ดั่งสำเภา กางใบ ในนที ตามวิถี ทางกรรม นำชีวา ผ่านเกาะแก่ง แข่งกับลม พรหมพัดพา หรือเทวา แกล้งทำ ช่างกระไร ฝ่ามรสุม คลื่นกระหน่ำ ลำนาวา บนธารา แห่งชีวิต ลิขิตไว้ ทนลำบาก ยากเย็น ใครเห็นใจ ลอยล่องไป ในกระแส แม่คงคา ผ่านท่าไหน ไม่มี ที่ให้จอด จนแล้วรอด จนสายโยง กระโดงล้า จึงเก็บใบ ให้ลอยไป ในธารา รอเวลา พบศาลา ท่าพักใจ ล่องเรือผ่าน ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำ ทะเลดำ ทะเลแดง ทะเลไหน ทะเลขาว ทะเลดาว ทะเลใจ ล่องลอยไป เคว้งคว้าง ร้างแรมรอน ยามทะเล คลุ้มคลั่ง หวังใช้เกาะ ค่อยค่อยเล่าะ หาเงา เข้าพักผ่อน หวังอาศัย ขุนเขา เข้าแอบนอน เมื่อลมอ่อน ค่อยล่อง ท้องชลา จึงตั้งเข็ม เบนหัวเรือ เพื่อจำจาก ลมกระชาก พัดใบ ไกลภูผา ฉุดสำเภา แล่นลิ่วลง หลงธารา มาถึงท่า เจียนจม ล่มละลาย ทอดเสมอ ขออาศัย พึ่งใบบุญ โปรดการุณ หนุนหวัง ครั้งสุดท้าย จะเทียบท่า ขอเป็น เช่นเรือนตาย เป็นที่หมาย ชายคา ท่าพักใจ
16 ตุลาคม 2547 02:20 น. - comment id 351920
เขียนได้ดีมีความหมายมากค่ะ
16 ตุลาคม 2547 09:34 น. - comment id 351992
เขียนดีจังค่ะ ชอบมากเลย
16 ตุลาคม 2547 22:50 น. - comment id 352350
ความหมายดีจัง ชอบมากค่ะ มาทักทายกันนะคะ สวัสดีค่ะ
16 ตุลาคม 2547 23:46 น. - comment id 352372
...ที่สุดท้าย หมายไว้ ถอดใจพัก... แสนเหนื่อยหนัก ยามรัก แตกหักล้า อยากหยุดพัก ณ ท่านี้ ที่ห่วงหา ฝากอุรา ฝากรัก สมัครใจ.. ..................................................... ขอให้ได้ที่หมายสุดท้ายที่จริงใจ...ใสแจ๋วนะคะ... เขียนได้เศร้า..ไพเราะ...สะท้อนใจมากค่ะ...
17 ตุลาคม 2547 06:57 น. - comment id 352408
ท่าสุดท้าย..ท้ายสุด..จุดที่หา เรือนำพา..ลมพัด..ซัดใกล้ฝั่ง ท่าพักใจ..สุดท้าย..คล้ายจีรัง แต่ใยฝั่ง..หายลับ..ไปกับตา ................................................................ ไม่เคยมีอะไรแน่นอนในชีวิต แม้แต่..ฝั่งแผ่นดินที่มองเห็น..อยู่ตรงหน้า ................................................................