จากถิ่นฐานบ้านป่าเคยอาศัย สู่เมืองใหญ่ดิ้นรนเพื่อค้นหา หลีกหนีความลำเข็ญที่เป็นมา เพราะเงินตราทางใหม่จึงใคร่ลอง เจ้านกน้อยโผผินบินจากดอย ติดตามรอยความฝันมั่นสนอง สู่เมืองกรุงศิวิไลซ์ดังใจปอง ถึงครามองนึกหวั่นใจสั่นคลอน มองถนนเห็นรถแล้วหดหู่ จอดกันอยู่เป็นแพแลสลอน ค่อยค่อยคืบดุจทากยากจะจร ร้อนก็ร้อนคิดจะไปหนใดกัน นกน้อยจากพฤกษ์พนาราคาต่ำ รอยเท้าย่ำสอบถามหาความฝัน ผ่านเพลาเหนื่อยกายมาหลายวัน คิดจะสรรงานดีมิมีมา สังคมเมืองอลวนต่างคนอยู่ มิอาจรู้น้ำใจยากใฝ่หา มือใครยาวสาวเพลินหาเงินตรา เรื่องคุณค่าน้ำใจมิใคร่มี เป็นสาวดอยด้อยงามความรู้ต่ำ ตัดใจจำสัมผัสความบัดสี เลือกไม่ได้โผ. ลงดงโลกีย์ เอาร่างพลีสนองค่าตัณหาชาย เป็นหมอนวดอวดร่างในอ่างน้ำ เขาขย้ำโหมขยี้ศักดิ์ศรีหาย ร่างอาภัพชอกช้ำสิ้นคำอาย ขายร่างกายเป็นเป้าให้เข้าโรม น้ำตารินเอ่อนองริมสองแก้ม ยามแต่งแต้มเพิ่มสินประทินโฉม เป็นนางงามให้เขาเข้าตระโบม ร้อยชายโถมโลมเล้าเอาแต่ตน คล้ายเป็นผักเป็นปลาเขามาเลือก เงินดังเชือกมัดสายตะพายสน เปรียบเป็นควายหรือเห็นเราเป็นคน สู้ยอมทนเพื่อปากท้องที่ต้องกิน เป็นเนื้อนวลในอ่างไร้ทางเปลี่ยน ชายวนเวียนเปลี่ยนพบมิจบสิ้น ร้อยพันชายตอกตราเป็นอาจินต์ รอยมลทินคราบชั่วติดตัวตาย เพลาผ่านนานมาหมดค่าสาว เปรอะคราบคาวทรุดโทรมเพราะโหมขาย ณ.ที่นี้ความสดหมดทั้งกาย ต้องโยกย้ายเปลี่ยนตู้ดูลำเข็ญ วัฎจักรนางงามตู้กระจก ในหัวอกหม่นหมองใครมองเห็น หวังลืมตาอ้าปากคงยากเย็น ความจำเป็นทั้งส่วนตัวและครัวตน พ่อและแม่แก่ชราต้องหาเลี้ยง มิอาจเลี่ยงหลบผลัดแม้ขัดสน น้องเล็กเล็กเรียงรายอีกหลายคน น้ำตาหล่นทุกครายามหากิน ใครใครชมเพียงชู้เอ็นดูผ่าน ลิ้มความหวานสลายก็หายสิ้น หมุนเวียนผลัดผ่านมาเป็นอาจินต์ ค่าเพียงดินผ่านชายเพียงหมายเงิน นั่งมองผ่านกระจกหัวอกเศร้า บางครั้งเหงาคิดรักก็จักเขิน จะมีใครหมายปองมิมองเมิน ช้ำใจเกินเรื่องคู่กับผู้คน เปรียบดอกไม้ริมวิถียังดีกว่า ยังมีค่าใช้ประดับกับถนน ชีวิตหญิงรันทดต้องอดทน ค่าของตนกับดอกไม้ยังไกลกัน บริการปลดเปลื้องเรื่องความใคร่ พลั้งเผลอไปติดโรคต้องโศกศัลย์ ติดเชื้อร้ายประทุษหยุดชีวัน ชีวิตสั้นนับถอยคอยเวลา เจ้านกน้อยหมดท่าน้ำตาล่วง