ณ ริมฝั่งนทีสีทันดร ตะวันรอนเย็นย่ำใกล้ค่ำแล้ว ตรงขอบฟ้ามองเส้นไม่เห็นแนว พอสิ้นแววรวิลานภาลัย ราตรีนั้นมีเจ้าเนาว์แนบข้าง มิเกินห่างใต้แสงดาวพราวไสว ชี้ชวนชมดาราบนฟ้าไกล ละเลื่อมไหววิบวับงามจับตา ชิดเชยพักตร์แก้มนางพลางจุมพิต แนบสนิทห้วงสวาทปรารถนา ชื่นภิรมย์ใต้แสงแห่งจันทรา ดาวอิจฉาเดือนจ้องมองคู่เรา ลมสวาทโหมพัดสะบัดพลิ้ว สำเภาลิ่วกางใบวิ่งทิ้งอับเฉา ลมกระโชกบ้างก็ซัดพัดแผ่วเบา จนข้ามเข้าเวิ้งกว้างทางนที แล่นใกล้หินโสโครกก็โยกหลบ เลี้ยวตลบชักหางเสือเพื่อแล่นหนี เย้ทางซ้ายย้ายทางขวาไม่รอรี โดนเสียดสีเกือบตายวายชีวิน พระพายโหมพัดกระโดงเชือกโยงขาด เรือก็พาดขัดสันดอนชะง่อนหิน ระลอกคลื่นโถมถาธาราริน เรือก็ผินผงะลงในคงคา มีแต่พายด้ามน้อยต้องคอยจ้ำ ค่อยแจวลำกำปั่นหวั่นผวา เมื่อใดหนอถึงฝั่งพสุธา มิรอช้าเร่งจังหวะไม่ละวาง ดังพายุพิโรธแสนโกรธเกรี้ยวขึ้ง เสียงอื้ออึงลมซัดพัดเรือขวาง มองเห็นฝั่งลับลับแทบอับปาง พอลมร้างก็เสือกเสยเกยหาดทราย แต่ที่ฝั่งฝันวันนี้ไม่มีเจ้า แม้แต่เงาเลือนลางค่อยจางหาย ยังตราติดคิดถึงซึ้งมิคลาย คงจำไว้คืนสุดท้ายได้กอดเกย ธารน้ำตาพร่างพรูลงสู่พื้น โศกสะอื้นอาลัยใจเจ้าเอ๋ย สุดเหว่ว้าแก้วตามาละเลย ทำเมินเฉยแสร้งเสเล่ห์รักลวง จิตร่ำร้องโหยหวนจวนเจียนบ้า เมื่อศรัทธาภักดีที่แหนหวง แหลกสลายสิ้นรักที่ปักทรวง ใจทั้งดวงสลดโศกโศกา ชลนาเนืองนองทั้งสองแก้ม จิตเคยแจ่มกลับวิตกอกผวา เคยชิดเชยมิ่งขวัญกลัยา บัดนี้มาเหินห่างร้างแรมรอน ค่ำคืนเคยร่วมเตียงเคียงเขนย เป็นคู่เชยชิดชมสมสมร ราตรีนี้ไร้คู่คลออรชร ทนกอดหมอนสะอื้นหาด้วยอาลัย
16 มิถุนายน 2548 09:27 น. - comment id 431821
อ่านแล้วนึกถึงโขน ค่ะคุณเรไร
16 มิถุนายน 2548 09:29 น. - comment id 431825
อื้ออออออออฮือออออออ
16 มิถุนายน 2548 09:22 น. - comment id 480504
..อุปสรรคเยอะ แต่รอดตายมาได้..อัศจรรย์มากเลยลุง.. ..อิอิ..
16 มิถุนายน 2548 10:29 น. - comment id 480509
ภาพนี้เคยเห็นนะ ..:) ไม่ใช่ภาพประกอบกลอน อัลมิตราหมายถึง ภาพที่คุณบรรยายกลอน ค่ะ อั่นแน่ .. ขำ
16 มิถุนายน 2548 10:50 น. - comment id 480533
ว๊าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........เรไร.......
16 มิถุนายน 2548 11:32 น. - comment id 480553
นั่งเศร้าลำพัง ใจยังหวังเจ้ากลับมา
16 มิถุนายน 2548 12:00 น. - comment id 480580
บทที่หนึ่งถึงแปดของเบิร์นวีซีดีขายนะ..อิอิ..
16 มิถุนายน 2548 12:35 น. - comment id 480595
ที่แท้คุณพระเอกก็มีแค่พายด้ามน้อย สรรพคุณเท่านี้เองหรือครับ
16 มิถุนายน 2548 15:05 น. - comment id 480644
เหมือนจะกร้านพาลมาเจ็บและเหน็บหนาว พิศวาสคาวครานั้นกระสันหา เธอแต่งเติมเพิ่มโหยไห้ในอุรา เล่ห์มนต์ตราร่ายรักกระอักทรวง..*** อุ๊ย..เขียนอะไรออกไปหว่า ฮะ ฮะ ฮ่า สวัสดีค่ะ
16 มิถุนายน 2548 15:36 น. - comment id 480654
ปทุมถันพรรณรายหมายจับต้อง ช่างผุดผ่องต้องตาจักหาไหน ครั้นเอื้อมกรค้อนขวับประทับใจ ชวนหลงใหลเคลิบเคลิ้มลิงเริ่มลาม มหาสมุทรสุดลึกพิลึกนัก หินแตกหักถมไปไม่อาจถาม ใช้ขุนพลมวลกระบี่มีทั้งยาม แบกหินหามเหนื่อยจริงลิงอ่อนแรง ลึกเกินหยั่งนั่งเขย่งเล็งตาถลน ต้องสับสนปวดหัวจนตัวแสลง ใช้ถ่อค้ำลงสะบัดทะมัดทะแมง ซ้ายขวาแกล้งโยกสลับจับเข้ามุม เกิดอะไรขึ้นหนอ .. สะเทือนไปสามภพ
16 มิถุนายน 2548 23:52 น. - comment id 480768
...เหมือนเมฆบัง ทั้งหมด แต่สดใส แรงลมไล้ แผ่วผ่าน ซาบซ่านหนอ ถึงจะเหนื่อย เรื่อยไป ไม่รั้งรอ เหมือนเมฆขอ บังฟ้า ทุกราตรี... ..........รู้นะคิดอะไรอยู่............ สวัสดีครับ
19 มิถุนายน 2548 00:46 น. - comment id 481393
แวะมาเยี่ยมชม บทกลอนไพเราะมากคะ ภาพสวยจังเลย