ไม่อยากตื่นขึ้นมา อ่อนล้าหลงทาง ไม่อาจเดินเคียงข้าง แม้แต่เขาเงาข้า ถูกฝูงแร้งรุมทึ้ง แมลงหวี่ตอมหึ่งตามหน้า เก็บตัวอยู่ใต้กะลา สรรพเสียงภายนอกล้งเล้ง ไม่สามารถเขียนหนังสือ ไม่สามารถวางมือจากความเครียดเคร่ง โลกภายในเหวงโหวงโคลงเคลง นอนรอความตายในแต่ละวัน นอนรอความตายไปวันวัน เจ้านกน้อยอยากบินออกไป อยู่ในกรงเหงาจับใจไหวหวั่น ทดลองกระพือปีกที่ไม่ได้ใช้งานมานานพลัน คอยเพียงปาฏิหาริย์ประตูกรงเปิด คอยเพียงปาฏิหาริย์ประตูกรงเปิด เขามาแล้ว งัวเงียเชียว เขาเอ่ยปากคุยกับข้าเหมือนเคย "ว่าไงนกน้อย ขันให้ฟังหน่อยซิ" เฉย "วันนี้เป็นอะไรไปล่ะ เมื่อคืนฝันร้ายล่ะสิ" เฉย "เจ้าอยากบินออกไปข้างนอกนั่นเหรอ" ยังเฉย แต่เอี้ยวคอมามองหน้าแล้วเมิน "ก็ได้นกน้อย แต่..." หันกลับไปจ้องตาเขาอีก ในดวงตาเขามีอะไรแปลก ๆเหมือนกับในดวงตาข้ามี เห็นแล้วอยากจิกแฮะ "....ข้าจะไปด้วย! " นี่หูข้าฝาดไปป่ะ เขาหายไปข้างในครู่หนึ่งแล้วออกมาพร้อมกับสัมภาระพะรุงพะรัง ในขณะที่ข้ามีเพียงตัวเปล่าและปีก ความไม่มั่นใจกลับมาอีกแล้ว จะบินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่ได้ใช้งานปีกคู่นี้เลย ข้าหันไปมองเขาราวกับชะโงกหน้าเห็นเงาตัวเองในน้ำ สภาพของเขาก็ย่ำแย่ไปไม่ต่างกับข้า แววตาแทบจะไม่มีประกาย เขากำลังเปิดประตูกรง มือเขาสั่น หัวใจเขาก็คงสั่น "ไปกันเถอะ" ข้าเดินไปยืนสูดสายลมแห่งอิสระภาพอยู่ที่ปากประตู รู้สึกหวิว ๆ เอาล่ะนะปีก พร้อมหรือยัง ข้าจะขยับเจ้าล่ะ โอ ไม่ พั่บ ๆ ๆ ตุ้บ! อูยย "นกน้อย!เด็กดี เจ้าบินได้ข้ารู้" เขาก้มลงอุ้มข้าขึ้นมาแนบอกลูบปีกข้าไปมา อบอุ่นเหลือเกิน ข้าไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว เหมือนข้ายังอยู่ในไข่และความอบอุ่นของแม่แผ่ผ่านเปลือกบางๆเข้ามา "เราจะไปไหนกันดี..หือ..นกน้อย" ข้าโผเผขึ้นฟ้าอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้สำเร็จ สายลมช่วยพะยุงทุลักทุเล ข้าบินได้อย่างกระท่อนกระแท่นตุปัดตุเป๋ไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้หนึ่งหอบแฮ่ก ๆ เขาเงยหน้าหมองหม่นมองเหม่อ "นำทางข้าสินกน้อย นำทางข้า " บ้าจัง คนจะเดินทางกับนกได้ไง เฮ้อ แค่คิดก็กลุ้มแล้ว เขาคงไม่รู้กระมังว่าเข็มนาฬิกาในโลกของข้ากระดิกเร็วกว่า ปีกของข้าเร็วกว่าขาของเขา