สำนึกห่วงคนบนดอยจะคอยหา มิอาจอยู่ดูแลพ่อแม่ชรา อนิจจาใครลิขิตชีวิตเรา นี่นะหรือชีวิตคนอยู่บนโลก ทางสายโศกมิสดใสดั่งใครเขา หาความชื่นสุขสันต์มาบรรเทา เหมือนหาเงาเข็มล่วงห้วงสายชล จิตมนุษย์สุดลึกเกินนึกนัก มันยอกยักแยกยอนย้อนฉงน ดั่งรากไม้งอกรกช่างวกวน เหมือนใจคนสัปดนวกวนเวียน ชีวิตของนางงามตู้กระจก สกปรกคนเดียดกระเบียดกระเสียร คราบโลกีย์คลุ้งฉาวคาวจนเอียน มิอาจเปลี่ยนคำประนามนางงามคาว ใครจะรู้จะเป็นผู้เห็นค่า ผู้หญิงหา กินกามขายความสาว ชีพมลายปลดเปลื้องจบเรื่องราว แม้ถึงคราวจบสิ้นก็ยินดี รับจดหมายจากแม่แกบอกว่า พ่อชราป่วยมากจะพรากหนี คงไม่นานยากอยู่มาดูที ก่อนไม่มีโอกาสคงขาดใจ เคราะห์กระหน่ำกรรมซ้อนถึงตอนเศร้า โรคก็เร้ารุมจับเกินรับไหว ทางบ้านมีเรื่องร้อนต้องจรไป และคงไม่กลับมาขายค่าคน เก็บสมบัติพัสถานออกขานขาย คนใกล้ตายลำบากยุ่งยากขน ขอเหลือเพียงคราบชั่วติดตัวตน กลับขึ้นบนดอยสงบหลบจากกรุง เตรียมข้าวของหยูกยาเสื้อผ้าฝาก หมากแห้งตากปลาเค็มใส่เต็มถุง ของกำนัลฝากน้าพี่ป้าลุง ทั้งน้องนุ่งแม่พ่อที่รอคืน ต้องลาแล้วเมืองกรุงมุ่งสู่ป่า หลั่งน้ำตาคลาไคลใจสะอื้น ขายศักดิ์ศรีเจ็บจำต้องกล้ำกลืน และขมขื่นชีวิตต้องปลิดปลง นั่งรถไฟยาวนานกลับบ้านเก่า เบื้องหลังเศร้าเบื้องหน้ายิ่งพาหลง จะอยู่ได้นานไหมใจพะวง อาการทรงกับทรุดมิหยุดรอ ตามผิวกายแผลพุ ปะทุหนอง นัยตาหมอง แววซ่อนวิงวอนขอ เป็นโรคเอดส์ระกำก็ช้ำพอ อย่าได้ล้อ ท้ออายด้วยสายตา สุดปลายทางรถไฟยังไกลบ้าน ต้องโดยสารรถไปอีกไกลหนา ละจากรถซมซานผ่านพนา ใช้เวลาจึ่งคล้อยลุดอยบน คำนึงหวนชวนสลดทุกบทบาท ลิ้มรสชาติรันทดสลดผล สิ่งสุดท้ายได้รับสำหรับตน คือทุกข์ทนยลแค่กระแสกรรม จะโทษดินโทษฟ้าก็หาไม่ โทษหัวใจบัดสีที่ถลำ สู่ห้วงกาเมสิกขาฯค้าประจำ จนต้อยต่ำหมดค่ามิว่าใคร รถยังวิ่งเดินหน้าน้ำตาเปื้อน มันวิ่งเคลื่อนตามรางที่วางให้ แต่ชีวิตสิ้นรางสิ้นทางไป จะมีใครเวทนาหันมามอง ถึงจุดหมายสถานีที่สุดท้าย ต้องตะกายแรงหญิงยกสิ่งของ มิมีใครคอยขยับเข้ารับรอง ชายตามองทำแสดงแล้วแกล้งเมิน กะเร่อกะร่าแถวหน้าสถานี มองไป่มีรถเข้าสู่เขาเขิน ละล้าละลังชีวิตคิดจะเดิน ก็เหลือเกินเดินย่ำจะลำเค็ญ หารถเหมาตัดใจรีบไปก่อน ต้องคอยซ่อนแผลไว้มิให้เห็น กว่าจะถึงเชิงดอยคงคล้อยเย็น จะทันเห็นหน้าพ่อไหมหนอเรา จากไปนานบ้านเมืองประเทืองผล ทุกแห่งหนถนนสร้างเชื่อมทางเขา ป่ารกชัฎเคยเคียงกลับเกลี้ยงเกลา ผู้ใดเผาผลิกป่าเป็นนาคร คนชั่วตัดทำลายแอบขายป่า ยังเชิดหน้าคร่อมตอคอ สลอน พณฯท่านหน้าหนามิอาทร ใครจะค่อนฉ้อฉลมิสนใจ เป็นเพียงคนธรรมดาใกล้ลาโลก สิ้นสายโศกใยปลงอสงไขย มิเคยคิดวกเวียนเบียดเบียนใคร แต่ยังไกลคำว่า..ข้าก็คน มองผู้สาวละอ่อนตอนกำดัด จิตประหวัดห่วงหาน่าฉงน อธิษฐานอย่าคอยย้อนรอยตน หลีกให้พ้นถนนบาปตราบนิรันดร์ ถึงเชิงดอยสิ้นถนนรถยนต์วิ่ง รถจอดนิ่งคนสลดหมดความฝัน ผีคืนหลุมแพ้แสงแห่งตะวัน เราเช่นกันกลับดอยมาคอยตาย สังขารกร่อนอ่อนเพลียละเหี่ยโหม ร่างทรุดโทรมโรค รั้งกำลังหาย พะรุงพะรังเดินอ่วมเหงื่อท่วมกาย มองจุดหมายขาสั่นประหวั่นใจ ตะวันรอนอ่อนมัวสลัวแสง คนสิ้นแรงก้าวขาน้ำตาไหล หนทางชันลำบากยังยากไกล ต้องเดินไปใจมั่นกลั้นน้ำตา เจ้านกน้อยขมขื่นคิดคืนคอน จะหวนย้อนรังเก่าบินเข้าหา ปีกพิการกระพือยื้อเวลา สุดอ่อนล้ายังฝืนจะคืนรัง กระเซอะกระเซิงเดินย่ำจนค่ำมืด เดินจนหืดขึ้นคอรอความหวัง มีสักคนผ่านด้วยช่วยประทัง พาไปยังกระท่อมน้อยที่คล้อยมา แสงกระจ่างจันทร์ส่องลงต้องร่าง สิ้นแรงย่างเยื้องกรายจะไปหา ทรุดลงนั่งร้องไห้ในพนา หมดปัญญาเหนื่อยเกินจะเดินไป พื้นสะเทือนเสียงสะท้อนย้อนเข้าหู ยินเสียงรู้เหมือนม้าวิ่งมาใกล้ ตะโกนก้องร้องลั่นสนั่นไพร กระโจนไปไม้มือกระพือวน ชะงักงันพระนั่งบนหลังม้า มองสีกาด้วยจิตคิดฉงน ร้องถามว่าเจ้านี้ผีหรือคน ใยพิกลป่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย จะไปไหนเส้นทางระหว่างป่า จะค้นหาอะไรสิ่งใดหาย เดินในป่าทุกข์ยากลำบากกาย จงขยายบอกเล่าเรื่องเจ้ามา ยกสองมือขึ้นพนมแล้วก้มกราบ ลำดับภาพเล่าหวนกลับครวญหา ถึงพ่อเฒ่าเจ็บไข้วัยชรา ขอเห็นหน้าครั้งสุดท้ายก่อนสายไป พระคุณเจ้ากล่าวว่าสิกาเอ๋ย กรรมแล้วเอยเราจะแจ้งแถลงไข พ่อของเจ้าทิ้งถิ่นเพิ่งสิ้นใจ เมื่อยามใกล้พลบค่ำย่ำระฆัง สิ้นเสียงสุด ดุจสิ้นทั้งวิญญาณ์ หลั่งน้ำตาโศกสลดเพราะหมดหวัง พ่อสิ้นแล้วสังขาร์ละล้าละลัง ทิ้งคนหลังดูใจไปไม่ทัน พระคุณเจ้าร้องสั่งให้รั้งอยู่ จะหาผู้ช่วยไปจากไพรสัณฑ์ สั่งสิ้นเสียงขยับม้าลับตาพลัน เสียงสนั่นม้าวิ่งดั่งทิ้งนาง เย็นยะเยือกเจ็บแปลบลมแนบหนาว กายร้อนผ่าวไข้รุมเข้าสุมร่าง นัยตาจ้องเพ่งพิศหลงทิศทาง สรรพางค์ปวดร้าวเกินกล่าวคำ ระลึกภาพนางงามนั่งตามตู้ ลำดับผู้คนผ่านเคยขานขำ ลำดับชายเคยค้าขาประจำ บ่นพึมพำพร่ำเปรอะถ้อยเลอะเลือน น้ำตารินไหลย้อยอุ่นรอยแก้ม รอยยิ้มแกมแซมสลดประชดเหมือน รู้สัญญาความตายจะกรายเยือน สัญญาณเตือนว่าชีวิตจะปลิดปลง คิดถึงพ่อรอก่อนจะย้อนหา ถึงเวลาตามไปคงไม่หลง คิดถึงแม่ถึงน้องร่วมพ้องพงศ์ แล้วล้มลงสิ้นสายลมหายใจ อนิจจาใครลิขิตชีวิตหนา ใครจะหาถ้อยแสดงแถลงไข ทุกเรื่องราวลำเข็ญที่เป็นไป พรหมหรือใครลิขิตขีดให้เดิน หนึ่งชีวิตจบสิ้นโอบดินสอน อุทาหรณ์สอนเราจากเขาเขิน ดำรงชีพดีชั่วอย่ามัวเพลิน ค่อยค่อยเดินมั่นคงอย่าหลงทาง บทสุดท้ายนางงามตู้กระจก มิใช่ยกคนยากมาถากถาง หยิบประเด็นเห็นค่าจับมาวาง เพียงจะสร้างแนวให้สอนใจกัน.@
17 สิงหาคม 2547 15:05 น. - comment id 313053
แวะมาชื่นชมกลอนของท่านผู้เฒ่าครับ ยังเนี๊ยบเฉียบขาดเช่นเดิมครับท่าน
17 สิงหาคม 2547 15:17 น. - comment id 313059
อ่านไปเห็นภาพไปเหมือนดูละครตั้งแต่ต้นยันจบเรื่องรู้สึกเศร้าและสงสารอย่างบอกไม่ถูก คนเราเลือกเกิดไม่ได้และยังโดนสังคมกลั่นแกล้งอีก น้ำตาไหลเลยค่ะสงสารนางเอกตอนจบ ทำไมไม่ให้เธอพบพ่อก่อนแล้วค่อยตายละคะ ผูเฒ่าใจร้ายมากค่ะ
17 สิงหาคม 2547 15:18 น. - comment id 313060
ด้วยชีวิต หาเช่น เป็นผักปลา จะซื้อหา เน้าเนียง ร่วมเคียงหมอน แม้เพียงหนึ่ง แนบเนา คราวหลับนอน ชีวิตหล่อน ยากไร้ ใจทนทำ
17 สิงหาคม 2547 15:47 น. - comment id 313073
เรียนท่านผู้เฒ่าผมอ่านของท่านสองเที่ยวแล้วขออนุญาตเก็บไว้เป็นแนวทางในการเขียนกลอนของผมต่อไปหวังว่าท่านผู้เฒ่าคงจะไม่ว่าผมนะครับ กลอนของท่านเป็นกลอนที่ลึกซึ้งสุดจะกล่าวได้ ยิ่งตอนที่ผมยกมานี้เป็นบทกลอนที่กินใจผมมากครับ จิตมนุษย์สุดลึกเกินนึกนัก มันยอกยักแยกยอนย้อนฉงน ดั่งรากไม้งอกรกช่างวกวน เหมือนใจคนสัปดนวกวนเวียน ขอบคุณมากครับที่สรรหาสิ่งๆดีๆและเป็นบทสอนทั้งทางโลกและแนวทางเขียนกลอนเอาไว้ครบถ้วนเลยครับ เคารพ. แก้วประเสริฐ.
17 สิงหาคม 2547 16:05 น. - comment id 313081
คุณลุงผู้เฒ่า ฝากแง่คิดไว้ในบทกลอนเสมอ.. .. ขอบคุณค่ะ..
17 สิงหาคม 2547 17:05 น. - comment id 313103
ใครจะรู้ ใครจะเห็น ใครจะเป็น ผู้เห็นใจ ใครจะมา คิดจริงใจ ผ่านเลยไป ไม่จริงจัง ... จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาศจับไมค์ร้องเพลง และอัลมิตราเลือกร้องเพลงของเทียรี่ เมฆวัฒนา เพลงนี้ค่ะ เพราะกินใจในเนื้อหา คราวนี้มาอ่านกลอนของคุณผู้เฒ่า ก็รู้สึกเช่นกันค่ะ
17 สิงหาคม 2547 17:25 น. - comment id 313112
เพียงนางงาม ที่ผม ชอบไปเฝ้า เพราะใจเหงา เลยต้องไป หาสวยๆ พอสิ้นเดือน ต้องไปอีก ตามประสาคนรวย ไปเลือกหน้าหมวยๆ อกใหญ่ ตื่นเต้นจัง
17 สิงหาคม 2547 17:35 น. - comment id 313121
เป็นตำนานชีวิตที่เขียนออกมาได้ดีมากเลยครับ ไม่เข้าใจเลยครับ มีสตรีที่มากมายถึงไม่มีความรู้ เขาก็ขายแรงกาย ไม่คิดที่จะขายร่างกายเหมือน คนกลุ่มนี้ก็ไม่เห็นเขาอดตายนี่ครับ เรื่องชะตา ชีวิต เมื่อตัวเองลิขิตเองโดยจงใจไปเดินอยู่บน ทางสายบาป มันก็คงต้องรับทุรกรรมจากทางเดิน สายนั้นแล้วทำไมจะต้องร้องไห้เสียใจด้วย ๚ะ๛size>
17 สิงหาคม 2547 18:45 น. - comment id 313184
สวสดีค่ะคุณผู้เฒ่า... เรื่องมันเศร้านะคะ ตอนแรกนึกว่าอ่านเรื่องสั้นสักเรื่อง อ่านไปอ่านมาเป็นเรื่องแสนยาว ให้นึกถึงพระวัดอาชาทองที่จังหวัดเชียงรายน่ะค่ะ ที่ต้องขี่ม้าไปบิณฑบาตร พระที่ได้มาพบหญิงสาวคนนี้ แต่หญิงคนนี้ตายเร็วไปนิดนะคะ เพราะเดินทางระหกระเหินมาตั้งไกล ทำไมตายง่ายจัง..ต้องไปนอนซม นอนป่วย ให้ชาวบ้านรังเกียจเดียจฉันก่อนค่ะ อ้อ..ต้องอดอยากช่วงป่วยหนักด้วย ชีวิตจะได้บัดซบ..เต็มสูตร กอกกจะจินตนาไปตามประสานะคะ ห้ามโกรธาค่ะ เดี๋ยวไม่ยอมให้เราอ่านงาน อิ๊ อิ๊ เขียนกลอนได้สะใจมากค่ะ ขอขอบคุณ
17 สิงหาคม 2547 18:56 น. - comment id 313189
ขอธรรมะคุ้มครองท่านผู้เฒ่า และทุกท่านค่ะ
19 สิงหาคม 2547 19:28 น. - comment id 313214
เรน..เห็นคุณลุงตั้งนาน.. แต่เรน ..เข้าเวป ..ไม่ได้ ..นะคะ.. ดีใจ..มากเลยคะ.. ก็ ..วันนี้ เรน.. เปิดเข้ามาได้ นะคะ.. . แบบ .. เรนจะบอกคุณลุงงัยดีคะ.. ยิ่งอ่าน..เรนก็ ยิ่งได้.. ประทับใจ .. มากเลยคะ... คำสัมผัส .. และความหมาย .. คุณลุง ..สื่อได้ ไพเราะ..มากเลยคะ.. เรนชอบ ที่สุด.. อ่านตั้งหลายๆรอบนะคะ.. นางงามตู้กระจก ..เธอน่าสงสารมากเล้ยย .. เรน.. อยากให้ ..เธอ ได้พบพ่อจัง.. คุณลุง ..คงไม่ใจร้าย .. นะคะ.. เปลี่ยนบท .. ให้เธอ .. พบพ่อ ..ได้ปล่าวร่า.. แบบเรน ..ขอร้อง .. อย่าใจร้ายดิคะ.. เรนรู้ .. คุณลุง .. ใจดี.. ที่สุดในโล ก.. ซาแว้ป.. ..บทกวี ..เป็นของคุณลุง.. แต่ ภาพ ..เป็นของเรน .. อิอิอิ.. ( ..คุณลุง ไม่ชอบภาพ ..ก็ เอาออกได้นะคะ..)
