:::กลอน 12 เมื่อโลกแล้งรัก 1 :::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ทะเลไมตรี    ไม่ปล่อยน้ำใจ   ขึ้นไปบนฟ้า
กับไออาทร  นิ่งนอนเกินกว่า   จะก่อปุยขาว
ทั้งเมฆเยื่อใย  ไม่ยอมกลั่นตัว  แต่หลัวอยู่พราว
จึงความเอื้อเฟื้อ เหลือแต่ซากผ่าว ของความร้าวฉาน
ก็เพราะโลกแล้ง น้ำจิตน้ำใจ   ไม่มีใยรัก
กระแสกาลหนัก   ไปทางกำไร หัวใจคูณหาร
จะแบ่งก็กลัว  ว่าจะไม่ถัว   ผลดอกเคยบาน
จึงการเจือจาน  แสลงหัวใจ   ของใครทั้งแดน
เมื่อนั้นจึงหัน   หมายจับมือกัน  มาปันศรัทธา
แต่โลกร้อนกว่า  จะจับหัวใจ  ได้ถึงหมื่นแสน
เห็นแต่ขอบเขต  ของความเกลียดชัง  เป็นดังแก่นแกน
ของวิสัยคน  ในอมรแมน   เขตแคว้นสากล

อุดมคติ  ของวงของคน   เหมือนโรคพรางไข้
ด้วยศาสนา  นั้นพาณิชย์ไป  จนใจสับสน
กับถือศรัทธา  เข่นฆ่าต่างบาง  ที่ถือต่างตน
เสกเงินเป็นมนตร์ ขยายศรัทธา  บูชาถ้วนนัย
จึงสัตว์สองเท้า  ก้มลงหมอบคลาน  เป็นการจำยอม
นักพรตโซผอม  หากถือธรรมา  เป็นเครื่องอาศัย
สัตว์ผู้-เมียอวบ   อวดขายหลายส่ำ  หมายทำกำไร
เวิ้งแมนสมัย  รื่นเริงโลกีย์   ขุนกายขายกาม
 
เงาผลประโยชน์   แผ่ทิศบิดเบือน  เหมือนม่านมายา
ถ้อยอันมุสา  แต่งคำเกินไข   ซ่อนภัยชวนขาม
ใครค้นความหมาย  ภัยร้ายคอกขุก  เป็นมาคุกคาม
น้ำใจใดงาม ถูกหยามเป็นเขลา ดูเบาไมตรี


รู้จักความลับ  รหัสชีวิต  ปกปิดดัดแปลง
ซ่อนเลศอันแพง  หมายเพียงซ้อนภัย  ขายได้เต็มที่
ผูกขาดเพียงขาย  เพื่อนตายตนยัง  ไร้ความหวังดี
แสงดาวริบหรี่  อารีเร้นหาย  พ่ายภัยแปลงพันธุ์
หมายผลภาษี   ใดดีใดชั่ว  ถัวทั่วทบเข้า
ผลตกลูกเต้า  บ่รับผิดชอบ ขีดกรอบเอ่ยกั้น
ออกแบบกฎหมาย ค้าคนอย่างควาย  บ่อายพงษ์บรรพ์
ตีทะเบียนหยัน  เหยียดกันโดยนัย  กำไรดึงแรง
อำนาจโดนเหนี่ยว   เกี่ยวก้อยการบาป  รวมหยาบโลนถ่อย
ขื่อแปก็ปล่อย  ให้พวกอธรรม  พากันกำแหง
ตีฆ่าผู้คน   จนหนำหัวใจ  บาปไม่สำแดง
ใครจนจ่ายแพง  ใครรวยฉวยฟรี  ภาษีเลี่ยงลด
ช่องว่างถ่างกว้าง   ต่างชั้นชีวิต   ต่างสิทธิ์ต่างแถว
วาบฝันอันแพรว  แค่พร่ำคำโต  ถ้อยโถโป้ปด
ชนแล้งน้ำใจ  ในโลกฉลฉ้อ   เก่งทรยศ
ภาพอนาคต   นี่อยู่ไม่ไกล  เร่งไวโดยเรา
ทะเลไมตรี    ไม่ปล่อยน้ำใจ   ขึ้นไปบนฟ้า
อีกไออาทร  นิ่งนอนเกินกว่า   จะกล่อมมวลเก่า
ทั้งเมฆเยื่อใย  ไม่ยอมกลั่นตัว  เพียงหลัวเร้นเงา
จึงความเอื้อเฟื้อ เหลือร่องรอยเศร้า  น้ำใจเราจาง
ฯ
				
comments powered by Disqus
  • ทิกิ_tiki 4895 ไม่ลงทะเบียน

    3 ธันวาคม 2547 14:11 น. - comment id 382995

    อ่านแล้วสยองพองขน
    เห็นภาพตามที่เขียนเลยค่ะ
  • เพียงพลิ้ว

    3 ธันวาคม 2547 14:27 น. - comment id 383001

    น่ากลัวนะคะ
    
  • ชาติกานต์

    3 ธันวาคม 2547 15:07 น. - comment id 383024

    จริงด้วยค่ะ
  • ดาหลา & ปะการัง

    3 ธันวาคม 2547 15:59 น. - comment id 383060

    อื่ม.......พยายามอ่าน ให้ สย๋อง อย่างพี่ทิกิ ..........นะคะ
    
    แต่ ไม่รู้สิคะ.......อ่านแล้วแปลได้ แค่
    
    ว่า..............
    
