โอ้ดวงชะตาชีวิต กาลเวลาหมุนเวียนผันเปลี่ยนชีวิต ล้วนลิขิตหนทางจัดสร้างสรรค์ สุขแลทุกข์คลุกเคล้ายากจำนรรจ์ สุดเสกสรรสร้างรักขอพักใจ ก่อกำเนิดเกิดมาในภพนี้ เหมือนดั่งมีเวรกรรมมิผ่องใส เข้าสอดแทรกแยกแยะเสียกระไร เป็นเหตุให้เวียนวนดั่งสนสะพาย นั่งนอนคิดจิตไปได้ประจักษ์ สิ่งที่รักมักนำมาชะตาสลาย ร่วมกับทุกข์ปลุกปั่นจนตาลาย แล้วทำลายรากฐานที่หมั่นเพียร โอ้อนาถวาสนามันมากำหนด หวังจะปลดลดลงจนปวดเศียร ยากจริงนะหยุดพักมักวนเวียน แสนเบียดเบียนเจียนใจสลายลง นึกถึงธรรมคำสอนของพุทธะ หวังชำระจิตนอกในเพื่อได้สรง วารีธรรมค้ำจุนหนุนปลดปลง เพื่อดำรงคงสร้างทางความดี อตฺถเสฏฺโฐบรรพชามาเตือนจิต ให้ได้คิดถึงทางระหว่างศรี อุปัชฌาย์มอบให้ในวลี เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวดวงหทัย กายของเราจงได้ให้ประเสริฐ สิ่งเลอเลิศด้วยตัวอย่ามัวสลาย จงพากเพียรเรียนไว้มิกลับกลาย แล้วค่อยทำลายกิเลสเศษงดงาม ความพะวงหลงไปในทุกเขต ให้สมเพชนิวรณ์ลงจงเกรงขาม เรื่องความรักราคะจะติดตาม จิตคงทรามไขว้คว้าหวังมาชม ชะตาชีวิตเอ๋ยเพียงพอขอแค่นี้ ที่เคยมีขอลาอย่าสะสม สัมพุทธะตั้งไว้เข้าในอารมณ์ พยายามบ่มสมสล้างกระจ่างฤดี. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
30 มกราคม 2548 13:20 น. - comment id 417000
อดึตกาลผ่านไปในวันก่อน มิอาจย้อนคืนหวนทวนจิตฝัน สร้างชีวิตจิตใสให้เร็วพลัน ปัจจุบันฝึกธรรมนำความดี....ฯ ชีวิตเราเกิดมาก็เท่านี้..พึงสร้างความดีไว้...และประพฤติปฎิบัติธรรม..เพื่อเป็น..อริยทรัพย์..ต่อไปในภพหน้า....แวะมาทักทายกันค่ะ...
30 มกราคม 2548 13:50 น. - comment id 417005
อดีตกาลผันเปลี่ยนเวียนเรื่องราว ผ่านร้อนหนาวอกร้าวแสนขื่นขม ชาติหน้าเกิดมาอย่ารักลอยลม เพียงชืนชมประเดี๋ยวจางจากไป ผมอ่านแล้วรู้สึกสะท้านใจ ที่หารักแล้วไม่มีต้องลาทางโลก ซึ้งใจดีครับ
30 มกราคม 2548 14:00 น. - comment id 417008
อดีดกาลผ่านพ้นวกวนเปลี่ยน ยังหมุนเวียนในความคิดจนจิตหวน บ้างสุขล้ำบ้างเจ็บลึกนึกคร่ำครวญ ร้าวรัญจวนเจ็บจงจำนำเป็นทาง รู้สึกว่าที่ผ่านมา บ้างเจ็บ บ้างสุข คลุ้กเคล้ากันไปครับ รู้เพียงวันนี้ทำให้ดีที่สุดก็พอ แวะมาเป็นกำลังใจให้นะครับ คำกลอนยังไพเราะเหมือนเดิม
30 มกราคม 2548 16:14 น. - comment id 417042
