แผ่นดินเป็นผืนเป็นแผ่นเดียว มีสองชายฝั่งแน่นเหนียวทะเลเชื่อม ท้องฟ้าไม่เคยฉีกขาด มีบรรยากาศถักทอ เพียงภูเขากั้น แม่น้ำขั้นเป็นเขตแดน เผ่ามนุษย์ก็สุดจะนับได้ เปล่งเสียงออกภาษาเป็นหมื่นแสน ทั้งที่แทนค่าหมายในภาษาคือความจริง และแล้วเขตแดนก็ขีดขึ้น ไอทะมึนกระบอกปืนชี้เข้าใส่ อีกลวดหนามกีดกันกั้นกันไป แล้วหัวใจก็ล้อมไว้ด้วยทิฐิ ภาษาเขียนเลียนเสียงภาษาพูด การเจรจาทางการฑูตก็หมดความ หอมแก้มกอดกันได้ไหม ? แทนสงคราม ใคร่ขอถามอำนาจใดหรือ จึงละได้ความเมตตา เส้นสมมุติที่พร่าเลือน ยังย้ำเตือนความต่างที่ห่างสันติ ความตายรายล้อมขับกล่อมแทนดนตรี เสียงกวีบอดใบ้ใครจะฟัง จะเอาเลือดมาล้างเลือดให้โลกงาม หรือจะเอาความทรามมาข่มเหง คีตะจะกู้ก้องร้องเสียงเพลง บรรเลงเสียงกล่อมกลบเสียงห่ากระสุนปืน กี่สงครามคือความย่อยยับ กี่แตกดับดวงใจที่ไหม้ตรม อยากดื่มน้ำตาแทนน้ำนม โลกขื่นขมเพราะแผนที่อันแบ่งแยก รอยยิ้มก็แย้มอย่างเดียวกัน หลับก็อยากฝันถึงวันชื่นเฉกเช่น มะเร็งร้ายทำลายโลกเราคือเราเอง การข่มเหงเกิดก่อทุกหย่อมย่าน อยากลบเส้นสมมุติให้หมดหาย อยากทำลายอาวุธให้หมดสิ้น อยากตักไอติมแบ่งกันกิน ไม่อยากได้ยินเสียงไกปืนอีกแล้ว มาเถิดเหวยกระเทย/แมน/แสนงามพธู มาสร้างดูสันติสุขพรหมศิริในเขตคาม เป็นโลกงามไร้ตะเข็บให้เหน็บชา จับมือสัญญาว่าโลกใหม่ไร้กำแพงอคติชน
23 สิงหาคม 2547 07:58 น. - comment id 315046
..โลกนี้ก็เพียงหนึ่งโลก ..มากทุกข์มากโศก ที่ผู้คนเข้ามาห้ำหั่น ..จะแบ่งแยกแตกเสี้ยว เพื่ออะไรกัน ..ฤ ใครอยู่คงกระพันค้ำฟ้า ..ต่างชนชาติใช่ว่าต่างเลือดเนื้อ ..ลองเอามีดเถือดูก็จะรู้ว่า ..สีแดง ที่ถั่งโถมโลมพสุธา ..ใครจะสีเข้มกว่า ดูกันเสียให้พอ ..โอ่อ้างทำเพื่อสิ่งศรัทธา ..พระเจ้าของใครกันหนาที่ร้องขอ ..ให้บรรดาเหล่าสาวกฆ่าเพื่อสวรรค์ที่สร้างรอ ..เหตุใดหนอจึงให้สิทธิ์ริดรอนใครๆ ..กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ..ซากศพถมสูงล้นฟ้าใช่ไหม ..มันคือความศรัทธาที่เป็นไป ..หรือโง่งมงาย ..ใครเล่าช่วยบอกที .. อรุณสวัสดิ์ค่ะ ..
23 สิงหาคม 2547 09:34 น. - comment id 315069
สื่อความนัยแห่งกลอนออกมาสอนใจได้อย่างเยียมมากครับ เรื่องสันติภาพมันเป็นสิ่งที่สุดแสนปราถนาของมวลชน มีเพียงผู้นำแห่งฝูง ชนบ้างคนที่ใช้หนทางที่ผิดวิธีมาใช้เพื่อให้ได้ มาซึ่งสันติภาพ นั้นคือสงครามล้างชาติที่คุ้นตา๚ะ๛ size>