    โลกไร้ความรักเอื้ออาทร...........แล้งน้ำใจ..........
    
    หล่ะ..............คุณเริด.........;(
  • tiki

    3 ธันวาคม 2547 17:26 น. - comment id 383111

    มาอ่านใหม่...
    งง กับสองบทใหม่ สีแดง
    มันไม่เกี่ยวอะไรกับภาพแล้งน้ำใจนั้นเลย
    งง แล้วค่ะ
    
    คราวนี้ไม่เข้าใจความหมายเลย ขอแปลด้วย
    แล้วกันค่ะ คุณ ก.พ. ถ้าแปลทันจะมาอ่าน
    แปลไม่ทันคงจะมาอ่านวันหลังนะคะ
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ธันวาคม 2547 17:36 น. - comment id 383116

    จริงหรือครับ
    แต่ผมคิดว่าคุณtikiแกล้งอำ
    
  • ดาหลา & ปะการัง

    3 ธันวาคม 2547 18:15 น. - comment id 383152

    มาอ่าน ใหม่ คิด ว่าเข้าจาย กั๊บ.............
    
    กับตอนสีแดง  ๆ ๆ   นะคะ  คุงเริดเจ้าขา
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ธันวาคม 2547 18:34 น. - comment id 383164

    คุงเริด นี่เป็น นิคแนม ของก.พ. หรือครับ
    
    ได้ ha !
  • อัลมิตรา

    4 ธันวาคม 2547 00:01 น. - comment id 383298

    ยอมรับว่าไม่เคยอ่านกลอนสิบสองเลยค่ะ ( เชยป่าว ) ..
    และก็ทึ่งในสายตาเมื่อเห็นกลอนสิบสองปรากฏตรงหน้า 
    ความคับแคบในมุมต่างๆถูกตีแผ่ออกมา อย่างแห้งแล้งสมชื่อกลอน ค่ะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    4 ธันวาคม 2547 00:32 น. - comment id 383307

    สวัสดีครับ
    กลอน 12 ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
    
    กำหนดเอาจากการเพิ่มคำขึ้น  จากกลอน 8
    
    คือ
    3-2-3
    เป็น
    4-4-4
    
    ส่วนกลอน 6
    กลอน 7
    กลอน 8
    หรือกลอน 9
    นี่เคยเห็น
    
    ผมเคยเขียนกลอน 6
    ซึ่งเป็น
    2-2-2
    
    หากยามอ่านหายใจติดขัดไปสักหน่อย
    
    
    
    
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    4 ธันวาคม 2547 12:43 น. - comment id 383386

    ตีแผ่มุมต่างๆ ได้เห็นภาพเลยนะคะ
    นึกอยู่ว่า...ถ้ามีแบบนี้มากๆ...
    สังคมจะอยู่กันในสภาพไหนหนอ
    ..........................................................
    ลี่...ผู้มาเยือน
    .
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    4 ธันวาคม 2547 13:32 น. - comment id 383404

    ตามข่าวแล้วภาพที่ผมวาด ก็ไม่ผิดไปนัก-ผมคิด
    
    สวัสดีครับคุณลี่....ชวนมาเยือน
  • ตุ๊กตาไล่ฝน

    4 ธันวาคม 2547 15:30 น. - comment id 383434

    ...
    
    บัวก็เพิ่งเคยเห็นกลอน12 ค่ะ
    
    เมื่อโลกแล้งรัก
    
    จะหาสิ่งใดมาชโลมให้ชุ่มชื่นดีคะ?
    
    วันนี้บัวมาสวัสดียามบ่ายค่ะ ^_____^
    ...
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    4 ธันวาคม 2547 17:46 น. - comment id 383470

    ขอบคุณครับคุณตุ๊กตาไล่ฝน
    สบายดีนะครับ
  • ลักษมณ์

    7 ธันวาคม 2547 20:26 น. - comment id 384552

    ลักษมณ์ ๑๒
    ไม่แล้งรักเมื่อโลกแล้ง
  • ลักษมณ์

    7 ธันวาคม 2547 20:28 น. - comment id 384553

    ลักษมณ์ ๑๒
    ไม่แล้งรักเมื่อโลกแล้ง ครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 ธันวาคม 2547 20:51 น. - comment id 384573

    สวัสดีคับคุณลักษมณ์ ๑๒
    ไม่แล้งรักเมื่อโลกแล้ง  
    ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนะครับ
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน