เก็บกลีบแก้วกรองกานท์ผสานศัพท์ ใครสดับสำเนียงเพียงแผ่วโหย น้ำเสียงสั่นรรรรัวหัวอกโอย ใจจะโบยโบกบินไปถิ่นใด เจ้าดอกเอยดอกน้ำค้างกลางกลีบแก้ม ดวงแดดแต้มแตะต้องก็ผ่องใส สำราญรื่นชื่นบานบนลานใบ พออาศัยแดดสายก็วายวาง น้ำค้างดีมีที่อยู่คู่กลีบแก้ว ใจเราแคล้วคลาดไปจนไกลห่าง ห่วงเหลือเกินห่วงหัวใจเจ้าบอบบาง จะอ้างว้างวังเวงไร้เพลงครวญ ยามเจ้ายิ้มพิมเพื่อนยังเลือนหลง ขุนแผนคงอาคมอารมณ์หวน เสน่ห์ชักเชิดตรึงถึงเนื้อนวล ฤดีป่วนชวนชมสมฤดี ยามผมเคลียคลอหลังทั้งบ่าไหล่ กระชากใจจนเพ้อเสมอนี่ ยามเจ้าเยื้อนยิ้มมาน่ายวนยี ทุกทุกทีหลงท้นปรนชีวิต ทั้งสามโลกยอมสยบแทบทบเท้า ให้แต่เจ้าเทพีที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนอยู่ในห้วงฝันอันนิมิต กุมมือน้อยเพียงนิดติดอารมณ์
2 ธันวาคม 2547 12:03 น. - comment id 382368
ให้อารมณ์ที่ลึกล้ำมากในความรู้สึกนั้นครับ ผมอ่านหลายๆ บทแล้ว พบว่าน้ำตาหมอกเป็นเพชรที่รอเจียระไนครับ
3 ธันวาคม 2547 16:48 น. - comment id 383085
ขอบคุณครับคุณลำน้ำน่าน ^ __ ^
3 ธันวาคม 2547 16:49 น. - comment id 383086
ขอบคุณครับคุณลำน้ำน่าน ^ __ ^ ผมจะพยายามเจียระไนตัวเองให้ดีที่สุดครับ
6 มกราคม 2548 09:42 น. - comment id 400505
แวะมาอ่านอีกรอบปีใหม่ ด้วยช่วงนั้น กำลังเดินทางไปพิษณุโลกไม่มีเวลามาอ่าน งานไพเราะของคุณ