รื้อตัวมามองตน หาเหตุผลจากต้นปลาย ร่างแยกแตกสลาย แท้ความตายอาจไม่มี แยกตัวมามองตน ใช้เหตุผลทั้งชั่วดี ทุกขัง ขังทุกข์นี้ ไร้ความหมายไม่คงทน เรียนธรรมตามธรรมชาติ งามในง่ายไร้กังวล อัตตา ตัดหลุดพ้น ตัวแห่งตนหล่นกระจาย คือเห็น เป็นเช่นนั้น นิ่ง สงบงันกลบวุ่นวาย เคลื่อนไหวไร้ความหมาย ตายหรือเป็นเช่นนั้นเอง ความจริงยิ่งประจักษ์ เช่นความรักมักบรรเลง วาดหวังอาจคว้างเคว้ง สุขกับเศร้าฤๅเท่าเทียม มองตัวให้เห็นตน มองเหตุผลตนจัดเตรียม มองใจให้รู้เจียม ว่าความจริงฤๅสิ่งลวง รื้อตัวมามองตน เตือนกมลในทุกช่วง สุขแท้แต่ใหญ่หลวง ใช่สุขสุกไปตามนาม
6 เมษายน 2549 10:38 น. - comment id 570219
หาความไม่มีในความมี...อืม.. ..
6 เมษายน 2549 12:09 น. - comment id 570243
นิ่งลึกรู้สึกสติ พร้อมตรองตริทุกท่วงท่าม จะไหวเขยื้อนตาม สำรวมห้ามสังวรตน มิต้องรื้อมองลึก หยุดคิดนึกในทุกหน ปัญญาแจ่มจ้าจน เห็นเหตุผลบันดลกรรม. สวัสดีค่ะ คุณร้อยแปดพันเก้า : )
6 เมษายน 2549 13:36 น. - comment id 570255
รื้อตัวมามองตน ก้าวหลุดพ้นวัฎสงสาร เตรียมกาย-ใจทุกกาล ในวันวารมิพ้นตาย.....ฯ บทกลอนให้แนวคิดที่ดีมากค่ะ..สิ่งสำคัญ..เราไม่ควรประมาท..กับ..ความตาย...ต้องพิจารณาค่ะ...
6 เมษายน 2549 14:13 น. - comment id 570262
"มันเป็นเช่นนั้นเอง\" แวะมาแอ่วมาอ่าน ปีใหม่ม่วนใจ๋น้องปี๋ เล่นน้ำม่วนๆเน้อ
6 เมษายน 2549 16:04 น. - comment id 570296
สวัสดีครับ วันนี้ผมไปยืนอ่านหนังสือธรรมะ ( สมุดบันทึกของท่านพุทธทาส ) อยู่ร่วม 2 ชั่วโมง ที่ร้านหนังสือใหญ่ในจังหวัด (ในช่วงรอลูกเรียนเพิ่มเติมระหว่างปิดภาคเรียน) แหมสบายใจจริง ๆครับ เมื่อวานผมบอกลูกให้จดหัวข้อให้ ว่าถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเขียนเรื่อง ::อยากมีคนรู้จักเป็นนักเขียน:: แต่ว่ายังไม่มีพล็อตนะครับ ได้แต่หัวข้อ คุณร้อยแปดพันเก้าเขียนกลอนแนวนี้น่าอ่านครับ
6 เมษายน 2549 23:27 น. - comment id 570330
ไม่ค่อยเห็นที่จะมีใครรื้อตัวมามองตน แต่ละคน มักจะมองไปยังข้างหน้าเสมอ มองคนนั้น มองคนนี้ แล้วตัดสินวินิจฉัยกันไป ความจริง เรื่องของตน เป็นเรื่องที่ค้นหาเท่าไร ก็ยากค้นเจอ ทำไมถึงบอกว่า ยากค้นเจอ .. ตอบ .. เพราะพวกเขาไม่คิดจะค้นหา ต่างหาก อัลมิตรานึกถึงใครคนหนึ่ง คุณต้องคุ้นเคยแน่เลย คนนั้น .. พยายามหาเกจิอาจารย์ดัง ๆ เพื่อช่วยเหลือตนเอง พยายามแสวงหา ในที่สุด เขาก็ค้นพบว่า .. เขาต้องมองตนเองเท่านั้น สาธุ ค่ะ กับงานเขียนดี ๆ
7 เมษายน 2549 09:59 น. - comment id 570371
สวัสดีครับ..คุณกุ้งหนามแดง มูลเหตุที่ทำให้เขียนงานชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะอ่านหนังสือที่ ขงจื๊อ สอนลุกศิษย์น่ะครับ คือคำสอนที่ว่า คนทุกคนสามารถเป็นครูของท่านได้อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง รวมทั้งลูกศิษย์ของท่านก็เป็นครูของท่านได้ มนุษย์ตกอยู่ในความโง่เขลาของภูมิความรู้ตนเองเหมือนนิทานอีสปเรื่อง กบในกะลา เนื่องจากมนุษย์มีแค่ความรู้ จึงมักทำอะไรผิดพลาดอยู่เสมอ หรือมองในแง่ธรรมก็คือ มนษย์ไม่เคยมีปัญญา(Wisdom) มีแต่แค่ความรู้ (Knownledge) เท่านั้น แต่มนุษย์มักเข้าใจผิดคิดว่า ตนเองมีปัญญายิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่สิ่งที่มนุษย์มีนั้นคือ ความรู้ที่แสนจะน้อยนิด ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดของมนุษย์ก็เท่ากับหนึ่งในสามพันส่วนของเม็ดทรายเม็ดหนึ่งเท่านั้น ลองคิดดูสิว่า โลกของเรานี้มีเม็ดทรายอยู่กี่เม็ด วิทยาการหรือความรู้ที่ว่าก้าวหน้าของมนุษยชาตินั้นมีน้อนนิดเพียงใด หากจะนำมาเปรียบเทียบกับความรู้ในธรรมชาติ ผมมีความคิดแตกยอดออกไปว่า ผมติดกับเทคโนโลยีมากเกินไปหรือเปล่า ผมเคยมีเวลามามองตัวเองบ้างหรือเปล่า ผมใช้ชีวิตกับธรรมชาติมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน ผมแค่ถามตัวเอง ตั้งคำถามให้ตัวเอง และเริ่มมองจากตัวเองเป็นอันดับแรก ก็เท่านั้นครับ
7 เมษายน 2549 10:14 น. - comment id 570372
สวัสดีครับ..คุณหยาดอรุณ จิตตกต้องยกจิต ยามวิกฤติ จิตหลุดลอย สติ ตั้งไว้คอย ยากเป็นง่าย ร้ายบรรเทา ขอบคุณครับ ที่แวะมาคุยกันเสมอ
7 เมษายน 2549 10:28 น. - comment id 570375
สวัสดีครับ..คุณราชิกา ในวันอันแสนธรรมดา ใครเลยจะรู้ว่าเหตุการณ์ เลวร้ายจะเกิดขึ้นกับตัวเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ รุนแรง โหดร้าย และยากจะยอมรับ เหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้ทำให้เราเกิดความลังเลในชีวิต ท้อแท้ สิ้นหวัง เกิดคำถามว่า ทำไมเหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้จึงต้องเกิดขึ้นกับเรา เป็นคำถามที่ตอบยาก เพียงเราย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้น ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ทั้งนั้น เหตุการณ์เลวร้ายเป็นเพียงบททดสอบชีวิต การพานพบกับอุสรรคต่างๆ จะทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง แล้วเราจะพบทางออกที่ดี หากนำไปปฏิบัติคู่กับความไม่ประมาท แล้ววิกฤติจะกลายเป็นโอกาส ขอบคุณคุณราชิกาครับ ที่เข้ามาคุยกัน มาคุยกันเรื่อยๆ นะครับ
7 เมษายน 2549 10:57 น. - comment id 570377
สวัสดีครับ..พี่ก่อพงษ์ ช่วงนี้อ่านหนังสือธรรมะ ของพระเทพโสภณน่ะครับ เขียนอ่านง่ายๆ เก็บบ้านเพราะจะปีใหม่เมืองแล้ว หนังสือวางระเกะระกะ แต่ก็ยังไม่เรียบร้อย เพราะจับเล่มไหนก็ขลุกอ่านอยู่ เหมือนลืมไปว่าเคยมีเล่มนั้นเล่มนี้ เก็บไว้หลายที่เกิน แถวบ้านผมไม่มีร้านหนังสือครับ มีแต่แผงหนังสือทั่วไป นิตยสารรายวัน หนังสือให้เช่าก็หนักไปทางนิตยสาร ซึ่งผมก็อ่านอยู่หลายอย่าง ที่โปรดหน่อย ก็ GM เพราะอ่านหลายคอลัมน์ อย่างอื่นก็อ่านได้หมด ถ้ามีเวลา เมื่อวานได้หนังสือ \"อีกหนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทางของชีวิต\" ของคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา เป็นเส้นทางของผู้หญิงคนหนึ่ง ณ.จุดหักเลี้ยวของประวัติศาสตร์ อ่านแล้ววางไม่ลง มันคนละอารมณ์กับที่ผมอ่านเหตุการณ์ นองเลือด 16 ตุลา ที่มีอยู่ ผมเคยติดตามในแพรว แต่มักอ่านไม่ประติดประต่อ คิดว่า ต้องมีการรวมเล่มแน่ๆ แต่ค่อนข้างจะทิ้งห่างเหมือนกัน อยากไห้พี่ได้อ่านเหมือนกันครับ ถ้าพี่ว่าง หัวข้อ อยากมีคนรู้จักเป็นนักเขียน...ผมว่าน่าสนใจ น่าจะเป็นหัวข้อที่ผมน่าจะคิดมากกว่าครับ เพราะผมไม่ใช่นักเขียนน่ะครับ ยังไงก็จะรออ่านที่พี่เขียนก็แล้วกันครับ ผมเริ่มเขียนใหม่ ไม่ทราบเลยครับว่า ชอบเขียนอะไร แนวไหน ตอบยากกว่าการเลือกหนังสือที่ชอบ เพราะจริงๆ ตัวเองก็อ่านหนังสือได้เกือบทุกอย่างน่ะครับ ทั้งแปล ไม่แปล ขอแค่มีเวลาพอเท่านั้น ช่วงนี้ก็ลองเขียนไปเรื่อยๆ จริงๆ ชอบอ่านงานคนอื่นมากกว่าครับ มีความสุขดี ฝากคิดถึงน้องลมตะวัน กับ ปานตะเว็นนะครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ
7 เมษายน 2549 10:37 น. - comment id 570378
สวัสดีครับ..คุณไรไก่ ครับ..มันเป็นเช่นนั้นเอง สงกรานต์ปีนี้ สงสัยจะได้เฝ้าร้านน่ะครับ ให้คนจากที่อื่นเขาเที่ยวบ้านเราก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดจะไปไหน เพราะรถเยอะ กลัวอุบัติเหตุน่ะครับ ปีใหม่นี้ไปเล่นน้ำที่ไหนเอ่ย รอบคูเมืองก็สนุกดีนะครับ สนุกที่สุดแล้ว เมื่อเรียนอยู่ก็เล่นน้ำทั่วเชียงใหม่ อยู่หลังกระบะน่ะครับ สะบักสะบอม เดี๋ยวนี้ก็ดูเด็กๆ เล่นน้ำกัน เพลินดี เที่ยวให้สนุกๆ นะครับ เที่ยวเผื่อผมด้วยก็แล้วกัน
7 เมษายน 2549 11:14 น. - comment id 570379
สวัสดีครับ..คุณอัลมิตรา \"สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย\" จำได้ว่า อาจารย์ที่ภาควิชาย้ำใส่หูตลอดเวลา ย้ำจนจำขึ้นใจมาเดี๋ยวนี้ เหมือนสุภาษิตที่ว่า ลางเนื้อชอบลางยา น่ะครับ ผมเองก็ไม่ทราบว่า งานเขียนแนวไหน แบบไหนจะถูกตาถูกใจใคร บางทีมันเพิ่งเริ่ม และยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ทุกสิ่งมันเริ่มมองจากตัวเองก่อน และเริ่มมองรอบข้าง เมื่ออยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคม (แม้ว่าจะอยากหรือไม่อยากก็ตาม) เราก็ควรรู้ว่า สังคมนั้นเขาทำอะไร ทำยังไงถึงพอจะเข้ากับคนอื่นได้บ้าง สำคัญที่สุดควรมองตัวเองก่อนว่า เราต้องการอะไร เรามีอะไรที่พอจะแจกจ่ายให้ใครได้บ้าง ท้ายที่สุดคือความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เบียดเบียนคนอื่นทั้งกายและใจ งานที่ถ่ายทอดออกมาก็เป็นตัวเองซะส่วนใหญ่ ดูหลากหลาย อาจจะเพราะอ่านอะไรหลากหลาย ด้วยวัยมั้งครับ ที่น่าสนใจ คือ ไม่เคยมีเพื่อนเป็นนักเขียนแม้แต่คนเดียวครับ เลยต้องมาแอบอ่านงานเขา ขลุกอยู่กับตัวอักษรของเขาในหลายๆ ที่ เท่าที่เวลาจะอำนวย ไม่ทราบว่าที่กรุงเทพฯ ชวงสงกรานต์เขาเล่นน้ำที่ไหน ตรอกข้าวสาร ก็น่าจะสนุก ใกล้หยุดงานหลายวันแล้วครับ เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะครับ
7 เมษายน 2549 21:34 น. - comment id 570466
อัลมิตราไม่ได้ไปเยือนใครในช่วงสงกรานต์ที่บ้านต่างจังหวัด .. เพราะว่า อัลมิตราไม่มี.. สงกรานต์ที่มีช่วงวันหยุดยาวหลายวัน อัลมิตราอาจไม่ได้ไปไหนเลย คงอยู่ที่บ้าน.. และจัดชั้นหนังสือสักหน่อย เก็บหนังสือที่อ่านแล้วใส่ตู้ปิด นั่งอ่านหนังสือที่ชอบ เลือกหยิบซีดีหนังแอคชั่นมาดู ก็ไม่แน่ว่า ช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากงาน อัลมิตราอาจนั่งถอดความเพลงที่ชอบให้เสร็จเสียที ไม่ว่าจะเป็นเพลง how do i live with out you หรือ เพลง always .. อัลมิตราไม่มีกำหนดการว่าจะเดินทางไปไหน หรือแม้แต่จะไปเปียกน้ำที่ถนนข้าวสาร อยากให้เวลากับตัวเองมาก ๆ คิดเพียงเท่านี้ ค่ะ
7 เมษายน 2549 21:45 น. - comment id 570467
พักนี้...ต้องปลุกเตือนตัวเองอยู่บ่อยๆ เหมือนกันค่ะ
7 เมษายน 2549 23:18 น. - comment id 570479
รื้อตัวมามองตน หลีกให้พ้นใจหยาบกร้าน บ่มตัวให้พ้นมาร ที่มาผลาญตามราวี