ลิลิต อโยธยา 3
ม้าก้านกล้วย
สุคติเถิดวิญญาณ จงเสพย์วิมาน สถิตย์สถานอันสม
ร่างบรรพะจะบรรทม อย่างรื่นอย่างรมณ์ ในร่มสุขาวดี
อโยธยาธานี จะเป็นฉะนี้ ไปกี่ร้อยพันเวลา
จะยังเป็นราชปุรา อยุธยา คือเมืองแห่งความทรงจำ
ธานีที่สาปสูญ ให้อาดูรเกินจะกลั้น
เพ้อพาน้ำตากลั่น ด้วยว่าหวั่นคละครั่นใจ
ระทึกยามศึกศก จิตตระหนกตะเลงไล่
ร่ำร่ำโลหิตไท ที่สาดใส่ทั้งพารา
บุกเข้าเผากำแพง ศาสตราแทงโถมข่มฆ่า
ล้างอโยธยา พันธนาเชลยชน
องค์พระประติมา มันล่าไล่เอาไฟลน
ลอกทองสนองสนธิ์ แล้วก็ขนไปสังเวย
บุรีมลั่งเรือง จึงขัดเคืองแค่ลงเอย
ร้อยหวายขายเชลย เมืองที่เคยเทียมวิมาน
ลงกองเป็นอิฐกร่อน คุควันร้อนรนละหาน
ซากวังทรงสถาน เป็นเถ้าถ่านตะกอนกอง
ปืนใหญ่กระหน่ำยิง ว้าวุ่นวิ่งตะโกนก้อง
พลัดพ่อพรากพี่น้อง แม้ลูกหลานก็ผลาญพล่า
จนไร้ราชารัฐ เอกทัศน์ที่ร้างรา
กลับกลบลบพารา ซ่อนในป่าพุทราหนาม
เลือนลางจนจางหาย นครไทยกลายโทรมทราม
ปุจฉาที่โถมถาม ใครจะตามมาตอบเติม
นครที่วิไล แต่แล้วใยไร้ฮึกเหิม
มิต่อกรเผดิม ปราบริปูผู้รุกราน
แม้นเหตุที่เกิดนั้น อยู่ในปัจจุบันกาล
จะมีใครใจหาญ ขึ้นต่อต้านดำรงไทย
ข้าน้อยเพียงหนึ่งนี้ ขอตั้งปณิธานไว้
รุกรานมาเมื่อไร หนึ่งศพขวางทางเดินทัพ
(ม้าก้านกล้วย)