และโลกของข้าไร้พรมแดน ข้าบินไปเกาะบนหัวไหล่เขาจิกไปที่แก้มเบา ๆ ภาพวันคืนที่ผ่านมาพรั่งพรู เขาเองก็อยู่ในกรงมาตลอดกรงที่เขาสร้างขึ้นกักขังตัวเองกรงที่มองไม่เห็น ไม่รู้นกจะน้ำตาไหลได้หรือเปล่าแต่น้ำตาข้ากำลังไหลอยู่เห็น ๆ ไหลรดไหล่เขาจนเปียกชุ่ม และแล้วปีกข้าก็เริ่มกระพือพาตัวข้าลอยลมลับหายไปทางทิศหนึ่งของฟ้า ข้าได้เลือกทางของตัวเองแล้ว ถัดจากนี้เป็นการเดินทาง ฟ้ากว้างเหลือเกินถ้าไม่ระวังข้าอาจจะทำได้แค่บินวนไปวนมา ข้าไม่แน่ใจจะมีโอกาสได้พบเขาอีกหรือเปล่า โลกกว้างเหลือเกิน ข้าบินไป น้ำตาไหลไป คอเริ่มแห้ง ท้องเริ่มร้อง คิดถึงเขาจัง คิดถึงกรงจังแต่ข้าจะไม่ถอยกลับไปอีกแล้ว และข้าภาวนาว่าเขาเองก็จะไม่ แม้จะยังไม่มีจุดหมาย และเส้นขอบฟ้ายังไกลเท่าเดิม ทะยานไปไหนหนอใครรออยู่ เสียงโลกกู่กังวานไกลในห้วงหาว ตกดึกนกเกาะกิ่งไม้เหม่อดูหมู่ดาว ขณะคนนอนหนาวกอดเงาแน่น. "สวัสดีดาว" ข้าพูดภาษานกกับดาว ข้าไม่รู้ดาวจะฟังภาษานกรู้เรื่องไหม "ข้าไม่ได้อยู่ในกรงนั่นแล้วท่านเห็นเปล่า ดาวเอย ข้ารู้ ยังมีกรงที่มองไม่เห็นที่ข้าต้องหาประตูทางออกให้พบเป็นการบ้าน ไม่ต้องยิ้มเยาะข้าหรอกดาวเอ๋ย ข้ารู้ท่านมองเห็นกรงนั้น และกำลังลุ้น.
15 กันยายน 2549 10:09 น. - comment id 606297
อ่านแล้ว..นึกถึงตัวเองได้ไงไม่รู้
16 กันยายน 2549 11:27 น. - comment id 606550
ในสายตาแห่งดวงดาว ระยับพราวตาเราเจ้าเห็นไหม ยิ้มล้อนายสหายเก่าจากเงาไพร แม้นอยู่ไกลใจชิดเพราะติตาม มาจิบน้ำชายามบ่ายด้วยกันสหาย กำลังหัดเขียนโคลง..หลุดผังไปเยอะ เลยโคลงเคลง ชอบกล
16 กันยายน 2549 11:29 น. - comment id 606552
ติดตาม....พิมพ์ผิดอีกแย้ว
16 กันยายน 2549 15:00 น. - comment id 606635
ในความรู้สึกของผู้หญิงไร้เงาแล้ว คนเรามักจะพันธะนาการตัวเอง โดยมีกรงคือกรอบและกฎต่าง ๆ อยู่เสมอ อยากจะเป็นอิสระจัง ทำไงดีหนอ อิอิ
18 กันยายน 2549 16:15 น. - comment id 607144
ขอบคุณดวงดาวของคุณนางฟ้า แต่ดาวทั้งร้อนทั้งแหลม ผมเอื้อมมือออกไปต้องรีบชักมือกลับมา โคลงไปเคลงมาประเดี๋ยวก็ล่ม แหะๆคุณร้อยแปดพันเก้าชงชามาให้ตั้งสองแก้วขอบคุณ ๆ คุณผู้หญิงไร้เงาอุตส่าห์แอบเงามานั่งคุยด้วย ถ้าไม่รังเกียจแบ่งน้ำชาไปกินสักถ้วย ! ขอโทษนะครับที่ไม่ค่อยได้คุยด้วยเลย