เส้นทางไกลทอดยาวในหนาวล่วง กลางริ้วรวงข้าวหลงจากดงไหน ตื่นมารับอมฤตรสหยาดหยดไพร กลางกลิ่นอายแดดใหม่ในรุ่งราง เป็นแดดอ่อนเหลืองอุ่นเคล้ากรุ่นหอม พร้อมกลิ่นอายพะยอมยามฟ้าสาง จากพลบค่ำบานพรายรายริมทาง สู่ดื่นดึกอ้างว้างกลางคืนคราว ได้ยินไหมเสียงเพรียกสำเหนียกนก ยามโผผกคืนคอนตอนสิ้นหนาว นอนละเมอสิ้นหวังกลางค่ำยาว จนรุ่งเช้าแดดอ่อนย้อมเรือนรัง จึงจรสู่เส้นทางระหว่างเนิน มาเพลิดเพลินรวงข้าวหลงไร้กรงขัง ที่ชูช่อล้อลมตรมตอซัง จนระฆังดังแว่วจากแนววัด แล้วแตกพรูหรู่ตรงสู่ดงโบสถ์ อันสันโดษเก่าคร่ำลำไผ่ดัด เพียงเสียงสวดแว่วเปรยลมโบยพัด สงบสงัดงดงามนิยามธรรม ข้าวก้นบาตรจึงหว่านไหวลงในดิน ต่างจิกกินเศษบุญอุ่นอิ่มหนำ อิ่มพระพุทธอิ่มสุขทุกกลืนคำ อิ่มลึกล้ำลำนำแผ่เมตตา ทุกชีวิตสามัญของวันนี้ คือเสรีเส้นทางต่างค้นหา เพื่อไปสู่อิสระแห่งวิญญาญ์ สู่ปรมัตถ์สัจจาพระนิพพาน ชีวิตน้อยหมุนเวียนรอยเกวียนกง ต่างจบลงกรงกลัดวัฏสงสาร แม้นไม่พ่ายสิ่งใดในดงมาร หากต้องแพ้สังขารอนิจจัง เมื่อแดดใหม่ทอแสงสู่แหล่งหล้า เถิดนกกาหากินอย่าสิ้นหวัง หากทุกอย่างสิ้นไปไม่จีรัง เพียงรับฟังธรรมะจากพระพุทธ เห็นไหมนั่นเส้นทางกลางท้องนา เมื่อบุปผาบานแต้มแย้มสายหยุด คือวิถีอันงดงามความวิมุตติ กลางประทุษสังคมนิยมเมือง ความหมายใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ ยามสะแบงบานคลี่ในฟ้าเหลือง ประสานเสียงสกุณาฟ้ารองเรือง สุขนองเนืองสถิตอยู่ห่อนรู้ร้าง เส้นทางไกลทอดยาวหนาวล่วงแล้ว อาทิตย์แก้วทออาบทาบแดนสาง ออกเดินสู่ทุ่งนาทองหมองหมอกพราง ตราบสุดทางแสนไกลเวไนยนา
30 มกราคม 2548 16:24 น. - comment id 417047
เมื่อทำผิดจิตเขลาเบาปัญญา ตรวนแห่งกรรมตามมาล้อมหน้าหลัง เมื่อทำถูกปลูกบุญหนุนพลัง หักกรงขังสังสารสราญพลัน วันนี้มาอ่านด้วยความรวดเร็วค่ะ สวัสดีค่ะคุณแก้วประเสริฐ เป็นบทกลอนที่ชวนให้คิดและสร้างจิตในทางบุญได้ดีทีเดียวค่ะ
30 มกราคม 2548 20:04 น. - comment id 417145
บรรพชา คือทางปราศจากธุลี อิอิ แต่เมกขอเดินตามทางฆราวาสธรรมนะครับ +-*-+ +-*-+-*- ปู๊ชายอารมดี๊ดี -*-+-*-+ +-*-+
30 มกราคม 2548 20:15 น. - comment id 417165
ดวงชะตา..ชีวิต..ลิขิตยาก เรื่องหลายหลาก..ปะปน..จนเวียนหัว มีดีร้าย..ขึ้นลง..จงทำตัว อย่าไปกลัว..ชะตากรรม..ต้องทำใจ ......................................................... .........................................................
30 มกราคม 2548 20:44 น. - comment id 417200
อิ อิ แต่งเพราะ ๆกันทั้งนั้นเลย อิ อิ...
30 มกราคม 2548 23:05 น. - comment id 417320
กาลเวลาหมุนเวียนมาเปลี่ยนผัน ทำให้ฉันรู้สึกถึงความหมาย ว่าชีวิตเรานี้นั้นมันก่อกาย แล้วสลายตามกาลและเวลา *-*แต่งได้ดีค่ะ*-*
31 มกราคม 2548 00:41 น. - comment id 417383
อันยศศักดิ์อัครฐานตระการทรัพย์ หาใช่รับประกันถึงนิสัย ตระกูลวงศ์พงศ์เผ่าจากเหง้าใด ก็มิใช่วัดคุณค่าว่าเป็นคน ทรัพย์สมบัติมากล้นปรนเปรอให้ ก็เป็นเพียงเครื่องไร้ความขัดสน หากศีลทานราญบิ่นสิ้นกมล คำว่าคนก็หมดค่าราคาบุญ อยู่ตรงไหนในความเป็นมนุษย์ ที่สูงสุดปัญญาพาอุดหนุน คือเมตตาอารีมีค่าคุณ รู้จักบุญจักบาปทราบเรื่องกรรม แม้นต่ำต้อยด้อยยศลดสรรเสริญ ก็มีสิทธิจำเริญความเลิศล้ำ ให้มีค่าควรคนบนรอยกรรม เพื่อสร้างธรรมสร้างทานสานความดี มาร่วมงานกุศลด้วยค่ะคุณแก้วประเสริฐ
31 มกราคม 2548 09:20 น. - comment id 417479
มาอ่านงานดีๆค่ะ แต่แต่งแจมไม่เป็นนะคะ
31 มกราคม 2548 11:59 น. - comment id 417528
หงิ ..... นู๋กะมาอ่านนะคะคุณลุง แต่ม่ายแจมค่ะ ..... เพราะเด๋วม่ายรอด...อิอิ คิดถุงน๊าค่า ...
31 มกราคม 2548 13:04 น. - comment id 417590
กรรมใดใครก่อก็ต้องรับ กรรมนั้นจะติดตามไปทุกที ต่อให้เจ้าวิ่งหนี้ไกลในชาตินี้ ชาติหน้าที่ยังมีก็ต้องได้ชดใช้กรรม มาติดตามอ่านกวีธรรมของคุณแก้วประเสริฐค่ะ...........ไพเพราะและงามในความหมายเสมอนะค่ะ.......
31 มกราคม 2548 15:40 น. - comment id 417714
คุณ ราชิกา ขอขอบคุณแฝดเพื่อนในบทกลอนแสนจะไพเราะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:41 น. - comment id 417715
คุณ แม่จิตร ขอขอบคุณบทกลอนอ้นแสนไพเราะครับ นี่แหละชีวิตของคนเรานะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:44 น. - comment id 417718
คุณ ผลิใบสู่วัยกล้า ขอขอบคุณบทกลอนที่ไพเราะมากครับ สิ่งทุกข์สุขคือวิถีชีวิตของมนุษย์เราทุกผู้นามครับ พูดถึงแล้วเหนื่อยหน่ายจริงๆนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:46 น. - comment id 417720
คุณ ลำน้ำน่าน ขอขอบคุณ ยอดนักกวีชายคนนี้เสียจริงๆที่กรุณานำกลอนอันแสนสุดจะไพเราะมามอบให้ผม ซาบซึ้งตรึงใจมากครับ หากจะตอบเป็นกลอนแก่เพื่อนๆก็เกรงว่าจะเสียอรรถรสไปขอเป็นการตอบแบบร้อยแก้วดีกว่านะครับ ซึ้งใจมากครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:47 น. - comment id 417722
คุณ น้องกิ๊ฟ กลอนธรรมคุณสุดแสนจะเลอเลิศจริงๆครับ กินใจในความไพเราะและอรรถรสมากครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:48 น. - comment id 417723
คุณ เมกกะ ขอบคุณมากครับที่ช่วยแปลคำ บรรพชามาให้ทราบนะครับ หายไปเสียนานนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:50 น. - comment id 417724