19 สิงหาคม 2547 21:33 น. - comment id 313243
เยี่ยมครับ :)
20 สิงหาคม 2547 07:13 น. - comment id 313346
เรน..ตื่นเช้า ..มาทักทาย..อรุณสวัสดิ์..คุณลุงนะคะ.. ซาแว้ปป ..
20 สิงหาคม 2547 07:41 น. - comment id 313358
อย่าไปว่าพวกเค้าทั้งหมด เหมือนกับคนที่เคยโดนว่า ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นหมดทั้งคอก หมดนวดบางราย มีครอบครัวแล้ว หรือไม่นั้น แต่........ ที่สำคัญที่สุด หญิงหมดนวดบางคน ก็ ยังดีกว่า หญิงทำงานบางคน เอาตัวแลกเพื่อให้ได้มา แม้กระทั่ง แย่งสามีชาวบ้าน เป็นเด็ก เก็บในความครอบครองของ พวกชายมีเงินหลายคน หญิงเล่านี้ ก็จะอวดเบ่งทำเก่งในสังคม เหมือนจะเป็นรวยนะ แต่............... พวกหญิงเหล่านั้นไม่รู้เลยว่า พวกเค้า มาจากไหน
20 สิงหาคม 2547 07:43 น. - comment id 313359
หญิงหมอนวดบางคนดีกว่า คางคกขึ้นวอเมียน้อย
20 สิงหาคม 2547 13:08 น. - comment id 313504
เสมือนได้นั่งดูเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างได้ละเอียด ตั้งแต่บทเริ่มต้น ความเป็นไป จนถึงบทจบ ยิ่งค่ะ คุณผู้เฒ่าเขียนบทนี้ได้ประทับใจจริงค่ะ .....................................................................................
20 สิงหาคม 2547 20:35 น. - comment id 313714
คิดถึงเพลงแม่สาย อ่านไปซึ้งในอารมณ์มากครับ นำไปสร้างเป็นหนังได้เลยครับ โศกนาฏกรรมที่ยังไกลตัวจึงมัวหลงระเริงมองไม่เห็น คิดว่าเราอยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่บ้านเรามีน้ำมีข้าวกินไม่อดตาย ไม่ต้องตะเกียกตะกายไปแสวงหาสิ่งลวงตา อ้อเรื่องเมล์ส่งมาหาผมได้รับแล้วครับ แต่ต้องขออภัยยังไม่มีเวลาเข้าไปทักทาย ช่วงนี้ยังหาเวลาว่าง แต่งกลอนตอบน้องหญิงยังไม่เสร็จเลยครับ
23 สิงหาคม 2547 23:16 น. - comment id 315563
งานนี้คิดถึงเพลงเดียวกับคุณชัยชนะเลยค่ะ แต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ เป็นอุทาหรณ์สอนใจดีค่ะ แต่บางครั้ง ความจำเป็นก็เป็นองค์ประกอบสำหรับความผิดพลาดได้
23 สิงหาคม 2547 23:47 น. - comment id 315613
ขอบคุณทุกท่านครับ จะพยายามเขียนให้ดีกว่านี้ หายไปหลายวันมาตอบช้าต้องขออภัยครับ.. ในส่วนของการเปลี่ยนเนื้อเรื่อง คงทำยากครับ แต่ ถ้าจะเขียนเรื่องใหม่ จะพยายามให้จบแบบไม่โหดร้ายครับ.. สวัสดีทุกท่านครับ ขอให้มีความสุขทุกท่าน..