดูงดงาม เสียงหรีดหริ่ง..เรไร..ระงมก้อง ร่ายร่ำร้อง..บรรเลง..เพลงหวานฉ่ำ ทะเลครวญ..กรีดร้อง..ทำนองตาม ช่างเลิศล้ำ..เลอค่า..คราได้ยล โอ้ท้องฟ้า..หาดทราย..และสายน้ำ แสนงดงาม..อร่ามตา..คราหลังฝน ทะเลใส..เห็นตัวปลา..แหวกว่ายวน สุขเหลือล้น..เกินจินตนา..พาสุขใจ มิอาจลืม..ความงาม..ในยามนี้ ด้วยมีพี่..อยู่เคียงข้าง..ไม่ห่างหาย ยามราตรี..แสงจันทร์นวล..ยวนเย้าใจ ได้อิงแอบ..แนบกาย..ใต้แสงจันทร์ สุดจะหา..คำใดเลย..มาเอ่ยอ้าง หรือสรรค์สร้าง..พจนา..มากล่าวขาน ดุจสวรรค์..บนดิน..ก็มิปาน สองเรานั้น..สราญใจ..ไม่อาจลืม... กลอนพาไปน่ะ..อิ..อิ..
2 กุมภาพันธ์ 2550 15:50 น. - comment id 652011
ถ้าพี่ยืนข้างทะเลใจ พี่จะไม่เห็นแค่ทะเลหรอกนะ จะเห็นกองขนมที่ทะเลใจขนมาด้วยอีกหลายลำเรือเชียวค่ะ อิ อิ