คุณ magic ขอบคุณกลอนอันไพเราะมากครับ ผมขอตอบแบบร้อยแก้วนะครับคงไม่ว่ากัน แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:51 น. - comment id 417728
คุณ ลอยไปในสายลม นั่นซิครับผมเองก็ยังไม่กล้าจะตอบเป็นร้อยกรองเลยครับ จึงได้เพียงแค่ร้อยแก้วขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:52 น. - comment id 417729
คุณ ผู้หญิงไร้เงา ขอขอบคุณกลอนอันไพเราะของคุณมากครับ เป็นงานที่ผมสร้างมาจากใจทั้งสิ้นครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:55 น. - comment id 417734
คุณ พี่ดอกแก้ว เห็นกลอนคุณผมตะลึงเลยครับช่างถูกใจผมเสียจริงๆ จนอดรนทนมิได้ได้นำบางตอนของคุณมาตกแต่งเพิ่มเติมด้วยบทกลอนใหม่ของผมเสียมิได้แต่ผมได้ขออนุญาตไว้แล้วนะครับทางเมล์ ในบทกลอนใหม่ของผม คือ ดอกแก้วพลิ้วแพรวแก้วประเสริฐครับ หวังว่าคงจะมาเพิ่มเติมให้อีกนะครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:57 น. - comment id 417738
คุณ เพียงพลิ้ว ขอบคุณมากครับผมเองยังต้องมาร้อยแก้วเลยครับ อิอิ กลัวทำให้คนอื่นเสียอรรถรสไปครับ 555 เพราะผมยังล้าหลังมากครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 15:58 น. - comment id 417740
คุณ สาวดำ 555 เพียงเห็นเจ้าก็เฝ้าห่วงหวนหา.....อิอิ ตามสบายเลย...ขอบใจมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 16:00 น. - comment id 417745
คุณ แก้วนีดา กลอนคุณเป็นกลอนที่ให้ทั้งอรรถรสและความหมายได้ยอดเลยครับ ขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 มกราคม 2548 19:01 น. - comment id 417840
มาช้าไปหน่อยค่ะ.. ตอนนี้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ค่ะ ดวงชะตาชีวิตกำลังตกมังคะ อิ อิ คิดแบบทำใจค่ะ สจิตฺตปริโยทปนํ สะจิตตะปะริโยทะปะนัง ( อ่าน ) มั่นชำระจิตใจของตนให้ผ่องใส
31 มกราคม 2548 22:06 น. - comment id 417979
คุณ คนเมืองลิง ครับเป็นเหมือนๆกันหมดแหละครับ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงปรับแทบไม่ทัน เฮ้อ..นี่แหละชีวิตล่ะครับ ขอบคุณมากที่นำสิ่งดีดีมาลงไว้คนที่ได้อ่านจะซาบซึ้งยิ่งขึ้นครับ แก้วประเสริฐ.
2 กุมภาพันธ์ 2548 12:31 น. - comment id 418857
มาอ่านตามสาย ไม่ได้ทัน ล็อคอินค่ะ นี่แหละหนอชีวิต... ถ้ามีแต่สมบูรณ์แบบไปเสียหมดก็กระไรอยู่ เดี๋ยวฟ้าผ่าค่ะ... ถ้าไม่ทุกข์ ก็ไม่คิดแสวงหาทางที่จะพ้นทุกข์สินะคะ ...
3 กุมภาพันธ์ 2548 14:40 น. - comment id 419635
คุณ ฟา ครับเป็นเรื่องจริงของมนุษย์ทุกรูปนาม หากไม่มีทุกข์ทุกคนจะปล่อยเฉยไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น หากเกิดทุกข์เมื่อไหร่ก็จะพยายามแสวงหาสิ่งพ้นทุกข์ เป็นสัจจธรรมแน่นอนครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.